3 ยิ่งอยากลืมกลับฝังใจ
ตอนที่ 3
ยิ่งอยากลืมกลับฝังใจ
“เกิดอะไรขึ้นลูก...เมื่อคืนถึงได้เมากลับบ้านแบบนั้น”
ดวงแขนั่งรอลูกชายอยู่ที่โต๊ะอาหารด้วยความเป็นห่วงใจจริงแล้วเธออยากจะขึ้นไปคุยกับเขตแดนตั้งแต่เมื่อคืนแต่ก็ได้ถูกไพศาลห้ามไว้
“ผมกับรสรินเราเลิกกันแล้วครับ”
ภายใต้ความผิดหวังหัวใจยังมีความรู้สึกผิดแฝงอยู่ เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานมันวุ่นวายสับสนไปหมด ช่วงหัวค่ำเขาเพิ่งจะอกหักมาแต่พอตกดึกเขากลับกลายเป็นคนผิดที่ทำร้ายชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งลงไป
“แม่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นนะแต่ในเมื่อทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ลูกก็ต้องยอมรับความเป็นจริงความเมามันช่วยอะไรลูกไม่ได้หรอกพอเราหายเมาแล้วก็ต้องอยู่กับความทุกข์เหมือนเดิมถ้าเรายังเลือกที่จะจำมันไว้”
ความเป็นห่วงของแม่ได้แต่ส่งผ่านคำพูดที่เตือนสติ ดวงแขรู้ดีว่าลูกชายรักคนรักของเขามากมายขนาดไหนเพราะทั้งคู่คบหากันมาเป็นเวลาหลายปีจนแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าสุดท้ายแล้วสองคนนี้จะไม่ได้แต่งงานกัน
“ชีวิตของคนเราไม่แน่นอนดังนั้นการที่เราตัดสินใจทำอะไรลงไปเราควรที่จะคิดก่อนทำเสมอ”
เขตแดนไม่กล้าแม้แต่จะหันมามองสบตาบิดา เขาได้แต่เพียงพยักหน้าและก้มหน้ามองจานข้าวต่อไป
“อะไรกันคะ ฉันไม่เห็นเข้าใจที่คุณพูดเลย”
ดวงแขหันไปมองหน้าสามีด้วยความสงสัยเพราะเธอไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ไพศาลพูดมันเกี่ยวอะไรกับการเลิกราระหว่างลูกชายกับรสริน
ไพศาลเลือกที่จะไม่อธิบายอะไรต่อเขาหันมาบอกภรรยาว่าให้รีบกินข้าวเพราะวันนี้เขาจะพาเธอไปนัดคุยธุรกิจกับลูกค้าด้วยกัน
ระหว่างกินข้าวเขตแดนเอาแต่นั่งเงียบแต่ไม่ใช่เพราะเขายังเสียใจเรื่องของรสรินอยู่แต่เขากำลังรู้สึกผิดในสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ
การไปทำงานของท่านรองประธานบริษัทในวันนี้ไม่มีอะไรที่จะทำให้เขามีรอยยิ้มได้เลยแค่เพียงคิดถึงสิ่งที่ทำไปเขตแดนก็ได้แต่โมโหตัวเองที่ทำทุกอย่างโดยไม่คิดไตร่ตรองถึงแม้ว่าเมื่อคืนเขาจะเมาแต่มันก็ไม่ได้ไร้สติจนถึงขั้นไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะทำอะไรลงไปแต่เขาเลือกที่จะปล่อยให้หัวใจทำตามอารมณ์ที่กำลังเหงาและต้องการใครสักคนมาอยู่ในอ้อมกอดเท่านั้น
“ข้าวเป็นอะไร เราเรียกตั้งนานแล้ว”
นุ่นเพื่อนสนิทของข้าวหอมเพียงคนเดียวเธอออกจากห้องสอบเป็นคนสุดท้ายจึงเลือกที่จะตะโกนเรียกข้าวหอมจากด้านหลังเพื่อที่จะได้รีบไปโรงอาหารแต่อีกฝ่ายกลับนั่งเหม่อไม่ได้ยินเสียงที่เธอเรียก
“ขอโทษทีเรามัวแต่คิดเรื่องข้อสอบ”
สาวน้อยในชุดนักศึกษาตอบเฉไฉไปเรื่องอื่นทั้งที่ความจริงแล้วเรื่องที่ก่อกวนหัวใจและความคิดของเธอในตอนนี้มีเพียงแค่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเท่านั้น
“เห็นนั่งเครียดตั้งแต่เช้าแล้วปกติเวลาสอบเธอเตรียมพร้อมเสมอนะแล้วครั้งนี้เป็นอะไรถึงดูวิตกกังวล”
นุ่นไม่อยากจะเชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้เพื่อนสนิทของเธอนั่งเหม่อลอยสีหน้าอมทุกข์แบบนี้จะเกี่ยวกับเรื่องสอบเพราะข้าวหอมเป็นคนที่เรียนเก่งและเมื่อถึงช่วงสอบเธอมักจะเตรียมพร้อมทุกอย่างด้วยความมั่นใจ
“มันเป็นการสอบครั้งสุดท้ายเรากลัวว่าจะมาเผื่อพลาดตอนจบ”
ข้าวหอมยังพยายามอธิบายถึงแม้จะรู้ว่าอีกไม่นานเธอคงไม่สามารถปิดบังเพื่อนสนิทได้เพราะความทุกข์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ความจริงเธอก็ต้องการระบายให้ใครสักคนฟังเพียงแต่เธอไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่าจากตรงไหนและบางทีเขตแดนอาจไม่ต้องการให้ใครรับรู้เรื่องนี้
“อย่าไปคิดอะไรมากแค่เราเรียนจบก็พอแล้ว สนามแข่งขันของเราจริงๆมันก็ตอนสมัครงานนั่นแหละ”
คำพูดของนุ่นทำให้ข้าวหอมคิดขึ้นมาได้ว่าดวงแขขอให้เธอไปทำงานที่บริษัทของลูกชายทันทีที่เธอเรียนจบและเธอก็ยอมตกลงไปแล้วด้วยครั้นจะมาปฏิเสธตอนนี้ก็คงจะทำให้ผู้มีพระคุณของเธอไม่พอใจแน่นอน
“เราว่าจะไปสมัครงานเธอจะไปด้วยกันไหมวันเสาร์อาทิตย์นี้”
“เราคงไม่ได้ไปขอให้เธอโชคดีนะนุ่น”
ข้าวหอมรีบเดินนำเพื่อนไปโรงอาหารไม่อยากแสดงสีหน้าอะไรมากไปกว่านี้เพราะกลัวจะถูกเพื่อนสนิทจับพิรุธได้ก่อนโดยที่ตัวเธอยังไม่พร้อมที่จะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น
“เรียนจบแล้วเราตั้งใจว่าจะหางานทำให้เร็วที่สุดอยากจะมีบ้านเป็นของตัวเองกับเขาสักที”
นุ่นพูดถึงอนาคตด้วยแววตาสดใสการเรียนจบคือความหวังของเธอที่จะทำให้ชีวิตครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
“เราขอให้นุ่นทำทุกอย่างสำเร็จตามที่หวังนะ”
แววตาคนพูดยิ่งดูเศร้าลงเพราะความอบอุ่นในครอบครัวของเพื่อนสนิททำให้ข้าวหอมย้อนมองตัวเองและยิ่งรู้สึกเหงาและว้าเหว่เพราะสำหรับเธอแล้วชีวิตเธอแทบจะไม่เหลือใครถ้าไม่มีครอบครัวของดวงแขเข้ามาดูแลมันช่างแตกต่างจากชีวิตของนุ่นที่มีพร้อมทั้งพ่อและแม่และยังมีน้องชายอีก 1 คนถึงแม้ว่าครอบครัวของเธอจะมีฐานะยากจนมากอาศัยอยู่ในพื้นที่สลัมชุมชนแออัดแต่ก็เป็นครอบครัวที่อบอุ่น
“ดึงดราม่าอีกแล้ว” เพื่อนสนิทรู้ทันว่าตอนนี้ข้าวหอมกำลังมีความรู้สึกอะไร
“ถ้าแม่ยังอยู่แม่คงจะมองเราและยิ้มอย่างมีความสุขที่วันนี้ลูกสาวคนเดียวของแม่กำลังจะเรียนจบมหาวิทยาลัย”
แม่ของข้าวหอมจากไปแล้วเกือบ 10 ปีแต่ภาพความทรงจำระหว่างสาวน้อยกับมารดายังคงชัดเจนภายในหัวใจของเด็กกำพร้าคนนี้อยู่เสมอ
“ไม่มีใครเกิดมามีชีวิตที่สมบูรณ์แบบหรอกเรามีครอบครัวที่อยู่พร้อมหน้าแต่เราก็ไม่เคยรู้จักกับคำว่าสบายแต่ชีวิตของข้าวหอมตอนนี้เธอได้อยู่ในครอบครัวของคุณดวงแขที่รักและดูแลเธอเป็นอย่างดีก็นับว่าเธอโชคดีกว่าคนอื่นแล้วถึงแม้ว่ามันจะต้องแลกมาด้วยชีวิตของแม่เธอก็ตามแต่ทุกอย่างมันเป็นแค่อุบัติเหตุไม่มีใครตั้งใจให้เกิดขึ้นและเราก็ย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรกันไม่ได้แล้ว”
นุ่นรับรู้เรื่องราวในชีวิตทุกอย่างของเพื่อนสนิทเป็นอย่างดีถึงแม้ว่าทั้งสองคนเพิ่งจะมารู้จักกันในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยก็ตามจึงทำให้เพื่อนสนิททั้งสองคนนี้ทั้งรักและรู้ใจกันที่สุด
“เรามันก็แค่กาฝากอีกไม่นานเราก็คงต้องไปจากบ้านหลังนั้นแล้ว”
ข้าวหอมพยายามหลบตาเพื่อนเมื่อรู้ตัวว่าตอนนี้น้ำใส ๆ กำลังไหลเอ่อในดวงตาคู่สวยแต่มันก็ไม่พ้นไปจากสายตาของนุ่นได้
“เราว่าข้าวไม่ได้เครียดเรื่องสอบใช่ไหมมีปัญหาอะไรกับบ้านคุณดวงแขหรือเปล่าเล่าให้เราฟังได้นะ”
นุ่นเริ่มมั่นใจว่าอาการของเพื่อนที่ผิดปกติตั้งแต่ช่วงเช้าน่าจะไม่ใช่เรื่องของการสอบในวันนี้แล้วแต่น่าจะเป็นเรื่องชีวิตของเธอที่เกี่ยวกับครอบครัวของดวงแขแน่นอน
“เราไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่แค่รู้สึกเหงายิ่งต่อไปไม่ต้องมาเรียนแล้วต้องทำงานเป็นเรื่องเป็นราวยังไม่รู้เลยว่าชีวิตการเริ่มต้นจะเป็นยังไง”
ข้าวหอมไม่อยากไปทำงานที่บริษัทของเขตแดนเพราะเธอตั้งใจว่านับจากนี้ไปเธอจะเว้นระยะห่างจากเขาถึงแม้ตอนนี้หัวใจของเธอทั้งดวงจะยกให้เขาไปจนหมดสิ้นเพราะเขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอรักและยังเป็นคนแรกที่ได้ความบริสุทธิ์ของเธอไปแต่ด้วยฐานะที่ต่างกันและเขาเองก็ดูเหมือนอยากจะให้เธอลืมเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นจึงทำให้ข้าวหอมอยากไปทำงานที่อื่นจะมีโอกาสเจอกับเขาให้น้อยที่สุดแล้วหวังว่าเวลาจะช่วยเยียวยาหัวใจของเธอให้ลืมผู้ชายคนนี้ออกไปจากหัวใจให้ได้
“ชีวิตคนเรามันก็ต้องเดินหน้าต่อไปไม่มีใครย่ำอยู่กับที่หรอก เราชื่อว่านับจากนี้ไปชีวิตของข้าวจะมีแต่ความสุขแต่ก่อนอื่นเธอต้องยอมลืมเรื่องราวในอดีตให้หมดเก็บไว้แค่เพียงความทรงจำที่สวยงามเท่านั้น เราอยากเห็นข้าวยิ้มและหัวเราะได้อย่างเต็มที่เหมือนคนอื่นสักที”
คำพูดของเพื่อนที่ความจริงแล้วหมายความถึงเรื่องราวในอดีตเมื่อครั้งที่ข้าวหอมต้องสูญเสียมารดาแต่มันกลับกระทบใจ หญิงสาวที่กำลังเจ็บช้ำกับเรื่องราวในอดีตที่เพิ่งผ่านมาเมื่อคืน เธอรู้ว่าชีวิตของเธอนับจากนี้ไปมันต้องเดินไปข้างหน้าอดีตก็คืออดีตแต่ตอนนี้ข้าวหอมไม่รู้ว่าเธอจะลืมอดีตนั้นได้อย่างไรในเมื่อมันกลายเป็นความทรงจำที่ฝังลึกลงไปแล้ว
“เราจะลืมเรื่องราวในอดีตให้ได้เราจะเริ่มต้นใหม่...ขอบคุณนะนุ่น”
เพื่อนสนิททั้งสองคนต่างกุมมือให้กำลังใจกันถึงแม้ว่าความหมายของคำพูดทั้งคู่จะแตกต่างกันก็ตามแต่มันก็คงเป็นทางเดียวที่จะทำให้ชีวิตของข้าวหอมมีความสุข ก็คือเธอจะต้องลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขตแดนให้เป็นเพียงแค่เรื่องราวในอดีตให้ได้
