ตอนที่ 3 อดีตที่เลือนลาง (1/2)
อธิชนม์นัดพบกับพีรดาบ่อยครั้งจนเขามั่นใจว่าเขารักเธอและเธอเองก็รักเขา ถึงทั้งคู่จะไม่ได้พูดมันออกมา แต่ต่างฝ่ายต่างก็แสดงให้เห็นว่าหลายวันมานี้มีความสุขมากเพียงใดที่ได้ใช้เวลาทานอาหารเย็นด้วยกันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ
มาลินีมาขอพบอธิชนม์ แต่ก็ไม่เคยเจอเขา ปกติเธอจะสุ่มมาเจอเขาเฉพาะวันที่เธอไม่มีคลาสสอน มาลินีเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ ภาคอินเตอร์ ปกติเธอเลิกสี่โมงเย็น บางวันเธอก็เลิกบ่ายสองเพื่อออกมาหาอธิชนม์ ก่อนจะกลับไปลงเวลาเลิกงานอีกทีตอนสี่โมงเย็น
วันนี้มาลินีหยุดงานเพราะทางมหาวิทยาลัยทำการแข่งขันงานกีฬาประจำปี เธอจึงแว๊บออกมาจากงานกีฬา เพื่อมาหาอธิชนม์
นงนุชเลขานุการหน้าห้องห้ามมาลินีไว้ไม่ทัน เธอมาถึงก็ถามว่าอธิชนม์มีแขกหรือเปล่า พอนงนุชบอกว่าไม่มี มาลินีก็เดินเข้าไปในห้องเขาทันที
“พี่อาร์ท ช่วงนี้เราไม่ได้เจอกันเลยนะคะ งานยุ่งอะไรขนาดนั้น” มาลินีพูดขึ้น แล้วถือวิสาสะไปดึงนิตยสารทางธุรกิจออกจากมือเขา แล้วเอากล่องอาหารออกมาวางตรงหน้า
“มาทำแซนวิชเอง พี่อาร์ทชิมหน่อยสิคะ” มาลินีบอก พลางยื่นกล่องอาหารไปตรงหน้าเขา
“พี่ไม่กินขนมปังขัดสี” อธิชนม์บอก จริงๆเขาทานได้ แต่ไม่อยากทานให้ความหวังเธอ
“งั้นเย็นนี้เราไปทานข้าวกันนะคะ”
“พี่ไม่ว่าง พี่มีนัดแล้ว” อธิชนม์บอก
มาลินีไม่ได้ถอดใจ เพียงแต่ว่าตอนนี้ใกล้ถึงเวลากิจกรรมที่เธอมีส่วนร่วมแล้ว เลยต้องขอตัวกลับออกไปก่อน
“เอาไว้มาจะมาหาพี่อาร์ทใหม่นะคะ” มาลินีบอกลาอธิชนม์ ที่เขาไม่มีท่าทีสนใจเธอเลย
แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ เพราะเธอรักเขา รักโดยไม่รู้ว่าทำไมต้องรักเขามากขนาดนี้ ทั้งที่เธอเองก็มีอาจารย์หนุ่มๆมาตามจีบไม่น้อย บางครั้งก็รู้สึกเสียศักดิ์ศรีเหมือนกันที่ต้องมาตามตื้อคนที่ไม่ได้รัก เธอรู้ดี แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงตัดใจไม่ได้ และอยากครอบครองเขาจนใจจะขาด
***************************
อธิชนม์นัดทานอาหารค่ำกับพีรดาทุกวัน ยกเว้นวันเสาร์ที่เธอต้องกลับบ้านไปทานข้าวกับครอบครัว และอยู่ต่อจนถึงวันอาทิตย์
เขายังไม่ได้บอกเธอว่าเขาเป็นเจ้าของบริษัทที่เธอกำลังทำงานให้ และกำลังหาโอกาสบอกเธออยู่ ไม่อยากให้เธอรู้ทีหลังแล้วจะพาลโกรธเขาเอาได้
วันเสาร์ที่กำลังจะมาถึงนี้ อธิชนม์ขอร้องเธอว่าอย่าเพิ่งกลับบ้านในวันนี้ เขามีธุระอยากคุยด้วย
“แพม เสาร์นี้อย่ากลับบ้านได้มั๊ย ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”
“โห สำคัญถึงขนาดไม่ให้แพมกลับบ้านเลยเหรอคะ” พีรดาหัวเราะผ่านสาย
“ก็สำคัญอยู่ และผมอยากโชว์ฝีมือทำอาหารให้คุณทานด้วย ขอใช้พื้นที่คอนโดคุณได้รึเปล่า” อธิชนม์ถาม พีรดาเขินเมื่อรู้ว่าเขาอยากมาหาเธอที่คอนโด แก้มแดงเรื่อ ในใจอดคิดไม่ได้ว่าเขาจะทำอะไรเธอหรือเปล่า
ซึ่งจริงๆ อธิชนม์นั้นก็คิด ตามประสาผู้ชายที่อยากสัมผัสคนที่ตัวเองรัก แต่มันเร็วเกินไปที่จะขอเธอตรงๆ เขากลัวเธอจะรับไม่ได้ และกลัวเธอจะไม่ยอมพบเขาอีก
“ได้ค่ะ” พีรดาตอบตกลง แล้ววางสายไป ยิ้มแก้มแทบปริ
“ช่วงนี้ยิ้มบ่อยนะ” กนกนาถถามขึ้นมา เมื่อเห็นเธอวางสายจากคู่สนทนาแล้ว
“ก็นิดนึง” พีรดาตอบ
“ใครน๊ามาละลายน้ำแข็งในหัวใจของแพม” กนกนาถแซว
“เดี๋ยวฉันพร้อมจะบอกแกคนแรกเลย” พีรดาบอกแล้วทำงานต่อยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างอารมณ์ดี
ทำงานหกวันต่อสัปดาห์ แต่ก็มีเวลามาเจอกันแทบทุกวัน อย่างสม่ำเสมอตลอดสองสัปดาห์มานี้มันทำให้เธอรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ถ้าเขาขอเรื่องแบบนั้น พีรดาก็พร้อมที่จะให้
‘คิดแล้วเขินเป็นบ้า’ พีรดาคิดไปไกลเกินกว่าจะควบคุมจิตใจตัวเองได้ ทั้งที่อธิชนม์ก็ยังไม่แสดงท่าทีว่าอยากจะล่วงเกินเธอเลย
***************************
เย็นวันเสาร์ พีรดาเก็บข้าวของเพื่อเตรียมตัวกลับ เธอทำความสะอาดห้องและจัดห้องให้เป็นระเบียบขึ้นอีกนิด รอการมาของอธิชนม์ไว้ตั้งแต่วันที่เขาโทรบอก
เมื่อเธอมาถึงคอนโด ก็พบว่าอธิชนม์มาถึงพอดี เขาหิ้วถุงอาหารสดมาพะรุงพะรัง พีรดาเลยรีบไปช่วยเขาถือ แล้วพาขึ้นลิฟต์ไป
“จะทำอะไรให้แพมทานคะ เยอะแยะเชียว” พีรดาถาม ส่งยิ้มให้เขา
“ผมทำอาหารไม่เป็นหรอก แต่ก็พอทำสุกี้ได้ วันนี้พี่เลยจะมาหั่นหมูและหั่นผัก ต้มสุกี้ให้แพมกิน” อธิชนม์บอกแล้วยิ้มเขินๆให้เธอ
“โห แค่นี้ แพมทำเองก็ได้ค่ะ” พีรดาบอกแล้วหัวเราะท่าทางของเขาอย่างพอใจ
ทั้งสองออกจากลิฟต์แล้วพีรดาก็เปิดประตูห้องของเธอให้เขาเข้าไปอธิชนม์วางของไว้ที่โต๊ะแล้วเดินสำรวจไปทั่วห้อง ห้องเธอเป็นห้องยาว ไม่ได้กั้นห้องนอนไว้ แต่มีราวกั้นบังเตียงเอาไว้จากสายตาแขก เดินเลยราวกั้นไปก็จะเป็นระเบียง มีราวตากผ้าเล็กๆ และกระถางดอกโป๊ยเซียนอยู่ตรงนั้น
“กุลทำไมชอบปลูกดอกโป๊ยเซียนจัง” วุฒิไกรถามผู้หญิงร่างบางใบหน้าอ่อนหวานอย่างรักใคร่
“กุลเคยอ่านเจอมาว่า ถ้าต้นโป๊ยเซียนออกดอกครบแปดดอก มันจะนำความโชคดีมาให้ กุลเลยอยากปลูกไว้ที่บ้าน กุลกับวุฒิจะได้มีแต่โชคดี วุฒิชอบมั๊ยคะ” กุลธิดายิ้มถามเสียงหวาน
“ชอบสิครับ กุลชอบอะไร ผมก็ชอบตาม” วุฒิไกรบอกด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ส่งยิ้มให้เธอและช่วยเธอยกกระถางต้นโป๊ยเซียนไปวางไว้ที่ทางเดินเข้าบ้านข้างโรงจอดรถ แล้วส่งยิ้มให้กัน บ่งบอกว่ารักกันมากเพียงใด