บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 งานเต้นรำอันพิลึกพิลั่น

“พี่จุลตั้งใจจะประมูลอะไรกันแน่ น้องคุณทำหน้าไม่ถูกแล้ว” ธัญธรอดขำมนทิชาไม่ได้ เมื่อเห็นเธอยิ้มเยาะเย้ยเจ้านายของเขาตอนที่หมายเลขสามยกป้ายให้ราคา แต่พอจุลพัธน์สู้ราคาไม่ถอย เธอก็ถลึงตาค้อนทั้งๆ ที่กำลังยืนอยู่บนเวที

“หนึ่งแสน”

“หนึ่งแสนสอง” จุลพัธน์เกทับ ท่ามกลางเสียงกองเชียร์ที่ลุ้นกันตัวโก่ง

“หนึ่งแสนสอง ครั้งที่หนึ่ง หนึ่งแสนสอง ครั้งที่สอง...” พิธีกรเริ่มนับอย่างตื่นเต้น

“สองแสนขาดตัว ตกลงให้ผมนะครับ” จุลพัธน์ลุกขึ้นยืน ทั้งๆ ที่ราคาหยุดอยู่ที่หนึ่งแสนสองหมื่นบาทแล้ว แต่เพื่อตัดปัญหาเขาจึงทุ่มราคาไปเท่านั้น

ไม่มีใครเสนอราคามากกว่านั้นอีก

“สองแสนบาท สำหรับปีกแห่งความรัก ขอเชิญคุณจุลพัธน์บนเวที และเต้นรำเปิดฟลอร์สำหรับงานเลี้ยงขอบคุณในคืนนี้ด้วยนะครับ บรรเลง!”

สิ้นเสียงพิธีกรหนุ่ม เจ้าหน้าที่เปิดไฟสลัวสร้างบรรยากาศให้โรแมนติก เสียงปรบมือดังเกรียวกราว ผู้มาร่วมงานเริ่มจับคู่รอคู่เกิดฟลอร์ จุลพัธน์ก้าวขึ้นไปบนเวทีตรงดิ่งไปรับรางวัลแบบไม่ให้เสียเวลา

“ผมมารับของๆ ผม และเต้นรำกับเธอตามข้อตกลง” เขายิ้มพรายเมื่อเห็นใบหน้าของมนทิชาซีดเผือด

“ตกลงอะไรไม่ทราบ” หญิงสาวกลับคำเสียดื้อๆ ยื้อยุดฉุดภาพเจ้าปัญหากับเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่ยอมแพ้ แถมกวักมือเรียกธัญธรให้มาช่วยอีกแรง

“ระวังหน่อยหนูน้อย ภาพนี้สองแสนเชียวนะ ดูซิเขาถ่ายรูปเรากันใหญ่”

“อย่าเรียกฉันแบบนั้นนะ ฉันไม่เต้นรำกับคุณหรอก ไปเต้นกับพี่กัณสิ”

เขาไม่สนว่าหล่อนจะอ้างกัณหา แย่งภาพมาได้ก็ส่งให้ธัญธรรับไปทันที เมื่อเด็กสาวไม่ทันระวังตัว เขาก็ดึงร่างบางเข้ามาแนบชิด ล็อกตัวล็อกแขนในท่าสโสว์เข้ากับเพลงและบรรยากาศที่เป็นใจเป็นการเปิดฟลอร์พร้อมกับเสียงปรบมือดังลั่นห้อง

ภาพชายหนุ่มร่างสูงโอบกอดหญิงสาวตัวเล็กแค่อกที่กำลังดิ้นขลุกขลัก ทำให้คนที่อยู่ข้างล่างอมยิ้มอย่างเอ็นดู จุลพัธน์นึกดีใจที่คนในบริษัทมีเพียงธัญธรกับกัณหาเท่านั้น เพราะพนักงานส่วนหนึ่งต้องทำหน้าที่อยู่บริเวณชั้นล่าง

“อย่าเหยียบเท้าผมสิ แกล้งกันหรือไง” เขาเอ็ดเมื่ออีกฝ่ายขยับขาไม่เป็นจังหวะ แถมยังหันหน้าไปมองทางอื่น กระทั่งแสงไฟกระทบหน้าเธอชัดๆ จึงได้เห็นว่าเธอนั้นหน้าแดงเป็นลูกตำลึง

“หรือว่าเธอ...ไม่เคยเต้นรำ?”

“ตลกหรือไง” เธอตอบเขาด้วยคำถามห้วนๆ “ถามจริงๆ คุณอยากได้ภาพนั้นจริงๆ หรือแค่แกล้งอยากเอาชนะ ฉันคืนเงินให้คุณได้นะ และจะไม่บอกใครด้วย”

“ทำไมล่ะ?” เขาตอบเธอด้วยคำถามคืนบ้างเหมือนกลัวเสียเปรียบ

“คุณจะได้ไม่เสียฟอร์มไง”

“ฮะๆๆ อะไรที่ผมอยากได้ ผมไม่เคยมีฟอร์ม เธอล่ะทำไมไม่ชอบผม?”

มนทิชาทำท่านึก เธอไม่ได้ไม่ชอบเขา แต่เพราะหวงและห่วงพี่สาวที่มักจะมีแมลงร้ายมาเกาะแกะ คนที่เข้ามาจีบพี่ล้วนแต่เป็นเสือผู้หญิง ไม่ก็เอาเงินมาล่อ ดังนั้นพอเจอเขาครั้งแรกเธอจึงต้องตั้งป้อมกีดกันไว้ก่อน

“คุณชอบพี่กัณจริงหรือ?” หญิงสาวถามไปอีกทาง

“ชอบสิ คุณกัณหาเป็นเลขาที่ดี ทำงานเก่ง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับความรู้สึกของเธอล่ะ?”

“คุณไม่มีแฟนแอบซ่อนไว้นะ” เธอพูดไปอีกทาง

“ก็ไม่มีนี่” เขาตอบชัดเจน งงอยู่ว่าเธอถามขึ้นมาทำไม

“กิ๊กล่ะ...คู่นอน...คู่ควง...คู่เดท?”

“ไม่มีทั้งนั้นล่ะ ถามยังกับเมียเลยนะ” ชายหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะเมื่อเธอเล่นรัวถามเป็นชุด

“แล้วไป...ถ้างั้น...ฉันก็วางใจให้คุณดูแลพี่กัณ เอาอย่างนี้...ฉันมีพี่สาวสุดสวยแล้ว คุณมาเป็นพี่ชายฉันดีไหม?”

จู่ๆ เธอก็เปลี่ยนท่าทีเป็นตื่นเต้น ยิ้มหวานให้ซะงั้น แม้จะงงๆ อยู่บ้าง แต่จุลพัธน์ก็ยินดีจะเป็นพี่ชายให้เพื่อสงบศึกกับเธอ

เขาได้พูดคุยเรื่องนี้กับกัณหาหลังจบงาน ข่าวนี้ทำให้เลขาสาวดีใจเป็นอย่างมาก เพราะจะได้ไม่ต้องทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างหัวหน้าและน้องสาวให้เหนื่อย

หนังสือพิมพ์คอลัมน์ซุบซิบตีพิมพ์ภาพน่าหัวเราะที่จุลพัธน์ยื้อแย่งภาพประมูลกับสาวน้อยในชุดนางฟ้าที่เห็นเพียงเสี้ยวหน้า ภาพปีกแห่งความรัก โชว์อยู่ในกรอบเล็กๆ เรื่องนี้เป็นหัวข้อสนทนาในบริษัทอยู่สองสามวัน ขณะที่มนทิชาตัดกรอบข่าวไปให้จีรพงศ์ดูที่แกลลอรี่ของเขา

“คิกๆๆ โอย! ฉันทำมันลงไปได้ไงเนี่ย จิลดูสิ นายมีเพื่อนเป็นคนดังแล้วนะ ถึงจะเห็นหน้าฉันไม่ชัดก็เถอะ” เธอนำเงินที่ประมูลได้มาให้เขา ซึ่งจีรพงศ์ได้ปฏิเสธไปและให้เธอเก็บไว้เป็นทุนศึกษาต่อ

“โชคดีที่ฉันไม่เสียเงินแสน ดูเธอสิตลกชะมัด”

“ไม่คิดว่าตานั่นจะเอาจริง เขาคงชอบพี่กัณมากเลยถึงได้ทุ่มขนาดนี้”

จีรพงศ์ไม่ออกความเห็น เขาไม่ได้สนิทกับจุลพัธน์ และเห็นว่าการที่จุลพัธน์ทุ่มประมูลภาพของเธอไปไม่เห็นจะเกี่ยวกับกัณหาตรงไหน

“เธออ่านหนังสือบ้างหรือเปล่า คิดหรือยังว่าจะเรียนที่ไหน?”

“เดี๋ยวก็อ่านเองล่ะน่า มีเวลาเตรียมตัวตั้งเยอะ ยังคิดไม่ออกด้วยว่าอยากเรียนอะไร แต่เดือนหน้าจะไปเที่ยวญี่ปุ่นกับพี่กัณ ไปด้วยกันไหมล่ะ”

“ขอคิดดูก่อนละกัน ฉันมีเพื่อนอยู่ที่นั่น ไว้จะแนะนำให้รู้จัก” ชายหนุ่มทำหน้าขรึมลง นึกถึงคนๆ นั้นที่แม้จะอยู่ไม่ไกล แต่ก็เอื้อมมือคว้าไปไม่ถึง

หลังแวะเวียนไปคุยกับจีรพงศ์ มนทิชาก็ถือหนังสือพิมพ์ติดมือกลับมาที่บ้าน เธอยังคิดไม่ตกว่าจะเลือกเรียนที่ไหนเพราะเพิ่งจะสอบกลางภาคผ่านไปหยกๆ ระบบการศึกษาเดี๋ยวนี้ก็พัฒนาไปเรื่อยๆ ทำให้นักเรียนต้องแข่งกับตัวเองมากขึ้น พี่สาวของเธอนั้นนอกจากจะเป็นดาวโรงเรียนแล้วยังเรียนจนได้เกียรตินิยม ผิดกับเธอที่ถูๆ ไถๆ และน่าจะจบมัธยมปลายแบบหืดขึ้นคอ ไม่ได้สปีชีส์ความเก่งจากพี่มาเลยสักนิด ที่หวังจะเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศเห็นจะเป็นเรื่องไกลเกินเอื้อม

อย่างไรก็ตาม ด้วยความขี้เกียจเธอจะยังไม่คิดเรื่องปวดหัวในตอนนี้ เพราะมีเรื่องที่ตื่นเต้นกว่า เดือนหน้าเธอจะไปเที่ยวญี่ปุ่นกับกัณหาซึ่งลากิจล่วงหน้ามาแล้วหนึ่งสัปดาห์เต็ม พรุ่งนี้เธอมีนัดกับจีรพงศ์และต้องแวะทำธุระหลายที่ ยังไงซะก็จะชวนเขาไปญี่ปุ่นด้วยให้ได้

“ทิชา...ตั้งแต่พรุ่งนี้พี่คงกลับดึกทุกวัน ไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อนะจ๊ะ” กัณหาโผล่หน้าเข้ามาในห้องนอนของน้องสาว เพราะออเดอร์สั่งจองเครื่องประดับล้นหลาม และต้องเคลียร์งานหลายอย่างก่อนพามนทิชาไปเที่ยวญี่ปุ่น ทำให้ต้องอยู่ทำโอทีที่บริษัทเกือบทุกวัน

“แหม...จะไปดินเนอร์หวานๆ กับบอสก็ว่ามาเถอะค่ะ” มนทิชาดักคอยิ้มๆ

“หวานอะไรกันจ๊ะ ช่วงนี้ทุกคนทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตเลย บอสเองก็เพิ่งมารับตำแหน่งใหม่ต้องจูนกันอีกเยอะ เราน่ะเลือกได้หรือยังว่าจะเรียนอะไร”

“กำลังคิดอยู่เนี่ยค่ะ” หญิงสาวพูดหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่กำลังหยิบหนังสือนิยายออกมากางอ่านบนหมอน “มนว่าจะเรียนสายอาชีพนะพี่กัณ เช่นพวกช่างซ่อมอะไรอย่างนี้ สมองทึบๆ แบบมนคงเรียนอะไรหนักๆ ไม่ไหว”

“คิดให้ดีก่อนก็ได้ จะเรียนอะไรพี่ก็ส่งเราได้ทั้งนั้นแหละ สายอาชีพก็ดีจบแล้วมีงานทำ พี่ไปนอนก่อนนะ กู๊ดไนท์จ้ะ” กัณหาโบกมือให้น้องสาว เธอไม่อยากกดดันให้มนทิชาต้องเป็นคนเก่ง หรือเรียนที่มหาวิทยาลัยดังๆ บางทีน้องสาวของเธออาจจะยังไม่รู้ว่าตัวเองนั้นชอบหรือถนัดในเรื่องใดก็ได้

ช่วงสายของวันรุ่งขึ้น จีรพงศ์ขับรถมารับเพื่อนสาวต่างวัยถึงที่บ้าน เขาไม่เห็นกัณหาเพราะรายนั้นไปทำงานแต่เช้า เขาพามนทิชาตระเวนไปหลายที่ ทั้งแวะร้านหนังสือเพื่อหาพ็อกเก็ตบุ๊คนำเที่ยวญี่ปุ่น แวะซื้อซีดีสอนพูดภาษาญี่ปุ่น ก่อนจะพาไปที่แกลลอรี่ซึ่งเขาได้แบ่งตึกไว้เป็นห้องพักด้วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel