บท
ตั้งค่า

บทที่ 1. จุดเริ่มต้นที่ผิดพลาด...

ร่างบอบบางที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่กับเตาอบขนมนั้นดูเพลิดเพลินกับงานที่ตนเองทำอยู่ มือบางค่อยๆ หยิบถาดขนมปังกรอบสูตรพิเศษที่ลูกค้าติดใจสั่งเป็นของฝากจำนวนมากออกมาพักไว้แล้วค่อยๆ นำกล่องพลาสติกสี่เหลี่ยมน่ารักบรรจุขนมปังกรอบแผ่นบางใส่อย่างระมัดระวังแต่ทุกๆ ท่วงท่าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความสุข

“แพร พราวไปทำงานแล้วนะ อย่ามัวแต่ทำขนมเพลินจนลืมกินข้าวล่ะ” พราว หรือ ศรัญภัทรา แฝดผู้น้องเอ่ยกับพี่สาวฝาแฝดของตนด้วยความห่วงใย ใบหน้าที่เหมือนเธอราวกับแกะนั้นหันมายิ้มให้อย่างอ่อนโยนเหมือนทุกๆ วัน แพร หรือ ชนกวนันท์ หญิงสาวที่ชอบทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ

“จ้า แม่ดาราดัง รีบๆ ไปเถอะ เดี๋ยวก็ไปถ่ายแบบสายหรอกมัวมาบ่นเป็นแม่แก่อยู่ได้”

“แพรจ๋า ตัวทำงานหนักมากเกินไปแล้วนะ แล้วนั่นจะก้มหน้าก้มตาเอาขนมใส่กล่องอีกนานมั้ย พราวยังไม่ได้ทานข้าวเลยนะ” แฝดผู้น้องกอดอกยืนอิงกรอบประตูห้องครัวกล่าวน้ำเสียงจริงจังขึ้นมาอีกนิด เมื่อพบว่าอาหารเช้าของพี่สาวยังไม่พร่องไปเลยสักนิดแต่ใบหน้าสวยนั้นก็ยิ้มละไมให้พี่สาวด้วยความรักห่วงใย

ชนกวนันท์เงยหน้าจากขนมปังกรอบแผ่นบางเฉียบหอมกรุ่นด้วยกลิ่นเนยโรยหน้าด้วยอัลมอนด์สไลด์บางๆ ซึ่งเป็นขนมปังกรอบสูตรเฉพาะของเธอ หญิงสาวมองน้องสาวที่ยืนยิ้มหวานอยู่หน้าประตูห้องครัวด้วยความรัก ศรัญภัทราน้องสาวฝาแฝดของตนนั้นงดงามอยู่ในชุดเดรสสั้นเข้ารูปสีม่วงอ่อนใสโชว์ไหล่ขาวนวล ใบหน้ารูปไข่นั้นนวลใสไร้เครื่องสำอางแต่ก็ดูเปล่งปลั่งอมชมพู ดวงตากลมโตดำขลับนั้นพราวระยับดูร่าเริงมีเสน่ห์น่ารัก จมูกโด่งเป็นสันงดงามโดยไม่ต้องศัลยกรรมรับกับเรียวปากอวบอิ่มระเรื่อด้วยวัยสาว เรือนผมดำขลับเงาระยับนั้นยาวสยายเต็มแผ่นหลังบางทุกอย่างที่เป็นศรัญภัทราเสมือนกระจกที่ส่องเงาของเธอไม่ผิดเพี้ยน...

แต่หากใครช่างสังเกตจะพบว่า ระหว่างเธอกับศรัญภัทรานั้นจะมีสีตาต่างกัน ชนักวนันท์นั้นมีดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มเจิดจ้าต่างจากน้องสาวที่มีดวงตาดำสนิทในขณะที่ศรัญภัทราไว้ผมยาวสยายถึงกลางหลัง แต่ชนกวนันท์เลือกที่จะไว้ผมบ๊อบสั้นสวมแว่นตากรอบหนาเตอะเพื่อให้แตกต่างจากน้องสาวและศรัญภัทราจะสูงกว่าเธอราวสามเซนติเมตร ที่สำคัญศรัญภัทราก็เป็นดารานางแบบดาวรุ่งที่ฮอตที่สุดในขณะนี้ ไม่มีใครไม่รู้จัก น้องพราว ศรัญภัทรา ดารานางแบบสาวสวยวัย ยี่สิบเอ็ดปีคนนี้ ชนกวนันท์ชอบชีวิตเรียบง่ายและไม่ค่อยมั่นใจในตนเองแต่ศรัญภัทรานั้นชอบชีวิตที่ท้าท้าย ได้ท่องไปในโลกกว้างและมีความมั่นใจในตนเองสูง แต่สิ่งที่เธอทั้งคนมีและชอบเหมือนกัน คือชีวิตสงบสุขพอเพียง ซึ่งหากใครรู้จักเธอทั้งสองจะพบว่าสองสาวฝาแฝดนี้เป็นคนที่มัธยัสถ์ประหยัดอดออมเลยทีเดียว...

“โอเค แพรทานข้าวก่อนก็ได้ ไปๆ รีบไป เดี๋ยวก็โดนพี่หนูนาบ่นหูชาอีกหรอก”

“ทานข้าวจริงๆ นะ”

“จ้า ทานจริงๆ นี่เห็นมั้ยแพรตักข้าวใส่ปากแล้ว” ชนกวนันท์ตักข้าวใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ เพื่อให้เห็นว่าเธอกำลังรับประทานอาหารมื้อเช้าอย่างเอร็ดอร่อยซึ่งสร้างความพอใจให้ศรัญภัทราเป็นอย่างมาก

“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นพราวไปทำงานก่อนนะ”

“พราว...” ชนกวนันท์เรียกน้องสาวเบาๆ ก่อนที่ร่างระหงจะเดินออกไป

“อะไรหรือ”

“เมื่อวาน... เอ่อ แพร เจอ... พ่อ” ผู้เป็นพี่สาวอ้อมแอ้มบอก ทั้งรู้ว่าต้องสร้างความไม่พอใจให้กับศรัญภัทรา

“ใครคือพ่อเราล่ะแพร ตัวคิดว่าผู้ชายคนนั้นคือพ่อเราหรืออย่างไร”

“แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราไม่ใช่ลูกของเขานะพราว”

“ไม่รู้หรอก พราวมีพ่อ มีแม่ ก็คือพ่อจักร ส่วนแม่ก็คือแม่ศจีกับแม่อุ่นเรือน..” ศรัญภัทรากล่าวถึงบิดามารดาของ พี่หนูนา หรืออานนท์ สาวประเภทสองคนสวยผู้จัดการส่วนตัวของตน ผู้ซึ่งอุปการะพวกเธอมาตั้งแต่ระหกระเหินออกจากบ้านหลังงามของตนพร้อมกับอัฐิของมารดา แม้แต่วันที่มารดาจมน้ำเพราะช่วยเธอจากการตกเรือที่นั่งมาเพื่อพาพวกเธอออกจากบ้านไปหาที่อยู่ใหม่ บิดาของเธอก็ยืนมองดูมารดาค่อยๆ จมน้ำไปต่อหน้าต่อตาอย่างเย็นชาพร้อมกับสายตาสะใจของผู้หญิงใจร้ายคนนั้น

ศรัญภัทรายังจำวันนั้นได้ดีเธอสองคนกอดกันร้องไห้ปานจะขาดใจอยู่บนเรืออย่างเสียขวัญเสียใจ หลังจากที่หน่วยกู้ภัยมากู้ร่างไร้วิญญาณของมารดาขึ้นมา เพื่อนบ้านต่างก็ช่วยกันจัดงานศพให้มารดา ตามมีตามเกิดทั้งๆ ที่ฐานะทางบ้านของพวกเธอใช่จะยากจนกลับเป็นผู้มีอันจะกินด้วยซ้ำ แต่เพราะผู้หญิงคนใหม่ของพ่อนั้นได้ห้ามไม่ให้บิดามาร่วมงานศพและครอบครองทรัพย์สมบัติของมารดาเธอทุกอย่าง หลังจากนั้นพวกเธอก็ไม่เคยกลับเข้าไปในบ้านหลังนั้นอีกเลย และไม่คิดจะสนใจด้วยว่าพวกเขาเหล่านั้นจะอยู่กันอย่างไร พวกเธอทั้งสองเดินทางไปหาญาติคนสุดท้ายของมารดาที่ต่างจังหวัดแต่ในระหว่างทางพวกเธอเจอกับอานนท์เสียก่อน จึงเป็นเหตุที่ทำให้ชีวิตของเด็กหญิงวัยสิบขวบผูกพันกับครอบของอานนท์เสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน...

“ตัวอยากกลับไปเป็นลูกเขาหรือไง” ศรัญภัทราสูดหายใจลึกๆ แล้วถามเสียงขื่น

“เปล่า แค่จะบอกว่าท่าทางเขาดูไม่สบายมาก สภาพร่างกายผอมโซ แต่งกายเอ่อ ซอมซ่อเหมือนไม่มีใครดูแลและไม่มีเงิน แพรเห็นเขาทำงานเป็นคนรับจ้างเข็นของในตลาดสด”

“ช่างเขาสิ ไม่เกี่ยวกับพราว ตัวอยากจะช่วยเหลือเขามันก็เรื่องของตัว แต่สำหรับพราว ความสัมพันธ์ทั้งหมดที่มีมันจบไปตั้งแต่วันที่แม่จมน้ำไปต่อหน้าต่อตาพวกเราแล้ว..” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ซ่อนไม่มิด...

“เอาล่ะ หากตัวไม่มีอะไรแล้วพราวไปก่อนนะ ทานข้าวแล้วอย่าลืมทานยาล่ะ” นางแบบสาวยิ้มร่าแล้วเดินออกไปยังรถยนต์ซึ่งจอดอยู่หน้าบ้านหลังเล็กกะทัดรัดแต่ไม่วายหันมาตะโกนย้ำให้พี่สาวกินข้าวแล้วกินยาอีกครั้งก่อนจะขับรถออกไปด้วยน้ำเสียงที่ชนกวนันท์ฟังก็รู้ว่าศรัญภัทราฝืนพูดออกมาให้ดูสดใสร่าเริงเหมือนเคย

“พราว...” ชนกวนันท์มองตามน้องสาวไปด้วยใจที่หนักอึ้งเล็กน้อย เมื่อนึกถึงสภาพของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อซึ่งเจอที่ตลาดเมื่อวันก่อน สภาพบิดาไม่ได้เป็นหนุ่มรูปงามภูมิฐานอย่างที่จำได้ แต่ร่างสูงสง่าของบิดานั้นผอมโซดวงตาลึกโปนผิวกร้านดำ ชนกวนันท์แน่ใจว่าท่านเห็นเธอแต่ก็เลี่ยงไปเสียเมื่อเธอเดินตามไป ร่างผอมๆ ของบิดาก็รีบเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว...

หญิงสาวถอนหายใจกับทิฐิในใจของศรัญภัทรา สำหรับเธอนั้นไม่ได้มีความรู้สึกคับแค้นอะไรมากมายเหมือนน้องสาวมี แม้จะเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึงอดีตก็ตาม เพราะตอนนี้เธอมีพร้อมทุกอย่างโดยไม่ต้องมีสมบัติมากมายของมารดาติดตัวมาสักชิ้น แต่ด้วยความขยันและได้รับการอุปการะเลี้ยงดูจากมารดาของพี่หนูนา ทำให้พวกเธอสามารถมีกิจการเล็กๆ ของตัวเอง และศรัญภัทราก็มีรายได้จากการถ่ายแบบ พวกเธอจึงซื้อบ้านหลังนี้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเองแต่ศรัญภัทราก็ไม่ได้มาที่บ้านนี้บ่อยนักเพราะต้องเดินทางไปถ่ายแบบ ถ่ายละครบ่อยๆ จึงสะดวกที่อาศัยอยู่กับพี่หนูนาที่คอนโดซึ่งอยู่ใจกลางเมืองมากกว่า และเพื่อความสบายใจของชนกวนันท์ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าพวกเธอเป็นฝากแฝดกันด้วย

ชนกวนันท์วางมือจากช้อนที่ตักข้าวใส่ปากเมื่อครู่หันมาสนใจงานของตนต่อโดยไม่ได้สนใจคำสั่งของน้องสาวนัก อาหารที่พร่องไปแค่ครึ่งจานและยาลดไข้ก็ยังคงไร้การเหลียวแลจากหญิงสาวที่กำลังคร่ำเคร่งกับการติดสติ๊กเกอร์แสดงความเป็นเจ้าของ ของขนมทุกอย่างที่เธอทำ แพรพราวเบเกอรี่

“นายไปเจรจายังไงวะ เขาถึงไม่รับข้อเสนอของฉันไอ้ศร..” เสียงห้าวนั้นดังลั่นแสดงถึงอารมณ์ที่เดือดประทุ ใบหน้าหล่อเหลาของ เบนจามิน สุรกานต์ บราวส์ บึ้งจัด ดวงตาสีเขียวมรกตนั้นวาววับราวจะลุกไหม้ริมฝีปากหยักได้รูปนั้นเม้มแน่นอย่างระงับอารมณ์ที่ร้อนระอุเมื่อความต้องการของเขาไม่ได้รับการตอบสนอง ทุกสิ่งที่เขาต้องการมักต้องได้เสมอแต่ครั้งนี้มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด...

ชายหนุ่มวัยสามสิบสามปีเชื้อสายไทย อังกฤษ ผู้ร่ำรวย หล่อเหล่าเจ้าของกิจการบริษัทผลิตอาหารเพื่อสุขภาพยักษ์ใหญ่ และเจ้าของอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ อีกมากมายรวมถึงกรรมสิทธิ์ในเกาะที่ให้ผลผลิตรังนกแท้คุณภาพเยี่ยมส่งออกไปทั่วโลก เกาะที่มูลค่ามหาศาลทั้งงดงามด้วยทรัพยากรธรรมชาติทั้งชายหาดและน้ำตกสวย เกาะดาหวัน... ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเขาดูเพียบพร้อม หากแต่ความจริงนั้นไม่ใช่ทั้งหมด...

“ผมก็เจรจากับเธอตามที่คุณเบนบอกนั่นล่ะครับ แต่เธอไม่ตกลง และยังบอกอีกว่าข้อเสนอตลกมาก เหมือนเด็กเล่นขายของ เธอไม่ตกลงทำงานแบบนั้นแน่นอน” แสงศร ลูกน้องคนสนิทผู้ซื่อสัตย์บอกนายหนุ่มเสียงอ่อย

“หึ! มันจะมากไปแล้วศรัญภัทรา เธอบังอาจมากที่ว่าข้อเสนอของฉันเหมือนเด็กเล่นขายของ”

“เอ่อ คุณเบนครับ คือผม...”

“อะไร!” เบนจามินหันมาตะคอกเสียงดังจนแสงศรสะดุ้ง และเด็กหญิงที่กำลังจะวิ่งมาหาชายหนุ่มถึงกับร้องไห้จ้าเพราะตกใจ ทำให้คนที่กำลังโกรธหน้าดำหน้าแดงนั้นรีบเข้ามากอดร่างผอมบางของน้องแองจี้ แองเจลิก้า บราวส์ หลานสาววัยหกขวบแล้วปลอบโยน

“โอ๋ๆ อย่างร้องนะคะคนดีของลุงเบน โอ๋ๆ” เสียงนุ่มทุ้มอ่อนโยนผิดกับเสียงที่แผดลั่นเมื่อครู่นั้นนัก

“คุณลุงเบนโกรธน้องแองจี้เหรอค้า คุณลุงไม่รักน้องแองจี้เหรอค้าถึงได้เสียงดัง”

“รักสิคะเด็กดี คุณลุงสัญญาว่าต่อไปนี้จะไม่เสียงดัง” เบนจามินชูนิ้วก้อยให้หลานสาวใบหน้าหล่อเหลาอ่อนโยน แต่เด็กหญิงยังไม่ยอมเกี่ยวก้อยด้วย

“น้องแองจี้ไม่เชื่อหรอก”

“เชื่อสิจ๊ะคนดีคุณลุงเบนจะทำตามสัญญา ไม่ผิดสัญญาเลย” ชายหนุ่มกล่าวอ่อนโยน มือหนาลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยหมวกไหมพรมนุ่มด้วยความรักสุดแสน

“ก็ได้ค่ะ แต่คุณลุงเบนต้องทำตามสัญญาอีกข้อให้น้องแองจี้ด้วยนะคะ” เด็กหญิงยิ้มตาวาว แก้มซีดเซียวนั้นดูมีสีสันขึ้น ดวงตากลมโตสีเดียวกับผู้เป็นลุงกระจ่างจ้า ริมฝีปากแห้งผากนั้นแย้มยิ้มอวดไรฟันที่หลุดหลอไปหลายซี่ แต่โดยรวมแล้วเด็กน้อยนามว่าน้องแองจี้นั้นดูสดใสและแข็งแรงแต่ใครจะรู้บ้างว่าเด็กตัวเล็กๆ คนนี้กำลังถูกโรคร้ายรุมเร้า และเด็กหญิงก็อาจจะเหลือเวลาบนโลกนี้ไม่มากนัก

“อะไรจ๊ะ”

“พี่เลี้ยงคนสวยของน้องแองจี้ ตามสัญญาไงค้า” หนูน้อยหยิบโทรศัพท์เครื่องบางหากหน้าจอใหญ่ให้ภาพคมชัดเจนรุ่นทันสมัยขึ้นมาแล้วเปิดหน้าจอซึ่งมีรูปดาราสาวเป็นรูปหน้าจอหลักออกมาให้คุณลุงเบนดูด้วยรอยยิ้มพราย

“เอ่อ... คือ” เบนจามินอึกอักจนเด็กหญิงเริ่มหน้าเสีย

“โอเคจ้ะ คุณลุงเบนให้แสงศรไปขอร้องให้เธอมาเป็นพี่เลี้ยงให้แองจี้แล้ว ใช่มั้ยแสงศร”

“เอ่อ ครับๆ คุณหนูแองจี้” แสงศรซึ่งยืนอยู่ห่างๆ รับคำแทบไม่ทันเมื่อนายหนุ่มเล่นโยนหน้าที่ตอบคำถามเจ้านายน้อยตัวเล็ก

“จริงนะคะคุณลุงศรสุดหล่อ”

“จริงครับคุณหนูแองจี้คนสวย..” เมื่อถูกยอแบบนี้แสงศรก็ต้องรีบรับคำด้วยความยินดี

“เย้ๆ ดีใจจังเลย น้องแองจี้จะมีพี่พี่พราวเป็นพี่เลี้ยงไปเกาะดาหวัน” หนูน้อยวิ่งวนรอบคุณลุงเบนและคุณลุงศรด้วยความยินดี จึงไม่ได้เห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนใจของคุณลุงทั้งสอง…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel