บทที่ 4 ประมูลหัวใจ
“คุณก็เหมือนกัน อาจารย์เรียกคุณว่าบอส...ผมนึกว่าคุณน่าจะดูแก่และแบบว่า เอ่อ..เคร่งเครียด แต่คุณดูสมาร์ทมากเลยนะครับ”
“ขอบคุณครับ อาจารย์ที่คุณเรียกคือธัญธรล่ะสิ อ้อ..ผมเห็นภาพหนึ่งน่าสนใจมาก ไม่ทราบว่าจะนำขึ้นประมูลหรือเปล่าครับ ชื่อแปลกดีนะครับ ปีกแห่งความรัก ผมอยากจะจองไว้ก่อนเลย”
“เอ่อ...” จีรพงศ์หันไปหาเพื่อนสมัยเด็กซึ่งเป็นเจ้าของภาพและกำลังทำตาเขียวมองอยู่
“อ๋อ...ภาพนั้นน่ะเหรอ ก็จิลบอกเองว่าจะนำขึ้นประมูล ราคาเปิดอยู่ที่ห้าหมื่น แถมใครชนะยังได้เต้นรำกับเจ้าของภาพคนสวยในงานเลี้ยงคืนนี้ด้วยไม่ใช่เหรอ” มนทิชายักคิ้วหลิ่วตาให้เพื่อนหนุ่ม เธอเองไม่ได้ตั้งราคาของมันไว้ด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าคงไม่มีใครสนใจ หรือหากใครอยากได้ก็จะยกให้ฟรีๆ อย่างน้อยถ้าขายไม่ออกก็จะบังคับให้จีรพงศ์ติดไว้ในแกลลอรี่ต่อไป ไม่คิดว่าภาพนั้นจะไปเตะตานายจุลพัธน์เข้าจึงโก่งราคาเต็มที่ เพราะคิดว่าเขาคงไม่บ้าจี้ประมูลอยู่แล้ว
“น่าสนใจนะครับที่เจ้าของภาพเป็นสุภาพสตรีสาวสวย” จุลพัธน์เติมคำว่า "สุภาพสตรี" เพิ่มให้อีกคำหนึ่ง ก่อนจะหันไปทางกัณหา ยื่นกล่องเครื่องประดับให้เธอ
“นี่กำไลไอซิส สินค้าเปิดตัวของเรา พบกันที่เวทีนะครับ”
ลับร่างของชายหนุ่ม มนทิชาก็ปรี่เข้าไปหาเพื่อนหนุ่มด้วยสีหน้าเอาเรื่อง ขณะที่กัณหาได้แต่ส่ายหน้าเดินตามบอสหนุ่มออกไป
“จิล! เธอต้องประมูลภาพของฉันนะ อย่าให้นายนั่นได้ไปเชียว”
จีรพงศ์ยิ้มขำๆ มนทิชาก่อเรื่องอีกแล้ว เธอคงคิดว่าภาพนั้นจะขายไม่ออก แต่เขากลับเห็นว่ามันจะต้องสะดุดตาใครสักคนแน่ๆ กระนั้นก็ไม่ได้คิดว่าจะนำขึ้นประมูล ตอนนี้จุลพัธน์เกิดติดใจจะซื้อ เธอกลับโก่งราคาเปิดไปที่ห้าหมื่น แถมยังเป็นคู่เต้นรำให้อีก แสดงว่าเขาต้องเตรียมเงินอย่างต่ำห้าหมื่นบาทมาประมูลแข่งกับจุลพัธน์ซึ่งมีทีท่าว่าจะไม่ยอมถอยเหมือนกัน เจ้าของภาพเองก็ไม่อยากจะขายให้กับจุลพัธน์ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมมนทิชาจึงทำท่าเกลียดเจ้านายของพี่สาวขนาดนั้น ทั้งๆ ที่เขารู้สึกเป็นมิตรกับบอสหนุ่มอยู่ไม่น้อย และคงไม่มีสาวๆ คนไหนเกลียดคนเพอร์เฟกต์อย่างนั้นได้ลง
“เธอเต้นรำเป็นซะที่ไหนถึงได้ไปท้าเขา”
“จิลก็อย่าแพ้ซี่...นายนั่นน่ะทำเป็นเก๊กไปอย่างนั้นเอง ใครจะบ้ามาประมูลตั้งครึ่งแสน มีแต่พวกอวดรวยกับพวกที่ตาถึงอย่างจิลเท่านั้นล่ะจริงไหม?” หญิงสาวทำหน้าเข่นเขี้ยว แล้วยิ้มประจบภายหลัง
“บังเอิญฉันเป็นพวกชอบตกกระไดพลอยโจนซะด้วยสิ เฮ้อ...” เขาลูบศีรษะเธอด้วยความเอ็นดู ในฐานะเจ้าของแกลลอรี่จะประมูลเองไมได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะไหว้วานใครสักคนไปร่วมประมูลแทน
จากห้องแต่งตัว ธัญธรยืนอยู่ตรงจุดลงทะเบียนในห้องประมูล พร่ำบอกและย้ำกับตัวเองว่าเขาเพียงแค่อยากจะชมสินค้าตัวใหม่เท่านั้น ไม่ได้อยากจะมองคนพรีเซ็นต์เลยแม้แต่นิดเดียว จนเมื่อแสงแฟลชวูบวาบและเสียงฮือฮาบนเวทีดังขึ้น พร้อมกับเหล่านางแบบรับเชิญที่สวมชุดราตรีโชว์เครื่องประดับสไตล์โบราณเดินนวยนาดออกมา เขาจึงประเมินได้ด้วยสายตาว่าลูกค้าชอบสินค้าประเภทนี้ไม่น้อย โดยเฉพาะคุณหญิงคุณนายกระเป๋าหนักทั้งหลายที่เป็นลูกค้าเก่าอยู่แล้ว
กัณหาออกมาเป็นคนสุดท้าย เธอสวมชุดราตรีสีดำขลับสไตล์อียิปต์ตัดกับผิวขาวผ่อง รับกับสร้อยเพชรเม็ดเป้งและกำไลข้อมือที่ทำด้วยทองคำ ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางเวที สะกดทุกสายตาให้หลงใหล
“เป็นไงบ้างกับเพชรเม็ดเอกแห่งลุ่มน้ำไนล์” จุลพัธน์กระเซ้าถามญาติหนุ่มยิ้มๆ
“งามอย่างหาที่ติไม่ได้จริงๆ นะครับ” ธัญธรตอบเหมือนละเมอ ไม่รู้ว่าชมคนหรือเครื่องประดับกันแน่
“คงถูกใจพวกไฮโซอยู่ไม่น้อย เลขาคนเก่งของเราคงได้เต้นรำจนขาขวิดแน่”
เป็นอย่างที่จุลพัธน์พูด พวกคุณหญิงคุณนายต่างออเดอร์สินค้ากันไม่หวาดไม่ไหว เขาไม่ได้ส่งเพชรเม็ดเอกแห่งแม่น้ำไนล์เข้าประมูล หากแต่นำมาโชว์เรียกน้ำย่อย ก่อนที่นางแบบจะพาเหรดเดินลงจากเวที เปลี่ยนฉากหลังเตรียมเป็นเวทีประมูลผลงานจิตรกรรมแทน
กัณหาเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว คืนเครื่องเพชรให้เจ้าหน้าที่แล้วเดินออกมารอลุ้นภาพวาดของน้องสาวที่จีรพงศ์แจ้งว่าได้ราคาเปิดอยู่ที่ห้าหมื่น และคนที่สนใจก็คือเจ้านายของเธอนั่นเอง
“ไม่รอเต้นรำก่อนเหรอคุณ ปิดประมูลก็จะเปิดฟลอร์เลย อุตส่าห์แต่งตัวซะสวย” ธัญธรทัก เมื่อเทพีไอซิสแสนสวย กลายเป็นสาวแกร่งในชุดทำงาน
“กลัวจะเป็นตู้เพชรเคลื่อนที่น่ะค่ะ ต้องรอลุ้นภาพวาดของทิชาบนเวทีอีก กลัวจะไม่มีใครสู้เพราะตั้งราคาประมูลไว้ตั้งห้าหมื่น” เมื่อเขาพูดดี หล่อนก็พยายามจะรักษาบรรยากาศดีๆ นั้นไว้เช่นกัน
“ปีกแห่งความรักน่ะเหรอครับ ภาพนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นและอ่อนโยนดีทีเดียว ดีไม่ดีผมอาจร่วมประมูลด้วย ทิชานี่มีพัฒนาการขึ้นนะครับ” เขากล่าวชมน้องสาวของหล่อน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของจีรพงศ์ด้วย เพราะรู้ว่าเด็กสาวนั้นไม่ได้รักศิลปะด้วยสายเลือด หากแต่ก็ตั้งใจและมีความพยายามเพราะต้องการทำในสิ่งเดียวกันกับจีรพงศ์นั่นเอง
“จริงๆ ทิชาเค้าแค่มาตั้งโชว์เฉยๆ แต่คุณจุลพัธน์ดันมาสะดุดเข้าเลยแกล้งโก่งราคาซะงั้น แถมเป็นคู่เต้นรำให้กับคนที่ประมูลไปด้วยนะคะ คงคิดว่ายังไงก็ต้องได้เต้นรำกับจิลแน่ๆ เห็นสั่งโน่นสั่งนี่ใหญ่เลย”
“พี่จุลน่ะเหรอ ถ้าอย่างนั้นผมขอลุ้นเฉยๆ ดีกว่า ว่าระหว่างพี่จุลกับจิล ใครจะได้เต้นรำกับซินเดอเรลล่า” ธัญธรเก็บความสงสัยไว้ในใจ ไม่รู้ทำไมมนทิชาจึงตั้งป้อมเป็นศัตรูกับจุลพัธน์ เพราะถึงแม้จะเป็นญาติกัน แต่ก็ไม่เคยคุยกันเรื่องส่วนตัวนอกจากเรื่องงาน ด้วยจุลพัธน์นั้นไปเติบโตที่ต่างประเทศ เพิ่งจะได้ร่วมงานกันก็เมื่อสามเดือนที่แล้วนี่เอง
ขณะที่มีการแสดงคั่นเวลา จีรพงศ์ทำตามคำขอของหญิงสาวโดยการจ้างเจ้าหน้าที่ของแกลลอรี่มาเป็นลูกค้า เขาตั้งเรตสูงสุดไว้ที่หนึ่งแสนบาท เพราะคิดว่าจุลพัธน์คงไม่บ้าบิ่นให้มากกว่านี้แน่ หรือหากชายหนุ่มให้มากกว่านี้มันก็เป็นสิทธิ์ที่ฝ่ายนั้นควรจะได้มันไปครอบครอง แสดงว่าเขาเห็นคุณค่าของมันจริงๆ ถ้ามนทิชาจะโกรธเขาก็มีวิธีง้อหล่อนอยู่แล้ว
จุลพัธน์นั่งอยู่ด้านหน้าซึ่งเป็นที่สำหรับแขกวีไอพี เขาอยู่ในฐานะเจ้าของงาน แม่สาวทอมบอยนั่นยืนอยู่ข้างๆ เวที รอคิวขึ้นโชว์ ภาพที่เขาสนใจอยู่ในมือเธอ ไม่อยากเชื่อว่าคนแข็งกระด้างแบบนั้นจะวาดภาพออกมาได้ดึงดูดใจนัก ภาพของเธอถูกประมูลเป็นชิ้นสุดท้ายก่อนจะเปิดฟลอร์เต้นรำ ซึ่งคนส่วนใหญ่เลือกที่จะประมูลภาพของจิตรกรเอกอย่าง จีรพงศ์มากกว่า คงจะไม่มีคู่แข่งที่น่ากลัวนัก
ไม่รู้ทำไม เด็กนั่นจึงไม่ชอบหน้าเขา ทั้งๆ ที่เพิ่งเคยเจอกันเพียงครั้งเดียว ท่าทางจะแสบสันต์ไม่เบา
“เปิดประมูล ปีกแห่งความรัก ห้าหมื่นบาท”
พิธีกรประกาศเมื่อเจ้าหน้าที่เชิญเจ้าของภาพให้ขึ้นเวที มนทิชาใจสั่น ก้าวขาขึ้นไปยืนอยู่ท่ามกลางสปอร์ตไลท์ที่ส่องมาที่เธอเพียงจุดเดียวจนตาพร่า อยากเขกหัวตัวเองที่ปากไวโก่งราคาซะเว่อร์ ป่านนี้เจ้าบอสลามกคงหัวเราะเยาะอยู่ในใจหากไม่มีใครร่วมประมูลภาพวาดของเธอ
“ห้าหมื่นสองพัน” ป้ายหมายเลขสามชูขึ้น เธอจำได้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนของแกลลอรี่ แค่นี้ก็ใจชื้นขึ้นเป็นกองที่ไม่ต้องหน้าแตกกลางงาน
“เจ็ดหมื่น” จุลพัธน์ชูป้าย เรียกเสียงฮืออาลั่นห้อง
“แปดห้า”
“เก้าหมื่น”
“เก้าห้า” คนของจีรพงศ์หันไปหาผู้ว่าจ้างเพราะเกือบถึงขีดจำกัดของวงเงินที่ตั้งไว้
