รัก…บานปลาย

49.0K · จบแล้ว
วรนิษฐา
30
บท
2.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ความรัก…หรือสิ่งที่ไม่มีเหตุผลรองรับนอกจากความรู้สึก เมื่อรักซึมลึกจนยากจะถอนใจ อาจก่อให้เกิดรักที่อ่อนหวาน ลึกซึ้ง ลุ่มหลงหรือเร่าร้อน ++++++++++++++++++++ “บอกเหตุผลมาว่าทำไมถึงอยากย้ายออกไปอยู่ที่อื่น” “หนูบอกไปแล้วว่าเกรงใจคุณ” “เหตุผลมีแค่นั้นเหรอ” “รวมถึงหนูไม่อยากให้คุณถูกเอาไปนินทาเหมือนที่คุณแม่คุณบอก อีกอย่างคุณก็กำลังจะแต่งงาน” ประโยคหลังจอมขวัญพูดไม่เต็มเสียงนักเพราะจงใจยกมาเป็นข้ออ้างเท่านั้นเอง แต่กลับรู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งใจ หากถึงวันที่เขตต์แต่งงานจริงๆ เธอจะเป็นยังไงก็ยากจะเดาออก “ใครบอกเธอว่าฉันกำลังจะแต่งงาน” “คุณฤดี” เพราะพลั้งปากอ้างเรื่องแต่งงานที่ฤดีเคยพูดอย่างลืมตัว จอมขวัญจึงต้องตามน้ำไปก่อน “ก็เคยบอกแล้วนี่ว่าฉันยังไม่รีบอีกอย่างฤดีเป็นคนบอกไม่ใช่ฉันเสียหน่อย เชื่อทำไม” “ต่อให้ไม่ใช่คุณฤดีแต่ไม่ช้าก็เร็วคุณก็ต้องแต่งงานอยู่ดี ถ้าว่าที่ภรรยาคุณเขตต์รู้ว่าหนูอยู่ที่นี่ เธอคงไม่สบายใจ” “เธอแคร์คนอื่นแถมยังเป็นคนในอนาคตที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีตัวตนจริงๆ ไหมเนี่ยนะ” เขตต์หัวเราะออกมาเบาๆ ที่จอมขวัญคิดการณ์ไกลไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ “กะ…ก็” คำถามของเขตต์ทำเอาจอมขวัญอึกอักขึ้นมาทันที “เธอควรแคร์ฉัน”

นิยายรักประธานผู้ชายอบอุ่นโตมาด้วยนัดบอดดราม่า

บทที่ 1

ตอนนี้อาการคนไข้ไม่สู้ดีเท่าไหร่ อยากทำอะไรก็รีบทำนะครับ ก่อนที่จะสายเกินไป

นั่นคือประโยคที่จอมขวัญได้ยินจากหมอที่รักษาพ่อของเธอและจนถึงตอนนี้เธอก็ยังสลัดประโยคเหล่านั้นออกไปจากหัวไม่ได้

หญิงสาวตัวเล็กๆ ที่พึ่งเรียนจบปริญญาตรีและพึ่งทำงานได้ไม่ถึงเดือนนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่หน้าห้องพักรวมชายในโรงพยาบาลอย่างไม่อายใครทั้งนั้น เธอพึ่งทำให้พ่อดีใจไปหยกๆ กับเรื่องเรียนและเรื่องงานที่สามารถทำให้ฝันของพ่อเป็นจริงได้

แต่เธอกลับเหมือนอยู่กับภาพลววตา เพราะที่ผ่านมาเธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าพ่อป่วยหนักและไม่ยอมหาหมอมาตลอด ซึ่งถ้าให้เดาพ่อคงเอาเงินที่ควรไปหาหมอส่งให้เธอแน่ ยิ่งคิดน้ำตาของจอมขวัญก็ยิ่งไหลอาบแก้ม รู้สึกโกรธโชคชะตาที่กำลังจะพรากผู้มีพระคุณเพียงคนเดียวไปแบบนี้ ทั้งๆ ที่พ่อกำลังจะสบายเพราะหลังจากนี้เธอจะทำงานและเลี้ยงดูท่านแล้วแท้ๆ กระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นจึงกดรับสาย

“ฮัลโหลค่ะ”

“ไม่ทราบว่าเด็กใหม่แบบเธอลาไปไหนอีกวันนี้” จอมขวัญจำน้ำเสียงนี้ได้ว่าเป็นใคร ซึ่งก็คือหัวหน้างานของเธอนั่นเอง เหตุผลที่โทรมาหาอาจเพราะวันนี้เธอขอลางานด่วน

“ขวัญพาพ่อมาโรงพยาบาลค่ะ”

“โรงพยาบาลอีกแล้ว ถามจริงๆ ถ้าไม่มีเธอพ่อเธอไปโรงพยาบาลเองไม่ได้หรือไง” ประโยคแรกจากหัวหน้างานว่าเจ็บแล้วเจอประโยคนี้เข้าไปจอมขวัญถึงกับหน้าบึ้งตึงทันที

อารมณ์ของเธอกำลังดิ่งเพราะอาการป่วยของพ่อนั้นร้ายแรงจนท่านสามารถจากไปได้ทุกเมื่อ แต่แล้วกลับได้ยินประโยคทำร้ายจิตใจแบบนี้อีก โชคชะตาจะซ้ำเติมเธอไปถึงไหน

“พ่อขวัญมาเองได้ค่ะ แต่ในฐานะที่ขวัญเป็นลูกก็ควรพาท่านมา ขวัญทำไม่ถูกหรือคะ” น้ำเสียงของจอมขวัญนั้นห้วนขึ้นจนหัวหน้างานเริ่มไม่พอใจเช่นกันก่อนจะเอ่ยประชดกลับมา

“กตัญญูไม่เลือกเวล่ำเวลา ระวังจะตกงานเอา”

“พี่โทรหาขวัญเพื่อจะถามเรื่องแค่นี้ใช่ไหมคะ”

“ใช่ พักนี้เธอลาบ่อยพี่ก็ต้องทำหน้าที่รักษาสิทธิ์ให้บริษัท โทรมาถามว่าเธอพาพ่อไปโรงพยาบาลจริงไหมหรือไปทำอะไรแล้วเอาเรื่องพ่อมาอ้าง” คำพูดของหัวหน้างานทำให้จอมขวัญถึงกับน้ำตาคลอ ใครมันจะเอาเรื่องคนในครอบครัวป่วยมาล้อเล่น

“ขวัญพาพ่อมาโรงพยาบาลจริงๆ ค่ะ”

“ลาบ่อยขนาดนี้อย่าหวังว่าฉันจะให้เธอผ่านโปร”

“ไหนๆ ก็จะไม่ผ่านแล้ว งั้นขวัญขอลาออกตรงนี้เลยแล้วกันนะคะ เพราะขวัญเองก็ไม่อยากทำงานหัวหน้างานที่ใจแคบใจดำแบบนี้เหมือนกัน”

“นี่แกว่าฉันเหรอ” ปลายสายตวาดกลับมา

“ค่ะ ก็ตอนนี้เราคุยกันอยู่ เอ้…หรือว่าพี่คิดว่าขวัญพูดกับวิญญาณที่ไหนเหรอคะ เอาเป็นว่าขวัญขออวยพรให้พ่อแม่พี่น้องของพี่สุขภาพแข็งแรง อย่าได้เจ็บอย่าได้ไข้จนพี่ต้องพาพวกเขาไปหาหมอเลย เวรกรรมสมัยนี้มันเร็วนะคะ ขวัญเป็นกำลังใจให้” พูดเสร็จจอมขวัญก็วางสายไปทันที ประเทศนี้มีอีกตั้งหลายบริษัทต้องมีสักที่สิที่รับเธอเข้าทำงาน

จอมขวัญรีบปาดน้ำตาแล้วเข้าไปเฝ้าพ่อที่อยู่ข้างใน

“หมอให้ผมออกจากโรงพยาบาลเถอะ ผมขอร้อง” โรจน์เอ่ยกับหมอ เพราะนี่เข้าสู่วันที่ห้าแล้วที่เขาต้องมารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ เบื่อไปหมด

“แต่หมอคิดว่าคนไข้ควรอยู่ที่นี่ต่อ”

“อยู่ที่ไหนผมก็คงตายอยู่ดีแหละหมอ ให้ผมกลับบ้านเถอะ”

“หมอรู้ แต่ถ้าคนไข้ยังอยู่ที่นี่ยังไงหมอก็จะช่วย”

“ขอร้องเถอะนะหมอ ผมมีเรื่องสำคัญจะต้องไปทำจริงๆ อีกอย่างตอนนี้ผมไม่มีเงินแล้ว ขืนยังอยู่โรงพยาบาลอีก หมอจ่ายให้ผมไหมละ” โรจน์แกล้งถามแต่ไม่คิดว่าคนฟังจะรับปากทันทีเช่นกัน

“โอเค หมอจ่ายให้”

“ไม่เอา หมออย่าดื้อได้ไหมเนี่ย”

“คนไข้นั่นแหละที่ดื้อ” หมอเจ้าของไข้ถึงกับส่ายหน้าให้คนป่วยที่จู่ๆ ก็หาว่าเขาดื้อที่ไม่ยอมอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล เท่าที่ได้คุยก็ถือว่าสภาพจิตใจของโรจน์ยังดีอยู่มาก

“ให้ผมออกเถอะ ถ้าหมอไม่ฟังผมจะหนีคอยดู” คำขู่ของโรจน์เหมือนจะได้ผล นั่นทำให้หมอเจ้าของไข้ต้องเปลี่ยนแผนเพื่อรับมือใหม่ เพราะถ้าคนไข้หนีแล้วไม่กลับมารักษาตัวอีกคนที่รู้สึกผิดคงหนีไม่พ้นหมอแบบเขาแน่

“โอเคๆ หมอยอมแล้ว เดี๋ยวหมอจะออกใบนัดให้ มาทุกครั้งห้ามขาด ตกลงไหม”

“ครับหมอ” โรจน์รับคำทันที

“คุยอะไรกันกับคุณหมอหรือจ๊ะพ่อ” เสียงของจอมขวัญเอ่ยถามขึ้น เพราะเห็นหมอคุยกับพ่อของเธอนานกว่าปกติ ซึ่งโรจน์ก็ตอบคำถามนั้นของลูกสาวทันที

“หมออนุญาตให้พ่อกลับบ้านได้แล้ว”

“จริงเหรอคะคุณหมอ”

“ครับ แต่หลังจากนี้คงต้องมาตามนัดทุกครั้ง ห้ามขาด” หมอหนุ่มหันมาตอบจอมขวัญ ญาติคนไข้ที่เขาดูจะสนใจเธอเป็นพิเศษ

“ไม่ขาดอยู่แล้วครับหมอ” โรจน์ออกตัวทันทีเช่นกันนั่นเพราะอยากกลับบ้านมากแล้วจริงๆ

“งั้นหมอขอตัวก่อน” เอ่ยจบหมอหนุ่มก็เดินออกไป จอมขวัญจึงนั่งลงยังเก้าอี้ที่อยู่ข้างเตียง

“พ่อไปคุยยังไงหมอถึงยอมให้กลับบ้าน”

“พ่อบอกว่าไม่มีเงินจ่ายแล้วนะ หมอเลยยอม”

“พ่อ หนูบอกแล้วไงว่าไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น” จอมขวัญยื่นมือเล็กๆ ไปกุมมือของพ่อไว้ มือที่คอยดูแลเธอมาตั้งแต่เด็กๆ แค่คิดก็รู้สึกตื้อในอก

“ต้องห่วงสิ ตอนนี้เราไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น อีกอย่างช้าหรือเร็วพ่อก็ต้องตายอยู่ดี เงินนั่นขวัญควรจะเก็บไว้ใช้ในอนาคตนะลูก” โรจน์มองดูลูกสาวเพียงคนเดียว ลูกที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะเพราะตอนนั้นภรรยาหนีไปแล้วทิ้งลูกไว้

ส่วนเงินที่ใช้รักษาตัวเขาตอนนี้ก็มาจากการขายที่ดินผืนสุดท้าย เขารู้สึกผิดที่ตัวเองมาล้มป่วยจนพลอยทำให้ลูกสาวลำบากตามไปด้วย ทั้งๆ ที่จอมขวัญพึ่งจะเรียนจบและอนาคตอันสดใสก็กำลังรออยู่แท้ๆ

“แต่ถ้าเลือกได้หนูอยากมีพ่อมากกว่ามีเงิน”

“ชีวิตคนเราบางครั้งมันก็ไม่มีสิทธิ์ได้เลือก” โรจน์ยื่นมือที่เต็มไปด้วยความหยาบกร้านมาลูบใบหน้าของลูกสาวเพียงคนเดียวที่เปรียบเหมือนแก้วตาดวงใจของเขาและหาทางเดียวที่เขาจะตายตาหลับคือการพาแก้วตาดวงใจคนนี้ไปฝากไว้กับผู้มีพระคุณ