บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 (4)

ริวจิท้วงติงอยากให้หล่อนคิดอะไรให้มากกว่านี้ เพราะความจริงแล้วบนพื้นดินที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะแห่งนี้ ยังมีโลกที่มืดกว่าแฝงตัวอยู่และความมืดนั้น เป็นได้ทั้งการช่วยเหลือและเป็นได้ทั้งผู้ทำลาย และมันคือดาบสองคม

แต่สำหรับดาวน้ำฟ้ากลับไม่คิดเช่นนั้น

“คุณเองก็ไม่รู้เหมือนกันนี่คะว่าชื่อและนามสกุลของฉันเป็นของจริงหรือเปล่า ฉันพูดตรงๆ นะคะ คุณหน้าตาดีขนาดนี้ ไม่คิดว่าฉันจะเป็นสาวมาอ่อยเหยื่อให้คุณตกหลุมพรางมาช่วยไว้บ้างเหรอคะ”

หล่อนบอกเพื่อให้เขาลองคิดตามว่าหล่อนต่างหากอาจจะเป็นฝ่ายหลอกลวงเขาก็ได้ แต่ริวจิกลับหัวเราะแล้วตอบกลับต่อการเตือนของหล่อนที่ไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมาเลยสักนิด

“ไม่คิดเลย เพราะคงไม่มีสาวคนไหนลงทุนก้นจ้ำเบ้ากับพื้นถึงสองรอบเพื่ออ่อยหนุ่มหรอก”

ดาวน้ำฟ้าฟังแล้วก็ตีหน้าจ๋อยเมื่อเจอเขาย้อนกลับมา หญิงสาวทำปากขมุบขมิบจนใจจะเถียง จนใจจะสรรหาคำใดๆ มาคัดค้าน เพราะที่เขาพูดมามันจริงหมดทุกคำ

“นั่นสินะคะ...” หล่อนรับคำเบาๆ

ริวจิมองหล่อนแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะเป็นฝ่ายยื่นมือมาหาในลักษณะของการแสดงมารยาททักทายอย่างสากลพร้อมกับบอก

“ถ้าเธอไว้ใจฉัน ฉันก็จะไว้ใจเธอ ถ้าเธอเชื่อใจฉัน ฉันก็จะเชื่อใจเธอ วันนี้เราจะเป็นเพื่อนใหม่สำหรับกันและกัน บนเส้นทางที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะแห่งนี้ ฉันยามากุจิ ริวจิ ยินดีที่ได้รู้จัก แล้วเธอล่ะ…”

ท้ายเสียงนั้นเป็นการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ เพื่อจะได้ยืนยันด้วยความมั่นใจว่าเขาใช่คนที่พูดมาอย่างแท้จริง

“ฉันโฮชิโนะ เท็นเนียว ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”

หญิงสาวตอบรับกลับไปแล้วจึงยื่นมือไปหาเขา แล้วยอมให้เขาเป็นไกด์นำทางจำเป็นสำหรับหล่อน ริวจิจึงพาดาวน้ำฟ้าเดินกลับไปที่สวนสาธารณะโอโดริเพื่อเที่ยวชมผลงานปั้นหิมะที่มาจากทั่วทุกมุมโลก

ทว่า พอเดินชมไปได้ระยะหนึ่งชายหนุ่มก็ถามไถ่หล่อนว่าอยากจะไปที่ไหนเป็นพิเศษบ้าง แต่เขาไม่ได้เป็นฝ่ายเลือกสถานที่หรือนำเสนอสถานที่ให้หล่อน ตรงกันข้ามเขากลับให้หล่อนเลือกสถานที่ที่อยากไปเองและให้บอกเขาว่าอยากไปไหนมากกว่า

เพราะการทำแบบนี้จะทำให้หล่อนไม่ต้องระวังตัวว่าสถานที่ที่อยากไปนั้น อาจเป็นไปตามความต้องการของเขาได้ ซึ่งมันจะกลายเป็นว่าหล่อนไปตามทางที่เขากำหนดอาจจะดูเป็นอันตรายได้มากกว่า แถมเขายังบอกด้วยว่าสถานีตำรวจตรงไหนใกล้ที่สุดที่หล่อนจะไปขอความช่วยเหลือได้หากเกิดไม่ไว้ใจในตัวเขาขึ้นมา

“ฉันอยากเข้าไปดูหอนาฬิกานี้ค่ะ”

ดาวน้ำฟ้าบอกพลางยื่นหนังสือคู่มือท่องเที่ยวให้เขา แต่ชายหนุ่มกลับทำมือให้หล่อนเก็บไป เพราะว่าหอนาฬิกาซัปโปโรไม่ได้มีหลายที่ถึงขนาดไม่รู้ว่าเป็นที่ไหนกันแน่

“ฉันนึกว่าเธอจะบอกให้พาไปโรงเบียร์ซัปโปโรก่อนเสียอีก”

ริวจิสัพยอกขำๆ นึกไปถึงโรงเบียร์ซัปโปโรที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยและถือว่าเป็นเบียร์เก่าแก่ที่สุดในบรรดาเบียร์ชั้นนำของญี่ปุ่น มีการส่งออกและรู้จักกันอย่างแพร่หลายจนนักท่องเที่ยวที่ได้มาซัปโปโรจะต้องดั้นด้นไปให้ถึง โรงเบียร์และชิมมันสักครั้งหนึ่งให้จงได้

“นั่นก็อยากไปเหมือนกันค่ะ แต่อยากไปที่นี่ก่อน แล้วก็อยากไปย่านซูซูกิโนะด้วยค่ะ”

หล่อนบอกแล้วทำตาเป็นประกายเมื่อคิดถึงย่านซูซูกิโนะอันเป็นย่านช็อปปิ้งขึ้นชื่อและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำด้วย หากใครมาซัปโปโรก็ไม่แคล้วจะต้องเที่ยวที่ซูซูกิโนะนี้สักครั้งหนึ่งในฐานะนักช็อปปิ้ง

ทว่า ชายหนุ่มผู้อาสามาเป็นไกด์พิเศษกลับไม่ส่งสายตาเป็นประกายตามหล่อนไปด้วย เพราะโรงเบียร์อยู่ห่างจากสวนสาธารณะโอโดริไปมากและต้องนั่งรถไปเกือบสิบห้านาที ส่วนย่านซูซูกิโนะกับหอนาฬิกาที่หล่อนอยากจะไปนั้น มันไปคนละทางกันเลยก็ว่าได้ เพราะหอนาฬิกาไปทิศเหนือ แต่ซูซูกิโนะไปทิศใต้!

ดังนั้นเขาคงต้องบอกให้หล่อนเลือกเสียก่อนล่ะมั้ง ว่าอยากเดินแบบวนไปวนมาตามความต้องการ ‘ของการอยาก’ หรือจะเดินอยากมีสติ เลือกจากใกล้ไปหาไกลก่อนดี

“เอาล่ะ ฉันจะบอกอะไรดีๆ ให้ที่เรายืนอยู่นี่คือสวนสาธารณะโอโดริใช่ไหม”

“ค่ะ แล้วไงคะ?” หล่อนรับคำพลางทำตาปริบๆ

“แต่หอนาฬิกาที่เธออยากไปมันอยู่ทางนั้น” เขาชี้ไปทางทิศเหนือแล้วลดมือลงก่อนจะใช้อีกมือชี้ไปทางทิศใต้พร้อมกับบอก “ส่วนนั่นคือทางไปย่าน ช็อปปิ้งซูซูกิโนะที่เธออยากไป สองที่นี้ถูกขั้นกลางด้วยสวนสาธารณะโอโดริ…”

“โอ๊ะโอ๊ว แย่ละสิ” หล่อนอุทานเบาๆ

“ก็ไม่มากนักหรอก แต่เดินย้อนไปมาก็เหนื่อยพอตัว” เขาว่ายิ้มๆ

“แล้วทางไหนใกล้ที่สุดคะ?”

หล่อนถามเพราะไม่คิดว่าการเดินย้อนไปมาเป็นเรื่องดี ถ้าย่นระยะเวลาได้อย่างประหยัดพลังงานมากที่สุด ย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่า

“หอนาฬิกาเดินถัดไปอีกสองบล็อก แต่ซูซูกิโนะเดินเลยไปอีกสี่บล็อก”

“งั้นไปหอนาฬิกาก่อนก็ได้ค่ะ แต่ขอเดินชมตรงนี้อีกสักนิดนะคะ”

ดาวน้ำฟ้าเสนอแล้วจึงเดินชมงานปั้นหิมะอีกพักใหญ่ ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงไฟถนนถูกเปิด ส่วนไฟที่เป็นส่วนหนึ่งของงานแสดงการปั้นหิมะก็เปิดด้วยเช่นกัน ทำให้ยามนี้ยิ่งสวยงามมากกว่าตอนฟ้าสว่างเสียอีก

“ว้าว...สุดยอด...”

หญิงสาวอุทานกับแสงไฟที่ถูกเปิดทำให้ลานกว้างของสวนสาธารณะโอโดริกลายเป็นที่ๆ งดงามอย่างที่สวยอยู่แล้วก็ให้ชวนหลงใหลเข้าไปอีก หล่อนเดิมชมงานปั้นหิมะอีกครู่ แล้วจึงไปต่อที่หอนาฬิกาซัปโปโรที่ถือเป็นมรดกทางวัฒธรรมที่สำคัญ

ในระหว่างทางที่เดินไปหล่อนก็ชวนเขาคุยไปพลางๆ แต่ดูเหมือนริวจิมีความระแวดระวังตัวสูง แถมมีหูตายิ่งกว่าสับปะรดเสียอีก อย่างตอนที่มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาจะชนหล่อน เขาก็ช่วยดึงหล่อนให้พ้นทาง โดยหล่อนเห็นผู้ชายคนนั้นช้ากว่าเขาด้วยซ้ำ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel