บทที่1.จบตอน
“นายไปจัดการซะให้เรียบร้อย ฉันจะพาน้องแองจี้ไปที่เกาะดาหวันก่อน..” เมื่อลับหลังหลานสาว เบนจามินก็หันมาพูดกับแสงศรด้วยใบหน้าเครียดเคร่ง
“แล้วจะให้ผมทำแบบไหนครับ”
“นี่แกถามแบบไม่ได้ใช่สมองคิดเลยใช่มั้ยไอ้ศร..” ชายหนุ่มตวาดอีกครั้งเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ในวันนี้ จนแสงศรชักอยากจะหนีหน้าไปไกลๆ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายนั้นยังไม่สำเร็จ
“ครับ ผมจะพาคุณศรัญภัทราไปเกาะดาหวันในวันพรุ่งนี้ให้ได้” ชายหนุ่มหน้าเข้มตอบอย่างหนักแน่นแล้วเดินออกไปจากห้องทำงานโอ่โถงด้วยความหนักใจ
ชายหนุ่มมองตามหลังลูกน้องคนสนิทไปด้วยความคาดหวังว่างานง่ายๆ เช่นนี้จะสิ้นสุดด้วยดี เบนจามินเดินไปยังห้องนอนของหลานสาวซึ่งตอนนี้เด็กหญิงหลับพริ้มพร้อมกับกอดโปสเตอร์รูปดาราสาวคนดังไว้แน่น ชายหนุ่มลูบศีรษะไร้เรือนผมหยิกขอดซึ่งยาวสลวยก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่เดือนที่เด็กหญิงเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัด..
(เคมีบำบัดChemotherapy คือ การใช้ยาเพื่อรักษาโรค ซึ่งมาจากคำ 2 คำมารวมกันคือ คำว่าเคมี (Chemical) และบำบัด (Therapy) หรือรักษา (Treatment) ปัจจุบันเคมีบำบัดใช้สำหรับ ยารักษาโรคมะเร็ง เคมีบำบัด หมายถึง การรักษาโดยยา เพื่อควบคุมหรือทำลายเซลล์ มะเร็ง โดยการออกฤทธิ์ยับยั้ง การเจริญเติบโตและแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง และทำลาย เซลล์มะเร็งโดยตรง บางครั้งอาจมีผล ข้างเคียง เช่น คลื่นไส้อาเจียน ผมร่วง)
เรือนผมสลวยของน้องแองจี้ก็ค่อยๆ ร่วงหลุดไป จนเหลือเพียงศีรษะโล้นทุยสวยใช่แล้ว... น้องแองจี้เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันในเด็ก ซึ่งเขาเองเพิ่งรู้ว่าหลานตัวน้อยเป็นโรคนี้เมื่อสองปีก่อนและร่างกายเล็กๆ นี้ก็อ่อนแอลงทุกวัน ที่สำคัญน้องแองจี้ก็มีโรคแทรกซ้อนเข้ามาอีก ตอนนี้เขาหวังเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้น...
เบนจามินถอนใจอีกครั้งแล้วมองรูปหญิงสาวแสนสวยที่ยิ้มกระจ่างให้คนมอง ด้วยความขุ่นเคืองในใจ ศรัญภัทรา... เธอคือความหวังเดียวสุดท้ายของแองจี้ และเขาก็จะต้องทำให้ความฝันของเด็กหญิงเป็นจริง...
“อะไรนะ ตัวว่าจะไปส่งขนมที่ไหนนะ” ศรัญภัทราร้องเสียงหลงเมื่อชนกวนันท์ โทร. มาบอกเธอว่าจะไปส่งขนมที่บ้านทวีวัฒน์ภิรมย์ ตระกูลไฮโซดัง ซึ่งใครๆ ต่างก็รู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะทายาทคนเดียวของตระกูลนั้นเป็นหนุ่มโสดเสน่ห์แรงและได้รับฉายาไฮโซคาสโนว่า เปรม ทวีวัฒน์ภิรมย์
“อะไรกันทำไมต้องเสียงดังเหมือนตะคอกเลย แพรแค่จะไปส่งขนมนะ ไม่ได้ไปรบที่ชายแดนใต้ ตัวก็ทำเสียงดัง ไปได้ แพรตกใจนะ”
“ก็จะไม่ให้เสียงดังได้ไง นั่นมันไม่ใช่ตลาดหรือร้านค้าที่ตัวเคยไปส่งขนมนะแพร นั่นมันคฤหาสน์เลยนะ บ้านคนดังระเบิดเลยนะ แล้วคนดังขนาดนั้นเขาจะมาสั่งขนมของตัวทำไม อีกอย่างเราก็ไม่ได้เปิดหน้าร้านเสียหรูหราชื่อเสียงก็ไม่มี”ศรัญภัทราโวยมาตามสายเมื่อเธอพักระหว่างถ่ายแบบ ซึ่งยกกองมาทำงานกันที่หัวหิน หญิงสาวในชุดไทยสมัยรัชการที่เจ็ดหน้ามุ่ย ในขณะที่คนกำลังจะไปส่งขนมยิ้มร่าเพราะคราวนี้เธอได้เงินเกือบๆ หลักหมื่นเลยทีเดียว
“ไม่เอาแล้วคุยกับพราวแล้วปวดหัวเสียงแหลมๆ แบบนี้หากแฟนละครได้ยินคงคิดว่าเป็นเสียงนางร้ายไม่ใช่นางเอกแน่ๆ เลย แค่นี้นะถึงบ้านลูกค้าแล้ว” ชนกวนันท์วางสายจากน้องสาวเมื่อขับรถยนต์คันเล็กของศรัญภัทราซึ่งเอามาให้เธอไว้ใช้ระหว่างที่ตนเองไปถ่ายแบบที่หัวหินมาถึงหน้าคฤหาสน์ทวีวัฒน์ภิรมย์พอดีประตูอัลลอยด์ลวดลางดงามก็เปิดออกช้าๆ พร้อมกับมีคนมาโบกรถให้เธอเข้าไปจอดในโรงรถกว้างใหญ่ซึ่งมีรถหรูหลายสัญชาติจอดเรียงกันราวกับโชว์รูมรถหรูราคาแพง
“เชิญด้านนี้เลยค่ะคุณแพร คุณท่านรออยู่” หญิงวัยกลางคนดูท่าทางน่าจะเป็นแม่บ้านผายมือเชิญชนกวนันท์เข้าไปในห้องโถงกว้างใหญ่ผ่านไปยังซุ้มโค้งทางเดินอิฐแสนสวยแปลกตาไปยังเรือนหลังเล็กซึ่งรายล้อมด้วยไม้ดอกไม้ประดับนานาพรรณ
“มาแล้วรึหนูแพร เจ้าของขนมแสนอร่อย” เสียงนุ่มเจือแววอารีดังออกมาจากริมฝีปากของหญิงวัยห้าสิบปลายซึ่งยังดูงดงามภูมิฐาน ใบหน้าที่ยังคงเค้าความงามยิ้มละไมให้เธอ
“สวัสดีค่ะคุณท่าน”
“ไหว้พระเถอะลูก นั่งสิจ๊ะ ไม่ต้องทำเหมือนฉันเป็นเทพเจ้า ฉันก็คนเหมือนกันกับหนูแพรนั่นล่ะ” คุณอารีรัตน์ ทวีวัฒน์ภิรมย์ เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มน่าฟัง น้ำเสียงและรอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความอารีสมชื่อ
“ขอบคุณค่ะท่าน”
“อย่าเรียกฉันว่าคุณท่านเลยจ้ะหนูแพร เรียกคุณป้าฟังดูเป็นกันเองและอบอุ่นกว่ากันเยอะเลย ฉันล่ะเบื่อเสียจริงเชียว พวกที่ชอบยกยอฉันขึ้นไปบนที่สูง และทำเหมือนฉันเป็นเทพเจ้า ที่ทุกคนจะต้องยกยอปอปั้นปฏิบัติด้วยความนบน้อมซึ่งไร้ความจริงใจ”
คุณอารีรัตน์เอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกขุ่นใจเล็กน้อย จริงอยู่แม้นางจะเคยมีนามสกุลที่ฟังแล้วก็รู้ว่ามาจากตระกูลผู้ดีเก่าซึ่งเคยเป็นเจ้านายในรั้วในวัง แต่ตอนนี้นางก็ไม่ได้มีฐานันดรศักดิ์ใดๆ และที่สำคัญนางคิดเสมอว่า นางก็คือคน คนหนึ่ง ที่ต้องการมีชีวิตที่ธรรมดาเรียบง่าย แต่เท่าที่ผ่านมา ความเป็นคนดัง คนรวย มีเชื้อมีสายกลับทำให้ชีวิตของนางไม่ค่อยจะมีความเป็นส่วนตัวนัก แม้แต่การแต่งงานนางก็ไม่ได้เลือกเองแต่โชคดีเหลือเกินที่คนของทางครอบครัวเลือกให้นั้นเป็นคนดีจึงทำให้ชีวิตครอบครัวของนางราบรื่นสงบสุขเสมอมา
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำ
“อืม ว่าแต่ร้านขนมของหนูแพรนี่ไม่ได้มีหน้าร้านใช่มั้ยทำอร่อยขนาดนี้ คนติดใจก็เยอะทำไมไม่เปิดร้านเลยล่ะจ๊ะ ขนาดว่าเพื่อนๆ ของป้าเขาไปเจอขนมของหนูที่ร้านขายของฝากที่ตลาดอัมพวาก็พากันติดใจกันใหญ่ พอมีโอกาสได้ชิมก็พบว่ามันอร่อยกว่าขนในร้านหรูๆ เสียอีก ไม่ว่าจะเป็นขนมปังกรอบแอลมอลด์ที่หนูทำกับขนมอื่นๆด้วย”
“ค่ะคุณป้า คือแพรไม่มีหน้าร้าน ส่วนมากก็ทำส่งตามร้านขายของฝาก และส่งตามร้านขายกาแฟสด หรือร้านขนมทั่วไปค่ะ ที่เห็นที่อัมพวาเพราะฝากขายที่ร้านของเพื่อนสมัยเรียนด้วยกันค่ะ บ้านเขาอยู่ที่ตลาดน้ำอัมพวาพอดี แพรไม่มีเงินเช่าร้านหรอกค่ะ อีกอย่างแพรไม่ชอบความวุ่นวายขายส่งก็พอได้กำไรอยู่ค่ะ” หญิงสาวตอบตามความจริง
“หนูนี่เป็นคนน่ารักนะหน้าตาน่ารักคล้ายใครน้าป้าก็นึกไม่ออก
“ใครๆ ก็ว่าแบบนี้ล่ะค่ะ บางคนก็ว่าหน้าเหมือนดารา” หญิงสาวตอบยิ้มๆ อย่างเคยชิน
”ถึงว่าสินะ หน้าเหมือนคนดัง หึหึ ว่าแต่หนูแพรมีคู่รักบ้างรึยังจ๊ะ ขอโทษนะที่ถามแค่เห็นว่าหนูหน้าตาสะสวยและทำงานเก่ง น่าจะมีคนสนใจบ้าง” นางถามอย่างถูกอัธยาศัยและแอบหวังว่าอยากให้บุตรชายได้พบกับหญิงสาวตรงหน้า
”ไม่หรอกค่ะ แพรชอบชีวิตที่ไม่มีใครมาคอยคุมมากกว่า อยู่แบบนี้ก็มีความสุขดีค่ะ อีกอย่างแพรชอบทำงานมากกว่าและยังไม่พร้อมจะดูแลใครตอนนี้ค่ะ”
”ป้าเองก็เพิ่งเคยเห็นสาวๆ อย่างหนูพูดแบบนี้ เอาเถอะแต่ถึงไม่มีแฟน ไม่มีหน้าร้านหนูแพรกับขนมก็ถูกใจป้าแล้วล่ะ คราวหน้าจะสั่งมาอีกนะ ” คุณอารีรัตน์ยิ้มขณะแกะกล่องขนมปังกรอบออกมารับประทานกับน้ำชา ชนกวนันท์ดื่มน้ำชาและคุยเป็นกับคุณอารีรัตน์ตามคำเชิญและอยู่รับประทานอาหารเที่ยงกับผู้สูงวัยจนบ่ายคล้อยเธอจึงขอตัวกลับ แต่คุณอารีรัตน์ก็ทำท่าอาวรณ์เพราะถูกใจหญิงสาวเป็นอย่างมาก
ชนกวนันท์ขับรถออกมาจากคฤหาสน์หลังงามก็แวะซื้อแป้งและส่วนผสมอื่นๆ ที่เธอจะใช้ทำขนมเย็นนี้ด้วยความสุข เพราะตอนนี้เท่ากับว่าเธอมีออเดอร์ขนมเพิ่มขึ้น โดยไม่ต้องออกไปติดต่อร้านค้าเพื่อส่งขนมแล้ว แต่เธอไม่มีโอกาสรู้เลยว่าบัดนี้เธอจะไม่มีโอกาสได้ทำขนมที่เธอรักอีกแล้ว เพราะใครบางคนกำลังจะพาเธอไปยังที่ไกลแสนไกล และที่นั่นจะทำให้ชีวิตอันสงบสุขของเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล...
ร่างบางเดินถือข้าวของพะรุงพะรังมายังรถยนต์คันเล็กโดยไม่สังเกตว่ามีใครอีกคนเดินตามเธอมาตั้งแต่เธอออกมาจากบ้านทวีวัฒน์ภิรมย์ด้วยความหมายมาด หญิงสาวถอนหายใจเมื่อข้าวของทุกอย่างไปนอนอยู่ในเบาหลังรถยนต์คันเล็ก แล้วทันใดนั้นเองก็มีรถยนต์คันหรูติดฟิล์มหนามาจอดเทียบข้างๆ รถของเธอและผู้ชายในชุดดำ สวมแว่นสีดำก็เข้ามาประชิดตัวเธออย่างรวดเร็วหลังจากนั้นเธอก็ได้กลิ่นฉุนๆ ของอะไรสักอย่างและความรู้สึกสุดท้ายของเธอก็คือ ความมืดมิด...
แสงศรมองร่างบางของหญิงสาวที่ไม่ได้สติอยู่เบาะหลังอย่างโล่งใจที่การปฏิบัติการในครั้งนี้ผ่านไปด้วยดีเพราะหญิงสาวมาทำธุระในห้างสรรพสินค้าของเจ้านายของเขาเองการลักพาตัวหญิงสาวจึงเป็นเรื่องง่าย กล้องวงจรปิดไม่ทำงานในขณะที่เขาปฏิบัติการที่ค่อนข้างอุกอาจ เสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางเช่นนี้ ชายหนุ่มมุ่งหน้าไปยังลานจอดเครื่องบินส่วนตัวของเจ้านายหนุ่มและรายงานความสำเร็จให้เบนจามินรับทราบ
เครื่องบินส่วนตัวลำหรูทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ามุ่งลงไปยังเกาะดาหวันซึ่งอยู่กลางมหาสมุทรอันไกลห่างจากกรุงเทพมหานครราวคนละฟากโลก แสงศรกระหยิ่มใจเพราะคิดว่าตนได้นำตัวศรัญภัทรามาได้แม้ว่าเธอจะปลอมตัวออกมาทำธุระข้างนอกก็ตามที เขาจำเธอได้และจำรถยนต์ที่เธอใช้ได้แม่นยำเพราะสะกดรอยตามหญิงสาวมาได้ตั้งแต่เมื่อคืนวาน เมื่อเห็นว่าเธอขับรถมายังบ้านหลังเล็กชานเมืองเขาก็ซุ่มรอเธอออกมาจากบ้านและตามเธอมาตลอดตั้งแต่เธอขับรถออกมา แต่แสงศรไม่มีโอกาสรู้เลยว่าหลังบ้านของหญิงสาวนั้นมีประตูเล็กๆ ที่ศรัญภัทราเข้าออกเป็นประจำยามมาพักที่นี่ เมื่อมีงานด่วนที่ต้องไปต่างจังหวัดเธอก็มักจะมาพักกับพี่สาวฝาแฝด และพี่หนูนาจะมารับเธอหลังบ้านทุกครั้ง เพื่อหลบเบี่ยงความวุ่นวายและเพื่อความสะดวกในการเดินทาง
“ผมขอโทษนะครับคุณพราว ที่ทำไปทุกอย่างก็เพราะคำสั่งของนาย และเพื่อคุณหนูแองจี้ คุณอย่าโกรธผมเลยนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวเบาๆ กับหญิงสาวซึ่งไม่ได้สติและหวังว่าเธอจะไม่คิดโกรธเคืองเขา
