บท
ตั้งค่า

บทที่ 15 แฟนผมเอง

ผู้ช่วยของกัณหาอ้าปากหวอเมื่อได้เห็นของดี แล้วลากตัวเลขาหนุ่มให้เดินออกไปด้วยกัน เพราะเกรงว่าจะเข้ามาขัดจังหวะสุนทรีย์ นี่จะต้องเป็นข่าวใหญ่รู้กันทั่วทั้งบริษัทแน่

ทันทีที่ประตูปิดลง สองหนุ่มสาวที่นั่งตะลึงตาค้างก็กระเด้งออกจากกันราวกับโดนน้ำร้อนลวก

“คะ...คุณ! นี่แอบเข้ามาทำอะไรฮึ! คิดจะทำมิดีมิร้ายฉันใช่ไหม?” มนทิชาเป็นฝ่ายร้องแรกแหกระเชอก่อน ทั้งๆ ที่ไม่รู้ตัวเลยว่าทำอะไรลงไป

“บ้าเหรอ! ใครกันแน่ที่กอดฉันซะแน่น นี่เอาขาลงหน่อยเถอะขอร้อง แล้วก็รีบแต่งตัวให้เรียบร้อยเดี๋ยวพี่จะพากลับบ้าน ทำอะไรให้กิน” เขาลงจากเตียง ขยับเสื้อสูทให้เข้าที่ มองดูผมที่เรียบแปล้เมื่อเช้าที่ตอนนี้ยุ่งเหยิงเหมือนรังนก

“ขอโทษๆๆ อุ๊ยดูสิเตียงยับหมดเลย เดี๋ยวทำให้มันเหมือนเดิมก่อนนะ” เธอยิ้มเผล่เมื่อรู้ตัวว่าที่เห็นจีรพงศ์นั้นเป็นแค่ความฝัน คงเพราะได้ยินเสียงเขาก่อนนอนจึงเก็บเอามาคิดเป็นตุเป็นตะ แล้วก็ไม่รู้ตัวด้วยว่าเผลอหลับไปตอนไหน ทั้งๆ ที่อุตส่าห์พลิกแพลงกระบวนท่าในการอ่านหนังสือตั้งหลายตลบ

แถมยังอาจหาญละเมอลากแฟนพี่สาวขึ้นเตียง ที่สำคัญเลขาหน้าห้องและพนักงานคนนั้นมาเห็นจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่

เรื่องนี้ไม่ถึงครูอังคณา แต่จะต้องถึงกัณหาก่อนเป็นคนแรก!!

“เอาไว้อย่างนั้นแหละเดี๋ยวจะให้แม่บ้านมาทำ รีบออกไปกันเถอะ ป่านนี้พวกพนักงานคงเก็บของกลับบ้านกันหมดแล้ว” เขาหวีผมลวกๆ พอให้เข้าที่ ดึงมือเธอให้เดินออกไปด้วยกันเมื่อเห็นเธอกำลังโก้งโค้งจัดผ้าปูเตียง

ให้ตายสิ! นี่เธอไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่ากำลังจะทำให้เขา “สติแตก”

ขืนอยู่ในห้องนานกว่านี้รับรองว่าไม่ใช่แค่สติ แม้แต่ตบะก็จะแตกตามไปด้วย

“แต่ว่ามนยังอ่านหนังสือไม่เสร็จเลยนะคะ เหลืออีกนิดเดียว” หญิงสาวจีบปากจีบคอพูดเสียงหวาน จะต้องปะเหลาะให้เขารับมือกับกัณหา เพราะนี่จะต้องเป็นข่าวใหญ่ไปทั้งบริษัทอยู่แล้ว

“ค่อยมาอ่านต่อพรุ่งนี้”

“ให้นอนอ่านในนี้อีกเหรอ?”

“ไม่มีทาง!” เขาปฏิเสธด้วยความฉุนเฉียว แทนที่เธอจะสำนึก กลับทำหน้าลิงโลดได้หน้าตาเฉย ลำพังตัวเธอเองคงไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายคิด

เขาชะงักฝีเท้า ทำให้ร่างบางที่เดินตามมาชนแผ่นหลังเข้าเต็มๆ เธอย่นจมูกแล้วก็ยิ้มแบบประจบประแจง มองแล้วเหมือน....ลูกหมาน้อยที่กำลังยกขาหน้าทั้งสองข้างหยอกกับเจ้านายของมัน

ไม่! ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่! เธอเพิ่งจะสิบแปด นิสัยก็ออกทอมบอย ขี้เกียจตัวเป็นขน แถมยังดูเหมือนไม่ค่อยได้เรื่องได้ราว...เขาจะชอบเธอได้ยังไง

ก็แค่...ทำอาหารอร่อย (มาก) รู้จักเอาตัวรอดเป็นยอดดี หัวไว รักครอบครัว....

แล้วจะคิดถึงข้อดีของเธอให้ปวดหัวทำไม!?

“เปลี่ยนใจแล้ว...จะไปส่งเฉยๆ ไม่ทำอะไรให้กินหรอก”

“อ้าวเหรอ...เย้ ดีใจจัง เอ๊ยไม่ใช่! เสียใจ๊...เสียใจมากๆ ที่ไม่ได้ชิมฝีมือว่าที่พี่เขย เอาไว้โอกาสหน้าก็ได้ค่ะ พอดีมีนัด...อุ๊บส์!” เธอทำท่าเลียนแบบพวกคุณนายในละครหลังข่าวที่มีจริตจะก้านได้อย่างน่าหมั่นไส้ แล้วก็หุบปากฉับเพราะเผลอพูดเรื่องนัดให้เขาได้ยิน

“นัดอะไร กับใคร?”

“อ๋อ...เพื่อนน่ะ...เพื่อนสาวผมยาว นัดกันที่บ้านไมได้ออกไปเที่ยวหรอกน่า”

“เดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าเพื่อนเธอจะมาก็ได้” เขายังไม่ไว้ใจ กลัวว่าพวกเธอจะนัดแนะกันไปเที่ยวผับเที่ยวเธค ยิ่งเธอเองเพิ่งอกหักมาหมาดๆ ยิ่งน่าเป็นห่วง

“ไม่ๆๆๆๆ ไม่ต้อง” หญิงสาวรีบส่ายหน้าปฏิเสธระรัว “เพื่อนจะมานอนด้วย พี่กัณโทรไปขออนุญาตพ่อแม่ของมันแล้ว”

“อ้อ! ถ้าคุณกัณเป็นคนจัดการก็แล้วไป ไปกันเถอะเดี๋ยวแม่บ้านจะได้เข้ามาทำห้อง”

เมื่อได้ยินว่ากัณหาเป็นต้นเรื่องเขาก็วางใจ ดึงมือเธอมากุมไว้ขณะเดินลงบันไดไปชั้นล่าง เพราะกลัวว่าเธอจะทำอะไรแผลงๆ อีก แต่แล้วเขาก็ต้องสะอึกปล่อยมือเธอแทบไม่ทัน เมื่อพนักงานที่มักจะเก็บของกลับบ้านตรงเวลาเลิกงานเป๊ะๆ ต่างพร้อมใจกันทำโอทีกันทุกคน ซึ่งแต่ละคนกำลังลอบมองเขาและมนทิชาผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“กลับแล้วเหรอครับบอส”

“อะ...อื้ม! พวกคุณไม่รีบกลับบ้านกันเหรอ?” เขาตอบกลับอย่างเสียไม่ได้ ทั้งที่ปกติแล้วก่อนกลับบ้านจะต้องเดินทักพนักงานทุกคนตามประสาเจ้านายอัธยาศัยดี

“ยังค่ะ พวกเรากำลังตกลงกันอยู่ค่ะว่าจะจัดโครงการพัฒนาบุคลากรกันที่ไหน แล้วบอส...จะพาเอ่อ...น้องคนนั้นไปด้วยไหมคะ?” พนักงานหญิงอีกคนทั้งตอบและถามในประโยคเดียวกัน

“ก็ต้องไปน่ะสิ...” เขาตอบเสียงหนักแน่น มองหน้าจ๋อยๆ ของมนทิชาแวบหนึ่งแล้วก็เงยหน้าพูดกับทุกคนเสียงดังฟังชัด “เพราะเขาเป็นแฟนผมนี่!”

มนทิชาทำตาโตเมื่อเขาเล่นประกาศต่อหน้าทุกคนว่าเธอเป็นแฟน แวบหนึ่งที่น้ำเสียงหนักแน่นนั้นทำให้หัวใจของเธอกระตุก แต่แล้วก็รู้สึกเหมือนตกบันไดเพราะการที่เขาพูดแบบนี้ ยิ่งจะทำให้ข่าวถึงหูกัณหาเร็วขึ้น

“ช่วยเอ็นดูแฟนผมหน่อยนะ เธอยังเด็ก” เขาโบกมืออำลาทุกคนราวกับเป็นพระเอกฮอลลีวูด โอบเอวหญิงสาวที่จ้องมองเขาเขม็ง ใช้กำลังแขนบังคับให้เดินเคียงคู่กันออกไปจากตึก

หญิงสาวได้แต่เดินก้มหน้าเมื่อจุลพัธน์ไม่พยายามทำตัวเองให้หลุดจากเส้นทางที่คุณหญิงพรพรรณกำหนดให้เลย ดังนั้นเมื่อขึ้นมานั่งบนรถ เธอก็ตั้งท่าเตรียมจะประทุษร้ายเขาเต็มที่

“อ๊ะ! อย่านะ! จะทุบพี่อีกล่ะสิ! รู้ทันหรอก!” เขารีบยกแขนขึ้นมากันไว้แล้วสตาร์ทรถออกไปทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้เธอรัวกำปั้นทำร้ายเขาอีก

“ทำไมไม่บอกว่าเป็นกิ๊ก เป็นอีหนู หรืออะไรก็ได้ บอกว่าเป็นแฟนทำไม?”

“จะบ้าเหรอ...พี่ให้มาเล่นเป็นแฟนไม่ใช่เป็นอีหนูสักหน่อย หรือพอใจจะเป็นแค่นั้น”

“เรื่องนี้ถึงหูพี่กัณแน่...แล้วพี่กัณก็ต้องรู้ว่าเป็นฉัน เพราะเลขาหน้าห้องของคุณเรียกฉันเต็มปากเต็มคำว่ามนทิชา โอ๊ย...แล้วจะทำยังไงดีล่ะทีนี้” เธอนั่งเขย่าขาด้วยความคับแค้นใจ

“ก็ให้รู้ไปสิ พี่คุยกับคุณกัณเรียบร้อยแล้วก่อนที่เธอจะไปเชียงใหม่ และขอให้คุณกัณกับธัญธรปิดเรื่องที่หนูมนเป็นน้องสาวไว้เป็นความลับ พวกพนักงานบริษัทน่ะล้วนแต่เป็นคนของคุณย่ากับคุณแม่ทั้งนั้น พี่เพิ่งมารับตำแหน่งได้แค่สามเดือน นอกจากธัญธรกับคุณกัณแล้วพี่ไว้ใจใครไม่ได้เลย หนูมนก็ยังไม่อยากจะช่วยพี่”

เขาทำเสียงหดหู่ประกอบกับใบหน้าสลดแม้เธอจะมองไม่เห็น ความจริงแล้วเขายังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับกัณหาหรือธัญธรเลย แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาเพราะทั้งคุณย่า คุณพ่อ คุณแม่ รวมถึงพนักงานทุกคนไม่มีใครรู้ว่ากัณหามีน้องสาวชื่อมนทิชา ถึงจะรู้ก็ไม่เคยเห็น เพราะถ้าเคยเห็น พวกนั้นต้องจำมนทิชาได้ตั้งแต่แรก และก็ไม่มีเหตุให้ใครต้องนำเรื่องไปบอกเลขาของเขา เพราะเธอไม่ใช่แฟนอย่างที่หนูมนเข้าใจนั่นเอง

อีกอย่าง...กัณหาเป็นคนที่ไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของใคร ไม่เล่นโซเชียล ถึงจะมีคนซุบซิบเรื่องนี้ให้เธอได้ยิน เขาก็เชื่อว่าความลับจะยังไม่แตก เพราะคนชื่อมนทิชานั้นมีเป็นล้าน แถมพื้นที่ที่เขาส่งเธอไปดูงานกับธัญธรนั้นก็เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญทางการตลาด งานล้นมือจนแทบจะทำไม่ทันอยู่แล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel