บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 สัตว์โลกน่ารัก

@ คอนโด F กรุงเทพฯ

"โอ๊ย! หลังจะหลุด เหนื่อยชิ.. หาย" มิ้นนอนแผ่บนโซฟายาวในคอนโดใหม่ของตัวเองอย่างหมดแรง

"แหม ๆๆ แล้วใครให้มึงแบกบ้านขึ้นมาคะ" ฟาตี้เพื่อนรักของเธอหลานสาวเจ้าของคอนโดกระแนะกระแหนเพื่อน

"ก็ของมันจำเป็นนี่วะ เอาไว้บ้านก็ไม่ได้ใช้ไง" มิ้นว่าพลางยิ้มตาหยี

"กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง จำเป็นมากมั้ง ทำอย่างกะ 4 ปี มึงจะไม่ซื้อใหม่งั้นแหละ แล้วที่นี่กรุงเทพค่ะคุณมินทิราไม่ใช่เนินหมาหอบ จะได้ไม่มีอะไรขาย" กีกี้เพื่อนไซส์เล็กบ่นอุบหลังวางกล่องเครื่องสำอางกล่องใหญ่ของเพื่อนลงที่โต๊ะกลางหน้าโซฟา

"เอาน่า... ช่วยเพื่อน เดี๋ยวเย็นนี้กูเลี้ยง" มิ้นว่าพลางยักคิ้วให้เพื่อน ๆ

Mint talk

วันนี้ขนของเข้าคอนโดจ้า เหนื่อยมากเลยแม่ ^_^ ดีนะที่คนของน้ามัทมาขนช่วย ไม่งั้นคงได้หอบแด.. กันมากกว่านี้ มิ้น ขนของคนสุดท้ายค่ะ ยัยกี้ขนเสร็จเมื่อวานก็จากคนของน้ามัทอีกแหละ น้าบอกว่าของมันน้อยขนก่อนคนจะได้ไม่เหนื่อย ของมิ้นมีแต่จำเป็นเลยเยอะก็ขนกันวันนี้ แต่ยัยฟาสบายหน่อยคนของลุงกับแดดดี๊มันช่วยขนมาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว แล้วค่ะ แต่เราก็เพิ่งเข้าคอนโดพร้อมกัน น้ามัทว่าจะมาแต่ยังไม่ถึงมิ้นเลยว่าจะเลี้ยงฉลองเข้าคอนโดใหม่กันที่ห้องมิ้นนี่แหละ หาอะไรง่าย ๆ มากินกัน เออ... แล้วเรื่องลูกค้าขนม มิ้นแจ้งเขาไปแล้วค่ะว่ามาเรียนไม่สะดวกแต่ที่ร้านมีเมนูนี้อยู่แต่ถ้ามากรุงเทพอยากกินก็ไลน์มาบอกได้นะ ยินดีทำให้ค่ะ เรื่องเงินเรื่องทองอะเนาะ แต่ถ้าเรามีเวลาเราก็คุยกันนะคะว่าจะขอเช่าพื้นที่ ที่ห้างป้ายัยฟาเปิดร้านเล็ก ๆ พอได้ทำส่งลูกค้าค่ะ เรื่องในอนาคตอะเนาะแต่ต้องดูก่อนว่าวิศวะเนี่ยเรียนยากมั้ย อ้อ... พ่อกับแม่มิ้นยังไม่มานะคะเพราะทุกอย่างแม่มิ้นกับม้าไอ้กี้ให้น้ามัทดำเนินการค่ะ รวมทั้งเรื่องรถที่จะใช้ไปเรียนด้วย เราก็เลยได้ตามที่ต้องการ เพราะน้ามัทไม่ขัดใจพ่อไกรเป็นคนเปย์ค่ะ ฮ่า ๆๆ ...

"มิ้น... กูว่าเราไปกินชาบูที่ห้างกันเหอะกินที่ห้องต้องมาล้างอีก กูเหนื่อย" กีกี้ว่าอย่างเกียจคร้าน

"อือ... กูเห็นด้วยกะอิกี้ กูเหนื่อยขนรองเท้ามึงเนี่ย ตีนคนหรือตีนตะขาบก่อน..." ฟาตี้เห็นด้วยกับเพื่อนตัวเล็กของเธอแล้วบ่นต่อให้มิ้นอีกคน

"ก็ได้ แล้วเราต้องรอน้ามัทมะ?" มิ้นพยักหน้าหันมาถามเพื่อนพลางลุกขึ้นนั่ง

"โอ๊ย! รอน้ามัทกูหิวตายจะได้กินน้ามัทแทนชาบูกันพอดี เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปกันเลยเหอะ" กีกี้ว่า

"กูเห็นด้วยกับกี้นะ งั้นกูขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บ เดี๋ยวลงมา" ฟาตี้ว่าพลางเดินไปเปิดประตูออกไปห้องตัวเอง กีกี้เดินตามไปอีกคน...

"พวกมึง กินเสร็จเราซื้อของไปพร้อมเลยมะ กูขี้เกียจออกมาอีก" ฟาตี้เอ่ยขึ้นกับเพื่อนขณะนั่งรถมาที่ห้างที่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยที่เธอจะมาเรียนมากนัก

"เออ... อิฟา มึงเคยบอกว่าป้ามึงให้บัตรส่วนลดไว้ใช่น่ะ เราไปกินชาบูมึงก็ใช้สิทธิ์สิ" กีกี้ว่าอย่างนึกได้เพราะเพื่อนเคยบอกว่าเธอมีบัตรไว้ใช้เป็นส่วนลดในห้างที่ป้าให้ไว้นานแล้ว

"เออ... ใช่ ๆ มึงเอาออกมาดูดิ มันหมดอายุหรือยังวะฟา" มิ้นเห็นด้วยกับเพื่อนที่นั่งข้าง

"โอ๊ย! มึง ป้ากูเป็นประธานที่ปรึกษาของห้างเลยนะ จะให้กูใช้บัตรมาลดชาบูไม่กี่ร้อยนี่ก่อ...? เดี๋ยวเขาก็ว่าป้ากูไม่มีปัญญาเลี้ยงเอาพอดี แล้วมึงดูรถที่มึงขับมาด้วยค่ะคันละกี่ล้าน จะมาใช้บัตรเบ่งลดชาบูหลักร้อย กูกะอายเด้สู" ฟาตี้โพล่งขึ้นด้วยว่าเธอเกรงใจป้าของเธอที่หลานสาวจะใช้บัตรส่วนลดกับอาหารบุฟเฟต์คนละไม่กี่บาทถึงป้าจะบอกว่าลดได้หมดก็เถอะแต่เธอก็เกรงใจอยู่ดี

"เออ...ว่ะ งั้นเอางี้กระเป๋าที่เราจองกันไว้แล้วให้เขาส่งมาที่สาขานี้เราก็ใช้ส่วนลดได้ใช่มะ จ่ายรวมกันแล้วขอส่วนลดน่าจะได้หลายบาทอยู่" มิ้นว่าอย่างนึกได้เพราะพวกเธอสั่งกระเป๋ารุ่นลิมิเต็ดของแบรนด์ดังไว้คนละใบเพื่อสะสมและเกร็งกำไรในอนาคต ถ้าได้ส่วนลดอีกก็จะได้กำไรมากขึ้น

"อือ... กูเห็นด้วยเลย ถ้าลดซัก 5% เราก็ได้หลายหมื่นอยู่เด้อ แล้วเอามาขายเท่าราคาช็อปหรือสูงกว่า กำไรได้ไปมัลดีฟส์ปิดเทอมเลยนะมึง" กีกี้พยักหน้าเห็นด้วยตาเป็นประกายเพราะพวกเธอเคยคุยกันว่าถ้าโตขึ้นเรียนมหาวิทยาลัยแล้วจะไปมัลดีฟส์ซักครั้ง

"งั้นก็ตามนี้แหละ อะไรที่จ่ายได้เราก็จ่า อะไรพอลดเราก็ลดละกัน" ฟาตี้เออออไปตามเพื่อนก่อนที่รถจะเลี้ยวเข้าที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของห้างดัง แล้วทั้ง 3 ก็เดินลงจากรถแล้วมุ่งหน้าไปร้านชาบูเพื่อเติมพลังงานก่อนเดินซื้อของ

@ ชั้นออฟฟิศของห้างดัง

"คุณคินครับ คุณหนูฟาติมากับเพื่อนของเธอมาห้างครับ" ชายร่างใหญ่ทรงนักมวยปล้ำเดินเข้ามาบอกชายหนุ่มที่กำลังเตรียมเอกสารงานที่ฮ่องกงให้กับนายน้อยของเขาที่จะเดินทางในตอนเย็นพร้อมกัน

"อือ" คินตอบรับในคอ "เธอนัดกับคุณหญิงหรือไง?" ชายหนุ่มถามขณะนั่งเตรียมเอกสารไม่ได้มองหน้า

"ไม่น่าใช่ครับ พวกเธอไปร้านชาบูครับ" ชายร่างใหญ่ตอบ

"อือ... บอกแอริคเตรียมเดินทาง" คินขานรับและสั่งงานลูกน้องเรื่องอื่น ชายร่างใหญ่ก้มหัวแล้วเดินออกไปทันทีและในทันทีที่คล้อยหลังลูกน้องของตัวเอง ชายหนุ่มพุ่งไปที่คอมพิวเตอร์สเปกสูงที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานใหญ่ของประธานบริษัทและเปิดเข้าโปรแกรมกล้องวงจรปิดของห้างที่สามารถดูได้ทุกมุมพร้อมกับเปิดเข้าไปดูกล้องที่ร้านชาบูชื่อดังที่ตอนนี้มีสาววัยใส 3 คนกำลังนั่งกินกันอย่างสนุกสนาน และยิ้มพรายออกมาเต็มใบหน้า

"หือ? ยิ้มอะไรครับลูกชาย" คุณหญิงอรนราเดินเข้ามาข้างในห้องท่านประธานโดยที่ไม่ได้เคาะประตูเห็นลูกชายบุญธรรมนั่งยิ้มอย่างอารมณ์ดีจึงปิดประตูลงและเอ่ยทักขึ้น

"เปล่าครับคุณหญิง" ชายหนุ่มปฏิเสธพร้อมกับกดเปลี่ยนหน้าจอเป็นคลิปสัตว์โลกน่ารักทันที ก่อนที่คุณหญิงจะเดินมาถึงโต๊ะ

"บอกให้เรียก แม่ สอนยากนะเรานี่ แล้วดูอะไรถึงยิ้มคะนายรอง" คุณหญิงเดินเข้ามาหาลูกชายบุญธรรมพร้อมกับดุเรื่องคำเรียกแทนตัวเอง พร้อมกับชะโงกหน้ามองหน้าจอที่ลูกชายบุญธรรมเปิดค้างเอาไว้

"หือ? โตป่านนี้แล้วยังดูสัตว์น่ารักอีกนะเรา ลูกน้องมาเห็นเขาจะขำเอานะลูก" คุณหญิงว่ากับลูกชายบุญธรรมอย่างเอ็นดู เพราะเขายังชอบทำอะไรเหมือนเด็กไม่ต่างจากน้องชายที่ก็ชอบที่จะนั่งดูวิดีโอพวกนี้มาตั้งแต่เด็กด้วยกัน

"ผ่อนคลายครับคุณหญิง...

โอ๊ย...เอ็นดู กลัวแม่รู้เปิดสัตว์โลกน่ารักซะงั้นคุณคิน ^_^ ฝากติดตามผลงานเรื่องใหม่ของ Plernwalee ด้วยนะคะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel