บทที่ 8 ตกกระไดพลอยโจร
ขณะที่หญิงสาวกำลังพยายามตั้งสติ บนห้องผู้ป่วยพิเศษซึ่งที่จริงเป็นเจ้าของโรงพยาบาลก็กำลังถึงจุดเดือด เมื่อสิ่งที่กุสุมาย้ำให้คุณหญิงพรพรรณพูดกับจุลพัธน์นั้น ทำให้ชายหนุ่มถึงกับโวยวายโกรธเป็นฟื้นเป็นไฟ เพราะคุณหญิงนั้นหาเจ้าสาวให้เขาไว้แล้ว พร้อมฤกษ์วิวาห์ในอีกสองเดือนข้างหน้า บิดาที่เคยกอดคอดื่มกินด้วยกันก็ทำไม่รู้ไม่ชี้
“แกน่ะสามสิบกว่าแล้วยังหาเมียไม่ได้ รู้หรือเปล่าว่าคนในวงสังคมเขาซุบซิบว่าแกเป็นเกย์กับตาธัญ” คุณหญิงพาดพิงถึงธัญธร ซึ่งเป็นหลานอีกคน
“สมัยนี้ผู้ชายเขาแต่งงานกันตอนสี่สิบนะครับคุณย่า รออีกสักเจ็ดแปดปีไม่ได้เหรอครับ” เขาออดอ้อน ซึ่งลูกไม้แบบนี้ใช้ได้ผลเสมอ
“แกจะยืดเวลาไปทำไมล่ะจุล ย่าแกจะตายวันนี้พรุ่งนี้อยู่แล้ว!”
“ไอ้ดล! นี่แกแช่งฉันเรอะ!” คุณหญิงคว้าลูกแอปเปิลขว้างไปทางบุตรชายที่เอี้ยวตัวหลบแทบไม่ทัน “ไอ้ลูกบ้า ฉันยังไม่ตายถ้าไม่ได้เห็นเมียของหลานรัก จุล! ทำไมล่ะลูก มีผู้หญิงเป็นร้อยมาชอบเรา ย่าเองก็ไม่เคยล็อกเสปกเลยนะ จะสาวแก่แม่ม่าย ฝรั่ง หรือมีลูกติด ย่ายอมทั้งนั้นให้แต่จุลรัก หรือว่าจุลเป็นเกย์อย่างที่เขาลือกัน”
“โธ่คุณย่า...” จุลพัธน์โอดครวญ ยังพูดไม่จบประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับเสียงแหลมๆ ของมารดา
“เกย์ เกอ อะไรกันคะ...หลานของคุณแม่น่ะเป็นผู้ชายทั้งแท่งแน่ค่ะ” กุสุมาก้าวเข้ามาก่อน ความอวบของหล่อนบังร่างบางๆ ที่เดินตามหลังจนไม่มีใครมองเห็น กระทั่งเบี่ยงตัวออกนั่นล่ะ คนทั้งห้องจึงได้เห็นเด็กสาวอีกคนที่เดินตามมาด้วย
“ทิชา...” จุลพัธน์คราง ปวดหัวตึ้บขึ้นมาเมื่อเจ้าเด็กทอมบอยยืนตาปรืออยู่ข้างหลังแม่ของเขา หน้าเธอแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ตาบวมเพราะผ่านการร้องไห้อย่างหนัก แถมยังทำท่าผะอืดผะอมเหมือนจะอาเจียน เขาคงประมาทเกินไปที่ทิ้งเธอไว้บนรถจนมารดาไปพบเข้า ดีไม่ดีจะหาว่าเขาพาใครไม่รู้มาทำมิดีมิร้ายบนรถตัวเอง
ที่สำคัญ...แม้ครอบครัวเขาจะรู้จักกัณหาดี แต่เด็กคนนี้ล่ะ เธอมีตัวตนแค่ไหนในฐานะน้องสาวเลขาของเขา
มนทิชายกมือไหว้ทุกคนซึ่งกำลังจ้องมองมาที่เธอราวกับเป็นตัวประหลาด หญิงชราที่กระโดดผลุงขึ้นจากเตียงขยับแว่นขึ้นลงเป็นจังหวะ ชายวัยกลางคนซึ่งน่าจะเป็นพ่อของจุลพัธน์กางหนังสือพิมพ์ค้างไว้
กุสุมาจัดแจงให้เด็กสาวนั่งบนเก้าอี้รับแขก ก่อนจะเดินนวยนาดไปหาแม่สามีที่เหมือนจะหายป่วยกะทันหัน
“อุ๊ยคุณแม่คะ...ไม่สบายอยู่นะคะเดี๋ยวสายน้ำเกลือก็หลุดหรอกค่ะ”
“นะ...นั่นใครกันกุสุมา” คุณหญิงพรพรรณชะเง้อชะแง้ผ่านไหล่ของลูกสะใภ้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ต้องให้ตาจุลแนะนำแล้วล่ะค่ะว่าไปทำอะไรน้องเขาถึงได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งแบบนี้ ทั้งๆ ที่เรากำลังคุยเรื่องสำคัญอยู่แท้ๆ”
จุลพัธน์เหมือนนึกอะไรได้ เขาขยับเข้าไปหามนทิชาอย่างว่องไว ทั้งยังถือวิสาสะใช้แขนพาดบ่าของเธอไว้อย่างสนิทสนม
หญิงสาวผงะถอยห่าง แม้จะยังมึนๆ งงๆ แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะให้ใครมาแตะเนื้อต้องตัวง่ายๆ โดยเฉพาะคนที่พี่สาวกำลังคบหาดูใจอยู่
“ทิชา...ช่วยหน่อยนะ...ให้ผ่านตรงนี้ไปก่อน” เขาพูดเสียงเบา แม้จะเป็นการขอร้อง แต่มนทิชากลับรู้สึกว่าเขากำลังขู่มากกว่า
“ฮึ้ย...ไรอ่ะ...ไม่อาว”
“คุณย่าจะจับฉันแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ เธออยากให้พี่สาวเธออกหักเหรอ?” ชายหนุ่มขู่ฟ่อเมื่อเธอไม่ยอมเล่นด้วย ไหนๆ เธอก็เข้าใจผิดว่าเขาเป็นกิ๊กกับกัณหา เสือสามตัวที่อยู่ในห้องก็กำลังจ้องตะครุบเหยื่อ ขอเพียงให้พ้นคืนนี้ เขาจะได้ไม่ต้องถูกจับคลุมถุงชนแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จัก
“ห๊ะ...คุณจะนอกใจ...อุ๊!” หญิงสาวกำลังจะโวยวาย เขาก็ตะปบมือลงมาปิดปากไว้ซะก่อน
“นอกใจที่ไหนกันเล่าที่รัก” จุลพัธน์พยายามทำเสียงหวานจ๋อย มือยังไม่ปล่อยจากริมฝีปากที่พร้อมจะตะโกนออกมาทุกเมื่อ “คุณย่า คุณพ่อคุณแม่ครับ คือว่าอาจจะกะทันหันไปหน่อย แต่นี่ หนูมน...เราเป็นแฟนกันครับ”
“แฟน!!”
เสือสามตัวร้องขึ้นพร้อมกันอย่างตกตะลึง ขณะที่มนทิชาแทบจะหายเมาเป็นปลิดทิ้งเมื่อถูกชายหนุ่มขี้ตู่เอาดื้อๆ คุณหญิงพรพรรณนั้นถึงกับกระเด้งขึ้นมานั่งได้อีกรอบ
“จุล พูดจริงหรือลูก?”
“ครับคุณย่า เราเพิ่งจะคบกัน” เขากลั้นใจโกหก ปล่อยมือที่ปิดริมฝีปาก แต่เปลี่ยนมาจับแขนเธอแทนเพื่อล็อกตัวไม่ให้หนีไปไหน
“ยังเด็กอยู่เลย อายุเท่าไหร่กันนี่ แกไม่ได้พรากผู้เยาว์นะจุล” นภดลท้วง เพราะดูแล้วทั้งสองคนอายุห่างกันมากกว่ารอบแน่ๆ ดูยังไงเด็กที่ชื่อหนูมน ก็น่าจะยังไม่บรรลุนิติภาวะ
“หนูมนกำลังจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยครับ อีกสี่ปีก็ไม่เด็กแล้ว ผมรอได้” เขาว่าไปโน่น
คุณหญิงพรพรรณควานหายาดม เมื่อเห็นหลานรักทำตาเยิ้มใส่เด็กสาววัยขบเผาะ ที่เคยบอกว่าจะเป็นสาวแก่แม่ม่าย มีลูกติด จะเป็นคนไทยหรือฝรั่ง ท่านก็ไม่รังเกียจ นั้นเป็นเรื่องจริง แต่ไม่คิดว่าจุลพัธน์จะไปคว้าเอาสาวรุ่นมาเป็นแฟน ดูแล้วเหมือนพ่อกับลูก แม้จุลพัธน์จะยังไม่แก่ขนาดเป็นพ่อเด็กอายุสิบแปด แต่หนูมนของเขานั้นตัวเล็กนิดเดียว แล้วถ้าไม่บอกว่าเป็นแฟนกัน ท่านก็มองไม่ออกว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ ผอมกะหร่องออกอย่างนั้นจะเป็นแม่คนได้อย่างไร
คุณหญิงคิดไปถึงอีกสี่ปีข้างหน้า อย่างน้อยจุลพัธน์ก็พ้นข้อหาพรากผู้เยาว์ ที่สำคัญหนูมนคงผลิตเหลนให้ท่านตอนนี้ไม่ได้ แต่หลานชายของท่านก็ต้องรับผิดชอบ เห็นเด็กสาวร้องไห้ตาบวมหน้าตาอมทุกข์ คนอาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างท่านก็พอจะเดาออกว่า หลานชายของท่านคงจะรอให้หนูมนเรียนจบไม่ไหว จึง “จัดการ” อะไรๆ ไปแล้วแน่ๆ
“คุณโกหกพวกท่านทำไม เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย แฟนคุณคือพี่กัณต่างหาก” มนทิชาหยิกแขนชายหนุ่ม กระซิบเบาๆ ทั้งที่อยากจะโวยวาย ถ้าไม่ใช่เพราะเขายกกัณหามาอ้าง เธอก็คงอาละวาดไปแล้ว แสดงว่าเขาคงยังไม่ได้พาพี่สาวของเธอมาพบผู้ใหญ่ พวกท่านจึงได้หาสะใภ้ไว้รอ น่าสงสารกัณหาจริงๆ
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ช่วยพี่ก่อนนะ เธอบอกว่าจะให้ฉันเป็นพี่นี่นาจำไม่ได้เหรอ?” เพราะตัวสูงกว่ามาก เขาจึงต้องก้มลงกระซิบ แถมยังทวงเรื่องที่เธอเคยพูดไว้เมื่อตอนเต้นรำ
“อุ๊ย! อะไรกันตาจุล หวานกันไม่เกรงใจพ่อแม่” กุสุมายกมือปิดปากร้องวุ้ยว้าย เพราะมุมที่หล่อนนั่งอยู่นั้นทำให้เห็นภาพผิดไปจากความจริง
“เอาล่ะๆ อย่าเพิ่งทำอะไรประเจิดประเจ้อเลย น้องยังเด็กนัก ชื่อหนูมนใช่ไหม...โอเค ย่าจะคุยเรื่องนี้นอกรอบกับเราอีกทีนะตาจุล หนูมนทำใจให้สบายนะ อย่างไรเสียพวกเราก็จะรับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำลงไป พาน้องกลับบ้านเถอะ เดี๋ยวพ่อแม่เขาจะเป็นห่วง” คุณหญิงสรุปแล้วล้มตัวลงนอน ไม่ทันได้เห็นตอนที่มนทิชากำลังอึกๆ อัก ๆ และหลานชายของท่านก็ลากตัวเด็กสาวออกไป
“โอ๊ยๆๆ เบาๆ สิ ซี๊ด โอ๊ย”
ตุ้บ! ตุ้บ!
มนทิชารัวกำปั้นลงบนต้นแขนและลำตัวของชายหนุ่ม เธอหายเมาแต่กำลังจะเป็นบ้าเพราะความคิดพิเรนทร์ของเขา หลังถูกกึ่งจูงกึ่งลากออกมาจากห้องพิเศษจนเข้ามานั่งในรถคันหรู เธอก็ทุบเขาไปหลายครั้ง เขาก็ดันร้องโหยหวนชวนให้ใครต่อใครเข้าใจผิด ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันซวยอะไร อกหักยังไม่พอยังได้แฟนแบบไม่ทันตั้งเนื้อตั้งตัวอีก
“คุณทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างหรือเปล่า พวกคุณย่าเข้าใจผิดไปถึงไหนต่อไหน คุณกำลังคบกับพี่กัณไม่ใช่เหรอ ก็บอกท่านไปสิ”
“อะไรคือถึงไหนต่อไหน?” จุลพัธน์ถามยียวน อารมณ์ดีเป็นพิเศษที่ได้เห็นเธอโมโหหน้าดำหน้าแดงและเข้าใจผิดคิดว่าเขาไปจีบกัณหา ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้มีทีท่าอะไรเลย หรือเพียงแค่มีใครแวะไปที่บ้าน เธอก็คิดว่าทุกคนจะต้องเป็นกิ๊กกับพี่สาวของเธอจนหมดก็ไม่รู้
