บท
ตั้งค่า

บทที่ 12 ว่าที่เลขาใหม่

“หนึ่งเดือนจากนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด คุณย่าอยากให้เราใกล้ชิดกันก่อนน้องมนจะไปเมืองนอก พี่ไม่คิดว่าท่านจะให้ธัญกับคุณกัณไปถึงเชียงใหม่ พี่ยังตั้งรับเรื่องนี้ไม่ทัน แต่พี่จะขอให้น้องมนช่วยพี่ก่อน ให้ผ่านช่วงหนึ่งเดือนนี้ไป แล้วพี่จะแก้ไขเรื่องนี้เอง รับรองว่าพี่จะไม่ทำให้คุณกัณเดือดร้อนเป็นอันขาด”

เขาให้คำมั่นสัญญา ค่อยๆ ปล่อยวงแขนและดันร่างบางออกไปเมื่อไม่มีเสียงตอบรับ ทั้งเริ่มรู้สึกถึงน้ำหนักตัวที่เธอโถมลงมามากกว่าปกติคล้ายกับคนทรงตัวไม่อยู่

“เฮ้!” เขากัดฟันเมื่อร่างบางเอนหลังพิงเบาะ คอเอียงกะเท่เร่ไปพิงขอบหน้าต่าง หลับตาพริ้มหายใจเข้าสม่ำเสมอ ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น รวมทั้งเรื่องที่เขาขอร้องเธอเมื่อครู่นี้ด้วย

เธอหลับไปแล้ว! หลับทั้งๆ ที่อยู่ในวงแขนของเขา ช่างไม่รู้จักระวังตัวซะเลย

เขาส่ายหน้า เอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มที่วางอยู่บนเบาะหลังมาคลุมให้เธอทั้งตัว แล้วพิศมองใบหน้าละมุนที่หมดฤทธิ์ไปชั่วคราว

“เออ...เวลานอนนี่ก็น่ารักเหมือนกันแฮะ! หลับได้ทุกที่ทุกเวลาเลยนะเรา เดี๋ยวก็ลักจูบซะหรอก!”

มนทิชานั่งมองพี่สาวเก็บเสื้อผ้าและสัมภาระใส่กระเป๋าด้วยความรู้สึกผิด คุณหญิงพรพรรณเอาจริง ใช้อำนาจเจ้าของบริษัทสั่งให้กัณหาและธัญธรขึ้นไปดูแลงานที่เชียงใหม่ชั่วคราว ผลจากการย้ายครั้งนี้ทำให้เลขาของผู้จัดการสาขาเชียงใหม่ ต้องเด้งไปที่ระยองซึ่งเป็นสาขาหลักของบริษัทด้วย

ปัญหาใหญ่ที่จะตามมาก็คือ เธอจะทำอย่างไรกับตำแหน่งเลขาที่ได้มาแบบไม่ทันตั้งตัว ลำพังแค่เรียนมัธยมปลายให้จบก็ต้องเข็นจนเหนื่อย โชคดีที่กัณหาไม่ได้เคร่งครัดกับเรื่องการเรียนของเธอนัก

เพิ่งจะจบ ม.ปลายมาได้ไม่กี่วัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะใช้เวลาอันน้อยนิดกับจีรพงศ์ก่อน อีกสองสัปดาห์จะประกาศผลการสอบแอดมิสชั่น หากผิดหวังก็คงจะลงเรียนในมหาวิทยาลัยตลาดวิชาแทน

ลำพังงานบ้านงานเรือนหรือเรื่องทำอาหารคาวหวานนั้นไม่ยาก แต่จะให้ไปทำงานเอกสารสงสัยว่าจะไปทำให้บริษัทของจุลพัธน์เจ๊งซะมากกว่า ที่สำคัญจะต้องเจอหน้าแฟนของพี่เกือบทุกวัน แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปวาดรูปกับ จีรพงศ์

“ทิชาอยู่คนเดียวได้นะ พี่จะพยายามกลับมาให้ได้ทุกอาทิตย์ หรือจะเปลี่ยนใจไปพักผ่อนอยู่เชียงใหม่ก็ยังทัน” กัณหาชวนน้องสาวเป็นรอบที่สาม เพราะไม่อยากทิ้งมนทิชาให้อยู่คนเดียว

“ไม่ๆๆๆ ล่ะค่ะ มนห่วงบ้าน เดี๋ยวดอกไม้ตายหมด อีกอย่างก็ยังมีจิลเป็นเพื่อน คนที่น่าห่วงคือพี่กัณต่างหาก” มนทิชารีบส่ายหน้าปฏิเสธ ทั้งวกเข้าหาเรื่องใกล้ตัวของพี่สาว

“พี่ชินแล้วล่ะ ที่สำคัญเงินเดือนขึ้นตั้งเยอะ คุณจุลพัธน์แย้มๆ มาว่าพี่อาจจะได้ขึ้นเป็นผู้จัดการสาขาเร็วๆ นี้”

“จริงเหรอคะ! ว้าว พี่จุลก็รู้จักทำอะไรดีๆ เหมือนกันนะเนี่ย” เธอทำตาชมดชม้อยล้อเลียนพี่สาว นึกในใจว่าพวกเขาเป็นผู้ใหญ่กันแล้วย่อมมีวิธีให้ความสำคัญกับอีกฝ่ายต่างจากวัยรุ่นอย่างเธอ

ตอนนี้กัณหาเป็นเลขาสุดเลิฟ ต่อไปก็จะเป็นผู้จัดการสาขา และต่อไปก็จะเป็นนายหญิงของบริษัท แบบนี้ค่อยน่านับถืออีตาจุลพัธน์เป็นพี่หน่อย

“สงสารก็แต่คุณจุลนั่นแหละที่ไม่มีเพื่อนกินข้าวแล้ว ไม่รู้ว่าท่านประธานจะให้ใครมาทำหน้าที่แทนพี่กับคุณธัญ”

กัณหาแสดงความเป็นห่วงบอสหนุ่ม เพราะช่วงกลางวันหากอยู่ที่บริษัท เขามักจะทานกลางวันร่วมกับธัญธรและเธอเสมอพร้อมกับคุยเรื่องงานและเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อย หรือหากออกนอกบริษัทก็ธัญธรอีกนั่นแหละที่จะเป็นคนคอยเทคแคร์อยู่เสมอ

“น่าเห็นใจนะคะ”

คนที่เป็นน้องสาวพูดไม่ออก เพราะคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้คนรักต้องห่างไกลกัน และอดเห็นใจพี่สาวไม่ได้ที่จะต้องห่างชายหนุ่มไปเป็นแรมเดือน เท่าที่ฟังมาแม้กัณหาจะไม่เคยคุยโทรศัพท์แบบสวีตหวานกับจุลพัธน์ให้เธอได้ยิน หรือไม่เคยออกไปเดทในช่วงวันหยุด แต่พวกเขาก็ได้เห็นหน้ากันเกือบทุกวัน จู่ๆ ต้องแยกจากกันแม้จะชั่วคราวแต่ก็น่าเห็นใจอยู่ไม่น้อย

“เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าคุณธัญจะมารับพี่ ทิชาไม่ต้องลงไปส่งก็ได้นะ นอนให้เต็มอิ่มเถอะ”

“งั้นมนไปนอนก่อนนะคะ” หญิงสาวขยับตัว เธอเองก็ต้องเตรียมรับมือกับปัญหาใหญ่ในวันพรุ่งนี้เหมือนกัน

“ราตรีสวัสดิ์จ้ะน้องสาว”

“กู๊ดไนท์ค่ะ”

คืนนั้น กลับกลายเป็นมนทิชาที่นอนไม่หลับ เธอกระสับกระส่ายอยู่ทั้งคืนด้วยความรู้สึกกังวลและรู้สึกผิด กว่าจะข่มตาเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันได้ก็เกือบจะรุ่งสาง แถมในฝันใบหน้าของคุณหญิงพรพรรณยังตามมาหลอกหลอนให้ผวาจนต้องสะดุ้งตื่น

“ฮะ!” หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่ง เหงื่อซึมทั่วตัวทั้งๆ ที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ก่อนจะมองไปที่นาฬิกาปลุกบนหัวเตียง

“ตายแล้ว!! นี่มันเจ็ดโมงแล้วเหรอเนี่ย โอ๊ยๆๆ ลืมตั้งปลุก พี่กัณนะพี่กัณจะไปก็ไม่ปลุกกันบ้างเลย!”

หญิงสาวลนลานเปิดเครื่องโทรศัพท์ เพราะเมื่อวานจุลพัธน์กำชับแล้วว่าจะมารับตอนเจ็ดโมงครึ่ง ด้วยความกลัวว่าเขาจะโทรมากวนตอนดึกๆ เธอจึงปิดมือถือนอน เปิดเครื่องมาเท่านั้นแหละมีสายไม่ได้รับตั้งสิบสาย แถมยังมีข้อความในกล่องจดหมายซึ่งเขาเพิ่งจะส่งมาเมื่อห้านาทีที่แล้วด้วย

“จะถึงหน้าบ้านในอีกสิบนาที”

“สิบนาทีเรอะ! ยังหาชุดที่จะใส่ไม่ได้เลยนะ ทำไงดีเนี่ยมีแต่กางเกงยีนกับเสื้อยืด” เธอเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วส่ายหน้า นึกโทษจุลพัธน์ที่ทำให้เธอสติแตกได้ตลอดเวลาจนหลงลืมไปว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ครั้นจะยืมชุดของกัณหามาใส่ก็คนละไซส์กัน

เธอชะงัก เมื่อนึกอะไรได้ขึ้นมา

ทำไมเธอจะต้องทำตัวให้เหมาะสมกับเขาด้วยล่ะ ในเมื่ออีกหนึ่งเดือนก็ต้องเลิกกัน สู้ทำให้คุณหญิงเอือมระอาไม่ดีกว่าหรือ?

ใช่แล้ว! ทำให้ท่านมีอคติกับเธอให้มากที่สุด จะได้เลิกรากันง่ายๆ เผลอๆ อาจจะเร็วกว่าหนึ่งเดือนที่กำหนดไว้ด้วยซ้ำ

เธอวิ่งปรู๊ดเข้าห้องน้ำ จัดการธุระส่วนตัวด้วยความรวดเร็วเหมือนทุกๆ วัน ซึ่งกัณหามักจะแซวเสมอว่าเธอนั้น “วิ่งผ่านน้ำ” จากนั้นก็แต่งตัวด้วยกระโปรงยีนและเสื้อที่เข้ารูปหน่อย ซึ่งเป็นชุดที่เข้าท่าที่สุดแล้วสำหรับเธอ

กระโปรงตัวนี้พี่สาวซื้อมาให้ตั้งแต่สองปีที่แล้ว เธอไม่เคยใส่มันเลยเพราะไม่ชอบสวมกระโปรงสั้นเหนือเข่า ไม่คิดว่าจะได้ออกประจัญบานในวันนี้

“ผม..โอเค! แต่สงสัยคงต้องไปทำสีใหม่” หญิงสาวพูดคนเดียวอยู่หน้ากระจก จนกระทั่งได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านจึงชะโงกออกไปดูทางหน้าต่าง

จุลพัธน์มาถึงแล้วพร้อมกับรถคันหรู เขาเปิดประตูลงมายืนกดกริ่งด้วยมาดของผู้บริหารระดับสูง สูทนั่นก็คงจะเป็นแบรนด์ดังจากอิตาลี ผมเรียบแปล้รับกับใบหน้าคมคายของเขาเป็นอย่างดี

หล่อจริงหล่อจังเหมาะกับพี่สาวคนสวยของเธอที่สุด!!

เพื่อเป็นการตอบแทนที่เขาเพิ่มเงินเดือนให้พี่สาวและกรุยทางเปิดตำแหน่งว่าที่ภรรยาผู้จัดการไว้รอ ดังนั้นเธอจะต้องทำตัวเสมือนเขาเป็นพี่เขยของเธอด้วย

เธอวิ่งปรู๊ดลงไปข้างล่างพร้อมกับกระเป๋าสะพายข้างใบหนึ่ง เปิดประตูออกแล้วยิ้มหวานให้กับบอสหนุ่มเป็นครั้งแรก

“สวัสดีค่ะพี่จุล รับกาแฟก่อนไหมคะ?”

“กะ...ก็ดี” จุลพัธน์อึ้งไปที่ได้เห็นรอยยิ้มสดใสเหมือนไม่มีอะไรแอบแฝงนั้น ทั้งเธอยังเรียกเขาว่า พี่จุล โดยไม่ต้องบังคับหรือยกเอากัณหามาขู่

มนทิชาชงกาแฟมาเสิร์ฟ พร้อมด้วยโอวัลตินของตัวเองอีกแก้ว มีขนมปังรองท้องเพราะไม่มีเวลาทำอาหารเช้า

“ท่าทางหิวจัดเลยนะนั่น” ชายหนุ่มเหลือบตามองเมื่อเธอจัดการมันอย่างรวดเร็ว ตัวเขาเองไม่ได้รีบร้อนอะไรจึงค่อยๆ จิบกาแฟทีละนิด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel