บท
ตั้งค่า

บทที่ 11 รวบรัดตัดตอน

“กินเยอะๆ นะจ๊ะหนูมน อายุแค่นี้ยังโตได้อีก เจ้าจุลน่ะกินจุจะตาย โตแล้วยังดื่มนมก่อนนอนอยู่เลย” นภดลตักกับข้าวให้เด็กสาว คำพูดของเขาทำให้บุตรชายหันหน้ามามองเขม็งจนเขาต้องหลบตา

แน่นอนว่าจุลพัธน์ต้องรู้ทันว่าเขาหมายถึงอะไร

ซึ่งมันไม่ใช่แค่ “ตัว” ของเธอแน่

จุลพัธน์ทำสายตาดุมนทิชาซึ่งกินไปยิ้มไปเหมือนหุ่นยนต์ เธอทำตามที่เขาบอก แต่ก็ไม่เห็นต้องยิ้มตลอดเวลาเลยนี่ โดยเฉพาะคำพูดที่ส่อถึง “ความคิดลามก” ของนภดลนั้น ทำให้เขาเดือดดาลเป็นที่สุด

นี่พ่อคงจะหมายถึงโฟร์โมสต์ของเธอล่ะสิ! แล้วที่บอกว่าเขากินจุนั้น มันก็ย่อมหมายความถึงสิ่งนั้นด้วย

“เพิ่งจบมอปลาย แสดงว่าหาที่เรียนต่อปริญญาแล้วล่ะสิ ท่าทางจะเป็นเด็กหัวดีนะเนี่ย” กุสุมาชวนคุยเรื่องอื่นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศเมื่อเห็นสายตาของจุลพัธน์ ซึ่งก็เป็นการทำความรู้จักว่าที่ลูกสะใภ้ไปในตัว

“คือว่า...พี่จุลจะส่งมนไปเรียนที่เมืองนอกน่ะค่ะ”

“ว้าย! ทำไมถึงจะไปไกลเลยล่ะจ๊ะ” คุณหญิงร้องเสียงแหลม ยกมือทาบอกด้วยความตกใจ “ไม่ได้ๆ เรียนในเมืองไทยนี่แหละ”

“คุณย่าครับ...น้องมนลงทะเบียนไปแล้วนะครับ อีกอย่างมันก็เป็นสิทธิของเธอด้วย เราต้องเคารพการตัดสินใจของเธอสิครับคุณย่า” ชายหนุ่มอธิบายเสียงนุ่ม แอบไขว้ขากันเมื่อตอนที่พูดปดในประโยคแรก

“กี่ปี่กันล่ะ...พวกแกต้องห่างกันกี่ปี ย่าไม่สนับสนุนความรักที่ห่างไกลหรอกนะ กี่รายๆ ก็เลิกกันเพราะแพ้ระยะทางนี่แหละ”

“ต้องขออภัยจริงๆ ค่ะ แต่มนตัดสินใจแล้ว อีกอย่างจะได้ให้เวลาพี่จุลใช้ชีวิตโสดให้เต็มที่ด้วย แค่สี่ปีเท่านั้นเองนะคะคุณย่า” มนทิชาเกือบจะกลืนไม่ลงเมื่อเห็นอาการกระฟัดกระเฟียดของคนแก่ ซึ่งปฏิริยาของคุณหญิงทำให้เธอตกใจอยู่ไม่น้อย เพียงแค่เธอพูดว่าจะไปเรียนต่อเมืองนอก ท่านก็ทำท่าเหมือนกับว่าเธอกำลังจะเลิกกับหลานชายของท่านแล้วกระนั้น

นี่ถ้ารู้ความจริงว่าเธอไม่ใช่คนรักของเขาล่ะ

โอย...ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะยากกว่าที่คิด

“สี่ปี...ไม่ทันหรอก” นภดลพูดขึ้นมาลอยๆ สร้างความแปลกใจให้กับเธออย่างมาก

“ไม่ทันอะไรกันครับ?” จุลพัธน์ถาม

“ก็...คุณย่า...” กุสุมาทำท่าจะพูด หากแต่คุณหญิงโพล่งขึ้นมาเสียก่อน

“ก็มีเหลนให้ฉันช้าไปน่ะสิถามได้! ไม่งั้นฉันไม่หาผู้หญิงให้แกหรอกตาจุล เพราะฉันอยากจะอุ้มเหลนเต็มแก่แล้วไงล่ะ! ไอ้เรารึก็อุตส่าห์ดีใจที่แกมีแฟนเป็นตัวเป็นตน อย่างน้อยอีกสองปีอายุยี่สิบก็แต่งงานได้แล้ว นี่ต้องไปเมืองนอกถึงสี่ปี เธอไม่กลัวตาจุลนอกใจหรือไง?” ประโยคสุดท้ายคุณหญิงถามเด็กสาว ซึ่งการถามของท่านทำให้มนทิชาต้องหาทางออกอีกครั้ง

“เอ่อ...มน...มนไม่ว่าหรอกค่ะถ้าพี่จุลจะเจอใครที่เหมาะสมกว่า” หญิงสาวก้มหน้าก้มตาตอบ เธอต้องพูดเปิดทางให้ตัวเองไว้ก่อน เพราะอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าการแสดงตัวเป็นคู่รักของเขาก็จะจบลง พวกผู้ใหญ่ก็จะได้สบายใจว่าเธอและจุลพัธน์จากกันด้วยดี

“หนุ่มสาวสมัยนี้! เฮ้อ! จะรักก็รัก จะเลิกก็เลิก ฉันน่ะเอ็นดูเธอนะและไม่เคยคิดรังเกียจเลยที่เธอเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีใครคอยอบรมสั่งสอน กลับนึกชมเสียอีกที่เธอปากกัดตีนถีบทำงานพิเศษส่งตัวเองเรียนจนจบ” กุสุมาถอนหายใจ ไม่รู้เลยว่าคำพูดของเธอทำให้มนทิชาต้องอ้าปากค้าง

“ต้องไปเมื่อไหร่?” คุณหญิงหันมาถามเด็กสาวด้วยดวงตาเป็นประกายเจิดจ้า

“อีกหนึ่งเดือนค่ะ มนจะไปเรียนภาษาก่อน” มนทิชาตอบเกือบไม่ทัน

“ดี! คนสมัยนี้ต้องเก่งภาษา ย่าอนุญาตให้ไปเรียนได้ แต่ต้องกลับมาทำงานที่บริษัทเรา และมีเงื่อนไขว่าภายในสี่ปีนี้เธอจะต้องกลับเมืองไทยทุกหกเดือน แล้วก่อนไป...ฉันจะให้เธอไปฝึกงานที่บริษัทในฐานะเลขาของตาจุล!”

“หา!!”

จุลพัธน์และมนทิชาร้องอุทานขึ้นพร้อมกัน เมื่อคุณหญิงมัดมือชกกำหนดทุกอย่างเอาไว้เสร็จสรรพ

“แต่ผมมีเลขาอยู่แล้วตั้งสองคนนะครับ มีน้องมนไปเพิ่มอีกคงจะเดินชนกันตายในห้องทำงาน” ชายหนุ่มรีบค้าน สังหรณ์ใจไม่ดีว่าเรื่องนี้คุณย่าและบุพการีทั้งสองต้องคิดกันไว้ก่อนแล้ว

“ธัญกับกัณหาให้ไปดูแลสำนักงานที่เชียงใหม่ ในหนึ่งเดือนนี้แกต้องสอนงานให้กับแฟนแกอย่างใกล้ชิด เพราะอีกสี่ปีข้างหน้าเธอจะต้องมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา”

มนทิชาแทบจะหงายหลังตกเก้าอี้ เมื่อได้ฟังประกาศิตคุณย่าที่ประกาศต่อหน้าท่านผู้มีเกียรติทั้งหลายโดยที่จุลพัธน์ไม่สามารถคัดค้านได้เลย อย่างไรก็ตามหญิงสาวก็ยังสามารถครองสตินั่งอยู่ท่ามกลางวงล้อมของเสือสิงห์กระทิงแรดได้จนอาหารค่ำมื้อนั้นเสร็จสิ้นลง

แต่พอถึงเวลาที่ชายหนุ่มต้องขับรถไปส่งเธอที่บ้านเท่านั้น เธอก็รัวกำปั้นใส่เขาเป็นชุด

“โอ๊ย! น้องมน! เบาๆ ๆๆ พี่จุลขับรถอยู่นะ!” เขาเลี้ยวรถเข้าจอดข้างทาง เพราะมนทิชาคงต้องการชำระแค้นซึ่งเขากระทำลงไปโดยไม่บอกเธอก่อน

“ไม่ต้องเรียกน้องมนเลยนะ คลื่นไส้! โอ้! คุณนี่ สร้างโปร์ไฟล์ของฉันซะจมดินเลยนะ เด็กกำพร้ามั่งล่ะ! ปากกัดตีนถีบมั่งล่ะ! ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนมั่งล่ะ! คุณใช้เวลาคิดนานไหม หา!?”

“ฟังก่อนสิที่รัก” เขาต้องใช้ทั้งสองมือรวบกำปั้นที่กระหน่ำทุบลงมา พร้อมกับถ้อยคำที่พ่นออกมาเหมือนมังกรพ่นไฟ ตาของเธอเขียวปั๊ด! ทรวงอกสะท้อนขึ้นลงเพราะออกแรงทำร้ายเขาจนเหนื่อยหอบ

“อย่ามาเรียกว่าที่รักอีกนะ!”

“เดี๋ยวเกาะอกก็หลุดหรอก!” เขาตะโกนกลับบ้าง แม้ใบหน้าจะอยู่ห่างกันแค่นิดเดียว

“หน็อย...ไอ้คนลามกจกเปรต นี่แน่ะๆๆๆๆ” มนทิชาดิ้นแรงกว่าเดิม พยายามดึงแขนออกจากการเกาะกุมของเขาให้ได้ ทว่าเธอก็แผลงฤทธิ์ได้แค่นั้น เพราะจู่ๆ เขาก็รวบร่างของเธอเข้าไปกอดแนบแน่น

“เจ็บนะ!”

“ตอนน้องมนทุบพี่ พี่ก็เจ็บเหมือนกัน ถ้าไม่หยุดประทุษร้ายพี่ พี่ก็จะกอดอยู่อย่างนี้แหละ” เขาพูดหน้าตาย ซ่อนรอยยิ้มไว้ใต้ใบหน้า ใช้คางก่ายเกยไหล่มนที่เริ่มจะทำตัวนิ่งๆ ได้แล้วเมื่อถูกขู่

“พี่ไม่รู้จริงๆ นะว่าคุณย่ากำลังวางแผนอะไร ที่เรียนท่านไปว่าน้องมนมีประวัติอันแสนรันทด ก็เพราะอยากสร้างความแตกต่างทางฐานะให้ท่านได้เห็น ถ้าท่านรังเกียจคนจนเราก็จะได้เลิกกันง่ายขึ้น ลืมไปว่าคุณย่าไม่ใช่คนแบบนั้น ท่านไม่เคยดูคนที่ฐานะ หน้าตา หรือชาติตระกูล กลับสงสารน้องมนซะอีกที่ไม่มีใครดูแล”

“ดีนะที่ไม่บอกว่าขายตัวเป็นอาชีพเสริม” หญิงสาวค้อน แต่ยังไม่กล้าขยับ เพิ่งรู้สึกว่าการอยู่ในอ้อมกอดของเขาก็อบอุ่นดีเหมือนกัน เพราะชุดที่เธอสวมใส่ค่อนข้างเปิดเผยเนื้อตัวอยู่พอสมควร ที่สำคัญนี่ก็ดึกแล้วด้วย เธอง่วงนอนเต็มแก่ ขืนมัวแต่แสดงอิทธิฤทธิ์คงไม่ได้กลับบ้านง่ายๆ

“บ้า! เด็กกะโปโลแบบนี้ขายที่ไหนก็ไม่มีใครเอาหรอก” เขาหลุบตาลงต่ำ มองผิวเนื้อนวลเนียนของแผ่นหลังที่โผล่พ้นขอบเสื้อออกมาแล้วคิดว่าไม่จริงเลย เด็กคนนี้กำลังจะโตเป็นสาวสะพรั่ง แม้รูปร่างจะเล็กบางอรชรอ้อนแอ้น แต่ผิวพรรณก็เปล่งปลั่ง ผิวก็นุ่มลื่นดุจแพรไหม

เพราะอยู่ในเงาของกัณหา ซึ่งได้ชื่อว่าสวยหยาดฟ้ามาดิน มนทิชาจึงเป็นเพียงดอกไม้เล็กๆ ที่หากไม่มองดีๆ ก็จะไม่เห็น

โชคดีที่รูปร่างหน้าตาของสองพี่น้องนี้ไม่เหมือนกันเลย ราวกับเกิดมาจากคนละพ่อละแม่ ทั้งคุณย่า พ่อและแม่ของเขาจึงไม่สะกิดใจ เพราะกัณหานั้นเคยเป็นเลขาของนภดลมาก่อน แต่ช่วงนั้นพ่อของเขามีเลขาผู้ชายอยู่แล้วคนหนึ่ง ท่านจึงให้กัณหาไปช่วยงานที่เชียงใหม่เสียเป็นส่วนมาก ก่อนที่ท่านจะโอนตำแหน่งให้กับเขา กัณหาจึงถูกเรียกตัวกลับมา และเขาก็ได้ส่งเลขาผู้ชายคนนั้นไปที่สาขาระยองแล้วให้ธัญธรมาช่วยงานแทน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel