บทที่ 2
หลังจากออกจากโรงพยาบาลได้หนึ่งวัน โรจน์ก็บอกให้จอมขวัญเก็บกระเป๋าเพื่อเดินทาง แม้จะไม่เข้าใจว่าพ่อจะไปที่ไหนแต่จอมขวัญก็ทำตามที่ผู้เป็นพ่อบอก กระทั่งวันรุ่งขึ้นก็เห็นรถกระบะคันหนึ่งขับมาจอดรออยู่ที่หน้าบ้าน
“ขึ้นไปเอากระเป๋ามาสิขวัญ อีกเดี๋ยวเราจะได้ออกเดินทางกัน”
“เราจะไปไหนกันหรือคะพ่อ”
“กรุงเทพฯ” คำตอบจากพ่อทำให้จอมขวัญแปลกใจรวมถึงไม่เข้าใจว่าพ่อจะพาเธอไปกรุงเทพฯ ทำไมกัน
“กรุงเทพฯ แล้วเราจะไปที่นั่นทำไมกันจ๊ะ”
“ไปหาคนคนหนึ่ง ไปถึงแล้วเดี๋ยวหนูก็รู้เอง” โรจน์ตบบ่าลูกสาวเบาๆ จากนั้นทั้งคู่ก็ปิดบ้านแล้วออกเดินทางเข้ากรุงเทพฯ จากขอนแก่นไปที่นั่นใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมงอยู่
โรจน์หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ซึ่งน่าจะเป็นที่อยู่โดยบอกทางให้คนขับรถไปส่งยังบ้านหลังหนึ่ง ทว่าเมื่อไปถึงเจ้าของบ้านกลับไม่อยู่ ส่วนคนขับรถก็ขอตัวกลับทันทีเพราะถูกเมียโทรตาม
“นี่ก็บ่ายมากแล้ว หนูว่าเราไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า” จอมขวัญเอ่ยบอก จากนั้นสองพ่อลูกก็เดินไปหน้าหมู่บ้านแล้วมองหาร้านอาหารกระทั่งเห็นร้านตามสั่งอยู่ไม่ไกลจึงเดินไปนั่งแล้วสั่งข้าวมากิน
แม้จะรู้ตัวดีว่าข้างในกำลังผิดปกติจากอาการป่วยทว่าโรจน์ก็ยังฝืนทั้งๆ ที่เวลานี้ควรพักอยู่บ้าน แต่ก็เดินทางไกลมาถึงที่นี่หนำซ้ำยังต้องตากแดดตากลมอีกหลายชั่วโมงก่อนจะมานั่งพักในร้านอาหารตามสั่ง
“พ่อไม่มีเบอร์โทรคนที่เราจะมาพบหรือจ๊ะ”จอมขวัญเอ่ยถามนั่นเพราะตอนนี้เกือบจะบ่ายสามแล้ว แต่ยังไม่ได้เจอคนคนนั้นที่พ่อบอกอีก
“มี แต่พ่อทำหายไปแล้ว”
“แล้วถ้าเขาไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศขึ้นมาทำไง”
“ไม่หรอก พ่อมั่นใจว่าเราจะได้เจอกัน” โรจน์มั่นใจว่ายังไงวันนี้เขาต้องได้เจอกับคนคนนั้นอย่างแน่นอน ทั้งคู่รอกระทั่งค่ำมืดร้านอาหารตามสั่งจึงปิด สองพ่อลูกจึงต้องย้ายมานั่งรอที่หน้าบ้าน แต่เหมือนอากาศจะไม่เป็นใจเพราะจู่ๆ ฝนก็เทโครมลงมาอย่างหนัก
โรจน์และจอมขวัญเปียกปอนไปตามๆ กัน จอมขวัญพยายามชวนให้พ่อกลับก่อนวันหลังค่อยมาใหม่แต่โรจน์กลับไม่ยอมลุกไปไหนเพราะกลัวว่าถ้าไปแล้วจะไม่ได้กลับมานี่อีกที ในขณะที่จอมขวัญก็เป็นห่วงพ่อจนร้อนใจไปหมด แต่บทจะดื้อพ่อของเธอก็ดื้อไม่ฟังใครเหมือนกัน
การที่เห็นพ่อดั้นด้นมาที่นี่แถมยังเลือกที่จะนั่งรอไม่ยอมไปไหนทั้งๆ ที่ฝนตกหนักแบบนี้ ทำให้จอมขวัญพลอยอยากรู้ไปด้วยว่าคนที่พ่ออยากมาหานั้นเป็นใคร
“พ่อ เรากลับกันก่อนเถอะจ้ะ วันหลังค่อยมา”
“ไม่ๆ พ่อรอได้” โรจน์ปฏิเสธเพราะตั้งใจจะปักหลักรออยู่นี่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น
“แต่พ่อไม่สบายอยู่นะ อยากไปนอนโรงบาลหรือไง” เมื่อพ่อไม่ยอมทำตามจอมขวัญก็เริ่มขู่
“ขอพ่อรออีกหน่อย” เอ่ยบอกโรจน์ก็หันมองหน้าลูกสาว ยังไงเขาก็จะรอจนกว่าจะได้พบคนคนนั้น สุดท้ายจอมขวัญก็ยอมแพ้โชคดีหน่อยที่ตอนนี้ฝนหยุดแล้วแต่อากาศกลับหนาวแทน
เธอมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือซึ่งตอนนี้เกือบจะสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ถ้าอีกสิบนาทีคนที่พ่อเธอมารอพบยังไม่มา เธอจะพาพ่อกลับโดยไม่ฟังอะไรทั้งนั้นเหมือนกัน แต่ก่อนจะครบกำหนดเวลาตามที่จอมขวัญตั้งขึ้นในใจก็มีรถเก๋งคันใหญ่คันหนึ่งขับมาจอดตรงประตูรั้ว ใกล้ๆ จุดที่พ่อกับเธอยืนอยู่
“โรจน์ ใช่โรจน์หรือเปล่า”
“คุณเขตต์”
“เข้าบ้านก่อน” เขตต์ไม่ถามว่าโรจน์มารอตั้งแต่เมื่อไหร่ ชายหนุ่มกลับบอกให้เข้าบ้านทันที ต่อให้จะไม่ได้เจอกันเกือบยี่สิบปีแต่ก็ไม่เคยลืมอดีตลูกน้องที่อายุไล่เลี่ยกับเขา เพียงแค่หลังๆ มานี้จู่ๆ โรจน์ก็ขาดการติดต่อไปเสียดื้อๆ ทั้งๆ ที่เขาย้ำนักย้ำหนาว่าให้ช่วยอะไรก็บอก แต่หลายปีที่ผ่านมาเขากลับไม่เคยได้ช่วยอะไรเพื่อนคนนี้เลย
เมื่อก่อนโรจน์เคยทำงานที่โรงงานครอบครัวเขา เหตุการณ์ที่ทำให้เขากับโรจน์รู้จักและสนิทกันคือข้าวจานเดียว เพราะตอนนั้นเขาเข้าไปฝึกงานที่โรงงงานโดยไม่บอกใคร แต่ก็ได้โรจน์ที่เข้ามาชวนคุยหนำซ้ำยังเอาข้าวมาแบ่งให้กิน
แม้จะผ่านมาหลายปี แต่เขากลับจำรสชาติของอาหารมื้อนั้นได้เป็นอย่างดี ข้าวสวย น้ำพริก ปลาทอดและผักอีกสองสามอย่าง นั่งกินด้วยกันแบ่งกันกินคุยกันถูกคอ
กระทั่งทุกคนรู้ว่าเขาเป็นใคร โรจน์ก็เหมือนจะเกรงใจจนไม่กล้าคุยเล่นด้วยอย่างแต่ก่อน มีแต่เขาที่เป็นฝ่ายเข้าไปหาเข้าไปคุยเอานั่นเอานี่ไปฝากแต่ความหวังดีจากเขากลับทำร้ายโรจน์ทางอ้อม ข่าวซุบซิบนินทามากเข้าโรจน์จึงตัดสินใจกลับไปทำงานที่บ้านเกิด
“นั่งบนเก้าอี้” เขตต์เอ่ยบอกเมื่อเห็นเพื่อนเก่าลงไปนั่งบนพื้น ข้างๆ คือเด็กสาวที่ตั้งแต่เจอกันเขายังเห็นหน้าไม่ค่อยชัดเพราะอีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าตลอด
“ไม่เอาครับ ตัวผมเลอะ”
“เลอะก็นั่งได้ ไหนบอกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือไง”
“ครับๆ” โรจน์จำต้องเอ่ยรับแล้วขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้โดยมีจอมขวัญนั่งอยู่ข้างๆ หลังจากนั้นเขตต์จึงสั่งให้แม่บ้านนำอะไรอุ่นๆ มาให้ทั้งสองคนพร้อมผ้าขนหนูเพื่อซับตัวให้แห้ง
“เราไม่ได้เจอกันกี่ปีแล้วนะ”
“เกือบยี่สิบปีแล้วครับ” โรจน์มองเขตต์อย่างเทิดทูน เขารู้แก่ใจดีว่าฐานะต่างกันกับเขตต์มาก แต่เขตต์กลับไม่เคยปฏิบัติไม่ดีต่อเขา เพียงแค่ที่ผ่านมาเขาไม่กล้าขอความช่วยเหลือก็เท่านั้น ขนาดไม่ขอแต่เขตต์ก็มักจะส่งของกินไปให้เสมอๆ บางครั้งยังเป็นของจากต่างประเทศ ทว่าคราวนี้เขาคงต้องขอให้ช่วยแล้วจริงๆ
“นานเหมือนกัน ว่าแต่ระยะหลังๆ นายหายไปไหนมา”
“พอดีผมยุ่งๆ ครับ เลยไม่ได้ติดต่อคุณเขตต์” ช่วงจังหวะที่โรจน์หายไปคือตอนที่เริ่มป่วย ซึ่งน่าจะสองสามปีให้หลังมานี้
“ยุ่งขนาดนั้นเชียว”
“ครับ” โรจน์เอ่ยรับ
“แล้วนั่นใช่ลูกสาวหรือเปล่า”
“ครับ ลูกสาวของผมเอง ขวัญไหว้คุณเขตต์สิลูก” เมื่อเอ่ยบอกเสร็จโรจน์ก็สะกิดจอมขวัญเบาๆ เพื่อให้ไหว้เขตต์ เธอพนมมือขึ้นแล้วไหว้เขาพร้อมเอ่ยคำทักทาย ซึ่งจังหวะนั้นก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย เพราะก้มหน้าไว้อยู่แบบนี้ก็กลัวจะเสียมารยาท
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดี” เขตต์ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นลูกสาวของโรจน์ที่หน้าตาสะดุดตาทีเดียว จำได้ว่าตอนนั้นโรจน์บอกมีลูกสาวคนหนึ่ง เขายังแซวว่าอายุสิบแปดมีลูกลูกโตแบบนี้ยังไม่ทันแก่ลูกก็คงโตเป็นสาวแล้ว ซึ่งก็จริงอย่างที่เขาพูดไม่มีผิด
