บทที่ 6
เมื่อกลับมาถึงบ้าน จอมขวัญก็เอาชุดทำงานรวมถึงรองเท้าคู่ใหม่ออกมาวางลงบนเตียง ยืนมองมันด้วยความตื่นเต้นและภูมิใจ
“พ่อคะ พรุ่งนี้ขวัญจะไปทำงานแล้วนะ” จอมขวัญเอ่ยบอกผู้เป็นพ่อ ก่อนที่เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอจะดังขึ้น
“ตอนนี้อยู่ไหนนะขวัญ” นวัตรเอ่ยถามทันทีที่ จอมขวัญกดรับสายเขา ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมก่อนจะสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่คนละคณะ ซึ่งจอมขวัญมีเพื่อนน้อยมากหนึ่งในนั้นคือนวัตรที่ได้ชื่อว่าสนิทที่สุด
ส่วนเพื่อนผู้หญิงแทบไม่ค่อยมี อาจเพราะทุกครั้งที่ถูกชวนไปไหนด้วยกัน เช่นไปกินข้าวไปช้อปปิ้งไปเที่ยวเธอมักจะปฏิเสธเสมอ หลังๆ พวกเธอเหล่านั้นจึงเลือกที่จะไม่ชวนและค่อยๆ ห่างกันไป
“กรุงเทพฯ”
“ไปทำอะไรที่นั่น”
“ทำงาน พอดีมีเหตุให้ต้องออกจากที่เก่ากะทันหันนะ”
“ไปกับลุงโรจน์หรือเปล่า” น้ำเสียงของนวัตรแฝงความเป็นห่วง เพราะรู้ว่าตอนนี้สุขภาพของพ่อจอมขวัญนั้นไม่ค่อยสู้ดีนัก
“ใช่ เรามากับพ่อ” หากนวัตรสังเกตน้ำเสียงของจอมขวัญสักนิดจะรู้ว่ามันสั่นเครือเมื่อเธอเอ่ยถึงพ่อที่จากไป
“ลุงโรจน์สบายดีใช่ไหม”
“พ่อเราเสียไปแล้วนะ” จอมขวัญบอกความจริงไปนั่นทำให้นวัตรตกใจไม่น้อย
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“สองอาทิตย์ก่อน”
“เสียใจด้วยแล้วก็ขอโทษทีนะที่ไม่ได้ไปงานศพ” นวัตรรู้สึกผิดจริงๆ ถ้าเขาโทรหาจอมขวัญก่อนหน้านี้ก็คงดี
“ไม่เป็นไรเพราะเราก็ไม่ได้บอกนายเหมือนกัน”
“จริงสิเมื่อกี้เราแวะไปบ้านเธอมา เห็นขึ้นป้ายว่าห้ามบุกรุก หมายความว่าไง”
“พ่อเราได้ขายบ้านหลังนั้นไปแล้วน่ะ”
“เราไปเยี่ยมญาติที่เชียงรายแค่ไม่กี่วันพอกลับมาก็เกิดเรื่องใหญ่กับเธอมากมายขนาดนี้แล้วเหรอ” เสียงถอนหายใจดังมาจากนวัตร นอกจากกลับไปเยี่ยมญาติแล้วเขายังไปขายขนมจีบผู้หญิงมาด้วย เพราะมัวแต่ยุ่งกับอะไรไม่รู้ถึงไม่มีเวลาโทรหาจอมขวัญ น่าตบกะโหลกตัวเองจริงๆ
“มันฉุกละหุกไปหมดทุกอย่างจนเราเองก็เกือบตั้งหลักไม่ได้เหมือนกัน”
“แล้วนี่ได้งานที่กรุงเทพฯ แล้วหรือยัง”
“ได้แล้ว ขอบใจนะที่เป็นห่วง” จอมขวัญเอ่ยบอกอย่างน้อยนวัตรก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีของเธอ แม้ที่ผ่านมาหลายคนจะเอาความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับนวัตรไปนินทาว่าเป็นคนรักกันไม่ใช่เพื่อน หนักเข้าก็ถึงขั้นมีอะไรกันแล้วก็ตาม แต่ความจริงยังไงก็ยังเป็นความจริงวันยังค่ำ
“คงไม่กลับมาอยู่ที่นี่อีกแล้วใช่ไหม”
“อือ น่าจะแบบนั้น”
“เห้อ…เสียใจจังที่ไม่ได้อยู่ลา แต่ไม่เป็นไรไว้เราค่อยไปหาเธอที่กรุงเทพฯ ก็ได้” แม้จะเสียใจแต่กรุงเทพฯ ไม่ได้ไกลเกินจะเดินทางไปมาหาสู่ ไว้เขาว่างจากงานค่อยไปหาจอมขวัญ
จอมขวัญคุยกับนวัตรพักใหญ่ก่อนที่จะวางสายจากกันซึ่งเป็นจังหวะที่เขตต์กลับมาถึงบ้านพอดีเช่นกัน เธอรอกระทั่งชายหนุ่มนั่งพักหายเหนื่อยแล้วจึงเดินออกไปหา
“ยังไม่นอนอีกเหรอ”
“ค่ะ” จอมขวัญอยากถามว่าเขางานยุ่งหรือถึงได้กลับดึกแต่ก็เกรงว่าคำถามของเธอจะกลายเป็นละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่าย
“อืม…พรุ่งนี้เธอต้องไปทำงานแล้วใช่ไหม” เสียงทุ้มที่แฝงความเหนื่อยอ่อนเอ่ยถาม
“ค่ะ”
“ไปยังไง”
“เดินไปหน้าหมู่บ้านแล้วรอวินมอเตอร์ไซค์หรือไม่ก็แท็กซี่ค่ะ” แค่ได้ยินขั้นตอนการเดินทางไปทำงานของเธอเขตต์ก็ชักหงุดหงิด วันนี้คงถามป้าสายใจมาแล้วสิน่ะว่าจะไปทำงานแบบไหนยังไงดี
“ขับรถยนต์เป็นหรือเปล่า”
“ไม่เป็นค่ะ ขับได้แค่มอเตอร์ไซค์” พูดถึงมอเตอร์ไซค์จอมขวัญก็อดที่จะคิดถึงรถคู่ใจซึ่งตอนนี้ยังอยู่ที่ต่างจังหวัด แม้มันจะเก่าแต่ก็ไม่เคยงอแง
“งั้นวันหยุดฉันจะสอนขับรถให้วันทำงานเธอจะได้เอารถไปใช้”
“จะให้หนูเอารถคุณไปใช้เหรอคะ” จอมขวัญเอ่ยถามหน้าตาตื่น
“ใช่” เขตต์เอ่ยรับในขณะที่สีหน้ารวมไปถึงแววตาของจอมขวัญกลับเต็มไปด้วยความลังเล
“แต่หนูว่ามันไม่เหมาะหรือเกิดถ้าหนูขับรถคุณไปชนขึ้นมา ทำไง”
“รถฉันมีประกัน เธอจะขับชนกี่ครั้งก็คงไม่เป็นไร แต่ไม่ขับชนเลยจะดีมากกว่า อีกอย่างหมู่บ้านฉันอยู่
ค่อนข้างไกลจากถนนใหญ่ ไม่มีรถเมล์ผ่าน นานๆ วินมอเตอร์ไซค์หรือแท็กซี่จะผ่านมาสักคัน เธอจึงต้องมีรถไว้ใช้”
“แต่หนู…”
“ถ้าเกรงใจก็จ่ายค่าเช่ารถมาให้ฉันก็ได้” เขตต์เสนอทางออกให้นั่นเพราะเดาใจจอมขวัญออกว่าเพราะอะไรเธอถึงปฏิเสธ
“เท่าไหร่คะ”
“อืม…เดือนล่ะสามสี่พันก็พอ”
“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณคุณมากนะคะที่เมตตาหนู” จอมขวัญยกมือไหว้ขอบคุณเขตต์ อย่างน้อยก็สบายใจที่จะเอารถของเขาไปใช้
“ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้จะได้ออกบ้านพร้อมกัน”
“คุณไปส่งหนูตรงป้ายรถเมล์ก็พอค่ะ เดี๋ยวหนูไปต่อเอง”
“อืม” เขตต์เอ่ยรับส่วนจอมขวัญก็กลับไปยังห้องนอน ซึ่งเธอเลือกนอนในห้องรับรองแขกที่อยู่ชั้นล่างแทนที่จะเป็นห้องข้างบน เวลาว่างเมื่อไหร่ก็เห็นขลุกอยู่แต่กับแม่บ้านช่วยกันทำนั่นทำนี่ไม่ได้หยุดมือ แต่บางครั้งเขาก็เห็นเธอนั่งซึมซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าคงคิดถึงโรจน์
วันรุ่งขึ้น จอมขวัญที่อยู่ในลุคทำงานดูแปลกตาไม่น้อย ใบหน้าอ่อนเยาว์เหมือนยังเรียนอยู่แค่ชั้นมัธยมปลายแต่วันนี้กำลังจะออกไปทำงาน เขตต์เผลอมองเธอเล็กน้อยก่อนจะจิบกาแฟต่อเพื่อรอเวลาออกจากบ้าน ในขณะที่จอมขวัญดื่มนมไปหนึ่งแก้วตามด้วยขนมปัง
เขตต์ไปส่งเธอที่ป้ายรถเมล์ตามที่อีกฝ่ายบอกเพราะถ้าเซ้าซี้จะไปส่งที่หน้าบริษัทก็คงถูกปฏิเสธอยู่ดี อีกอย่างจอมขวัญต้องอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง วันนั้นเขตต์มีประชุมแทบทั้งวันในขณะที่จอมขวัญเองก็เรียนรู้งานใหม่แทบทั้งวันเหมือนกัน การจราจรที่ติดขัดเป็นชั่วโมงๆ ติดขนาดที่ว่าเดินยังเร็วส่งผลให้จอมขวัญหมดเรี่ยวหมดแรงทันทีที่กลับถึงบ้านจึงเผลอหลับตรงโซฟาในห้องรับแขก
“ขวัญ หนูขวัญ”
“คุณเขตต์” จอมขวัญสะดุ้งตื่น
“มาหลับอะไรตรงนี้”
“หนูหลับเหรอคะ” คนพึ่งตื่นงัวเงียถามนั่นเพราะไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่
“ใช่ หลับสนิทอีกด้วย ที่นั่นเขาใช้งานเธอหนักตั้งแต่วันแรกที่ไปทำงานเลยหรือไง หืม” เขตต์เอ่ยถามติดตลก
“งานไม่หนักเท่าไหร่ค่ะ แต่ตอนกลับบ้านรถติดมากหนูยืนบนรถเมล์จนเมื่อยขาไปหมด”
“นี่แหละชีวิตคนทำงานในกรุงเทพฯ รู้ไหมว่าตอนทำงานใหม่ๆ ฉันเองก็ยังไม่มีรถเป็นของตัวเอง จำได้ว่าต้องนั่งรถเมล์แล้วต่อด้วยรถไฟฟ้าไปทำงานเหมือนกัน”
“หนูนึกว่าคุณไม่เคยขึ้นรถเมล์เสียอีก”
“เคยสิ ยิ่งตอนเรียนขึ้นแทบทุกวัน”
“แล้วคุณมีรถคันแรกตอนไหนหรือคะ”
“น่าจะหลังผ่านทดลองงานมั้ง พ่อฉันซื้อให้จนถึงตอนนี้รถคันนั้นก็ยังจอดอยู่ในโรงจอดรถอยู่ พรุ่งนี้จะพาไปดู”
“ค่ะ”
