บท
ตั้งค่า

บทที่ 16 คืนดีกันแล้ว

“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” มนทิชาพนมมือไหว้จุลพัธน์พร้อมกับส่งยิ้มหวานจ๋อยเมื่อรถคันหรูมาจอดเทียบหน้าประตูบ้าน ช่วงเวลาอันน้อยนิดต่อจากนี้เธอจะเป็นอิสระ ได้ทำในสิ่งที่อัดอั้นมานาน โดยเฉพาะมื้อค่ำแสนพิเศษระหว่างเธอกับจีรพงศ์

“ไหนล่ะเพื่อนมาหรือยัง?” เขากวาดสายตามองหาเพื่อนสาวผมยาวของเธอ

“มาค่ำๆ ค่ะ คุณรีบกลับไปเถอะ บ๊ายบาย...ขับรถดีๆ นะคะ” หญิงสาวโบกมือบ๊ายบายเป็นการไล่เขาไปในตัว เพราะใกล้เวลานัดหมายกับจีรพงศ์แล้ว

“อย่าออกไปเถลไถลที่ไหนล่ะ พรุ่งนี้เช้าจะมารับอย่าตื่นสายนะ” เขากำชับแล้วหมุนพวงมาลัยรถออกไป

“ฮึ! ทำตัวอย่างกับผู้ปกครอง ไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อย ทำความสะอาดห้องรอจิลดีกว่า” หญิงสาวค้อนให้วงใหญ่ๆ ลับหลังรถคันงามที่เพิ่งเลี้ยวออกจากซอย แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อใกล้เวลานัดกับจีรพงศ์

เธอไขกุญแจเข้าบ้าน โยนกระเป๋าลงบนโซฟาอย่างไม่ใยดีแล้วก็วิ่งขึ้นไปบนบ้าน จัดการเปลื้องชุดสวยๆ ที่จุลพัธน์ซื้อให้ทิ้งลงในตะกร้าแล้วสวมเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นอยู่กับบ้าน

เป็นเรื่องปกติที่พี่จิล หรือนายจิลของเธอจะมาค้างที่นี่บ่อยๆ เพราะความสนิทสนมตั้งแต่วัยเยาว์แม้เขาจะหายหน้าหายตาไปถึงสี่ปี แต่เมื่อกลับมาแล้วเขาก็ยังเป็นพี่จิลคนเดิมของเธอ

ตอนที่เธอต้องสอบ NT จีรพงศ์ก็มาติวให้ที่บ้านและนอนค้างในห้องรับแขก แม้เธอจะสละห้องรกๆ ของเธอให้เขาก็ไม่ยอม เป็นเวลากว่าสัปดาห์ที่เขาขลุกอยู่ที่นี่ ก่อนจะกลับไปอยู่คอนโด จนกระทั่งผลการสอบออกมาเป็นที่น่าพอใจ ช่วงสอบตรงเธอจึงต้องทรมานทรกรรมเขาอีกรอบหนึ่ง อีกสองสัปดาห์ก็จะรู้ผลว่าการที่เขาตั้งอกตั้งใจสอนเธอนั้นได้ผลหรือไม่เพียงใด

หากพลาดสถาบันที่เลือกไว้ กัณหาจะส่งเธอไปเรียนภาษาที่อังกฤษ ซึ่งคุณน้าของพวกเธออยู่ที่นั่น คงใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งปีแล้วค่อยกลับมาสอบในปีถัดไป หรือหากไม่ได้ก็จะเบนเข็มไปเรียนสายอาชีพหรือมหาวิทยาลัยตลาดวิชาไปเลย

หลังจากครอบครัวของจีรพงศ์ย้ายออกและขายที่ดินแปลงข้างๆ ได้ไม่นาน เขาก็ไปเรียนที่โรม ซึ่งเป็นช่วงที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตพอดี นับจากนั้นมากัณหาจึงต้องเป็นคนรับผิดชอบทุกอย่าง ทั้งค่าเล่าเรียนของเธอ ค่าใช้จ่ายในบ้าน ยังดีที่พ่อและแม่พอมีมรดกให้ลูกๆ อยู่บ้าง พี่จึงไม่ต้องเดือดร้อนมากนัก ที่สำคัญพี่มีหน้าที่การงานมั่นคง เงินเดือนที่ได้จากบริษัทบวกกับค่าคอมมิชชั่น ค่าโอที เปอร์เซ็นต์การขาย ฯลฯ เดือนหนึ่งตกครึ่งแสน

แถมตอนนี้ยังได้เป็นแฟนของบอสหนุ่มรูปหล่อ นักธุรกิจพันล้านที่ไม่ใช่แค่บริษัทนำเข้าเครื่องประดับเท่านั้น หากแต่คุณย่าของจุลพัธน์ยังเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงอีกหลายแห่ง ซึ่งในภายภาคหน้าผู้ที่จะเป็นเจ้าของก็หนีไม่พ้นแฟนของพี่นั่นเอง

อีตาจุลพัธน์บอกว่าเพิ่งกลับจากเมืองนอกได้เพียงสามเดือน ดังนั้นการคบหากันระหว่างเขากับเลขาสาวอาจเป็นเรื่องที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ คุณหญิงพรพรรณจึงคิดจะจับเขาคลุมถุงชน ซึ่งคงหนีไม่พ้นพวกผู้หญิงไฮโซเหมือนกัน ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเธอที่จะมาขัดตาทัพ ป้องกันตำแหน่งสะใภ้ไปพลางก่อน แม้จะต้องสูญเสียอิสรภาพไปบ้างแต่นี่คงเป็นวิธีเดียวที่เธอจะตอบแทนพี่ได้

กริ๊งๆๆๆๆ

เสียงโทรศัพท์ทำให้เธอรีบทิ้งไม้กวาดแล้วผวาเข้าไปรับโทรศัพท์ ซึ่งเบอร์บ้านนี้มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ หากไม่ใช่กัณหาก็จะต้องเป็นเขา

“ฮาเหล...สวัสดีจ้า ใครเอ่ย?”

“ภาษาวิบัติหมดแล้ว...โทรเข้ามือถือไม่มีคนรับ ตั้งสั่นไว้เหรอ?” เสียงจีรพงศ์ดังมาตามสาย

“เปล่า...แต่กระเป๋าอยู่ข้างล่าง เราขึ้นมาเก็บห้องข้างบน จิลจะได้ไม่ต้องนอนโซฟารับแขกไง นี่เราทำความสะอาดห้องเอี่ยมอ่องเลยนะ นายนอนห้องเรา เดี๋ยวเราไปนอนห้องพี่กัณ”

“โอเค อีกชั่วโมงโน่นแหละจะไปถึง ทำผัดหมี่ไว้รอเลยนะ”

“ซื้อเอาสิหน้าปากซอย” เธอย่นจมูกเมื่อเขาสั่งเมนูอาหารเย็นเป็นผัดหมี่ ซึ่งเธอคงไม่มีเวลาทำมันแน่ๆ เพราะกว่าจะทำห้องเสร็จก็ประมาณครึ่งชั่วโมง อย่างมากก็คงได้กินแค่ไข่เจียว

“อยากกินผัดหมี่ฝีมือเธอนี่นา”

“ก็ได้ๆ สงเคราะห์ผู้ยากไร้นะนี่” หญิงสาวลอบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงออดอ้อนมาตามสาย นานๆ จะได้ฟังสักครั้ง พอฟังแล้วก็ชื่น...ใจ

“เดี๋ยวฟ้องพี่กัณนะว่าเธอดูแลเราไม่ดี นี่เราอุตส่าห์ทิ้งพู่กันมาอยู่เป็นเพื่อนเลยนะ”

“เคๆๆๆ” มนทิชายังคงไม่เลิกใช้ภาษาวิบัติ “เดี๋ยวข้าน้อยจะรับใช้นายท่านเอง เคนะ...เด๋วเรารีบทำห้องก่อนจะได้ทำผัดหมี่ไว้รอ” เธอวางหูโทรศัพท์แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำงานที่ค้างไว้

จีรพงศ์ปลดบลูทูธออกจากใบหู ส่ายหน้ายิ้มๆ เมื่อนึกถึงคนที่เพิ่งวางสายไป

“เด็กสมัยนี้ จากโอเคกลายเป็นเค จากเดี๋ยวกลายเป็นเด๋ว เฮ้อ! ต่อไปคงต้องพูดภาษามนุษย์ต่างดาวกันแล้ว”

เขาเลี้ยวรถเข้าไปในซุปเปอร์มาเก็ต ตั้งใจว่าจะซื้อขนมขบเคี้ยวและน้ำผลไม้เข้าไปเพิ่มเติม กำลังเปิดประตู รถ สปอร์ตสีดำคันหรูก็แล่นเข้ามาจอดเทียบ

ชายหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อเห็นร่างสูงคุ้นตา ไม่คิดว่าจะเจอจุลพัธน์ที่นี่เพราะบ้านและที่ทำงานของเขาอยู่คนละทางกันเลย

“สวัสดีครับคุณจุล” จีรพงศ์ยกมือไหว้ด้วยรอยยิ้ม สังเกตเห็นว่าวันนี้นักบริหารหนุ่มไม่ได้หวีผมเรียบแปล้เหมือนวันอื่น

“อ้าว! คุณจิล ไม่ค่อยได้เจองานยุ่งหรือเปล่าครับ?”

“ช่วงนี้เพลาๆ ลงแล้วครับ เหลืออีเว้นต์บ้างประปราย แต่เครื่องประดับที่นำเข้าจากอียิปต์ยังมีคนเข้าชมอยู่เรื่อยๆครับ รู้สึกว่าจะได้รับความสนใจจากคนวัยทำงานเยอะขึ้นนะครับ” จีรพงศ์เดินเคียงคู่กับจุลพัธน์เข้าไปในข้างใน

“เป็นเพราะงานเปิดตัวคราวที่แล้วนั่นแหละครับ ชื่อเสียงของแกลลอรี่จีรพงศ์โด่งดังอยู่แล้วจึงช่วยเปิดตลาดลูกค้ากลุ่มวัยทำงานได้มาก ที่เราคุยค้างกันไว้เมื่อวันนั้นผมยังไม่ล้มเลิกความคิดนะครับ เพียงแต่ช่วงนี้งานยุ่งมากและจะรอให้ถึงช่วงฤดูหนาวก่อน ตอนนั้นจะได้รบกวนคุณจิลอีกแน่” จุลพัธน์เท้าความถึงวันที่นัดคุยกับชายหนุ่ม ซึ่งเป็นวันที่มนทิชาวิ่งร้องไห้ออกมาจากแกลลอรี่พอดี

“ยินดีรับใช้ครับ ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ศิลปินหนุ่มยกมือไหว้อีกครั้งแล้วเดินหลบออกไปยังชั้นขนม ยกโทรศัพท์กดสายเข้าเบอร์ของมนทิชาเพื่อที่จะบอกให้เธอเตรียมตัว

เสียงเพลงรอสายดังจนจบสามรอบก็ไม่มีวี่แววว่าหญิงสาวจะกดรับสาย เขาจึงใช้วิธีส่งข้อความสั้นแทน

“กำลังจะเข้าไป ซื้อขนมเยอะแยะ สงสัยต้องกินกันทั้งคืน”

ปรากฏว่าข้อความนั้นส่งไปไม่ถึงมนทิชา เพราะหลังจากทำความสะอาดชั้นบนเสร็จแล้ว เธอก็วิ่งลงมาเก็บกระเป๋าสะพายที่โยนทิ้งไว้บนโซฟาพร้อมกับถุงกระดาษที่จุลพัธน์ซื้อเสื้อผ้าให้อีกสามชุด

“อ้าว! เฮ้ย! ทำไมกระเป๋ามันเปิดอ้าซ่าอย่างนี้ล่ะ โห! ซิปแตก! เฮ้ย! มือถือ? หายไปไหน?” หญิงสาวเทของออกจากกระเป๋าจนหมดแล้วควานหาโทรศัพท์มือถือจ้าละหวั่น

ไม่มี!

ไม่ได้อยู่ในกระเป๋า ก็ตอนที่ออกจากที่ทำงานของจุลพัธน์เธอเก็บไว้ดีแล้วนี่นา?

หรือว่าจะตกอยู่บนรถของอีตาบอสนั่น?

คงไม่เป็นไรหรอกนะ เพราะตอนที่ลงจากรถก็ไม่เห็นเขาทักท้วงอะไร ดีนะที่เธอตั้งสั่นไว้ เขาจะได้ไม่รู้ว่าเธอยังติดต่อกับพี่จิลอยู่ พรุ่งนี้เช้าตอนเขามารับค่อยหาก็แล้วกัน

จนกระทั่งทุกอย่างพร้อม เสียงกดกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้นเหมือนรู้จังหวะ

“มาแล้วๆ จ้า”

เธอตะโกนเสียงดังลั่นบ้าน วิ่งปร๋อไปเปิดประตูด้วยความรวดเร็วยิ่งกว่าพายุใต้ฝุ่น พอบานประตูเปิดออกก็เห็นจีรพงศ์ยืนยิ้มเผล่พร้อมกับถุงขนมเต็มไม้เต็มมือ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel