ทิ้งไว้กลางทาง
เอี๊ยดดดด!!
“ลงไป!!” พอขับรถออกมาได้สักพัก พร้อมรักก็หักพวงมาลัยรถจอดเข้าข้างทางอย่างเช่นเคย และตามสเต็ปก็คือเธอก็ต้องนั่งรถต่อไปเอง
“อืม...ขับรถดีๆ นะ” ขนาดโดนไล่ลงกลางทางขนาดนี้แล้ว ก็ไม่วายมีกระจิดกระใจไปอวยพรเอาอีก
“เดี๋ยว!!...” มือเล็กกำลังจะเปิดประตูออกไป เขาก็เรียกรั้งเอาไว้เสียก่อน แวบแรกที่เขาเรียกก็ทำให้หัวใจดวงน้อยวูบไหวขึ้นมา หรือเขาจะเปลี่ยนใจให้ไปด้วยนะ เธอคิดเข้าข้างตัวเอง
“อะไรเหรอ?” มองหน้าเขาด้วยแววตาเป็นประกาย
“งานฉันล่ะ” หัวใจที่เพิ่งพองโตเมื่อสักครู่ ห่อเหี่ยวลงในทันที
“อ้อ...อะนี่...” รีบค้นกระเป๋าของตัวเอง แล้วหยิบเอกสารของเขายื่นให้
“อืม...ลงไปได้แล้ว...แล้วอย่าไปบอกแม่ฉันล่ะ ไม่งั้นฉันเล่นเพื่อนเธอแน่”
“อืม...เข้าใจแล้ว” ก้มหน้าก้มตาตอบรับแล้วลงจากรถไปทันที
“ฟู่ว!! ฉันก็ไม่ได้อยากจะชอบนายหรอกนะ แต่มันห้ามใจตัวเองไม่ได้” ยืนพร่ำพรรณนาอยู่เพียงลำพัง
ปิ๊นๆๆ!!
เสียงแตรรถคันหรูดังขึ้นเรียกสติของเธอให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว จนต้องรีบหันไปมองทางต้นเสียง พร้อมกับกระจกรถฝั่งคนนั่งที่เลื่อนลงมา ตามด้วยปกป้องที่ตะโกนเรียกเธอ
“พี่วิวาห์ ขึ้นมาครับ เดี๋ยวป้องไปส่ง” เอ่ยเรียกด้วยความสุภาพ เห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ยืนอึกอักไม่กล้ารบกวนเขา และท่าทียึกๆ ยักๆ ของเธอนั่นแหละที่ทำให้รถคันอื่นเริ่มบีบแตรไล่ เพราะปกป้องไม่ยอมขับออกไปเสียที “ขึ้นมาเร็วครับ รถคันอื่นบีบแตรเร่งแล้ว” และนั่นก็ทำให้เธอตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปนั่งทันที
“โดนทิ้งแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ” เอ่ยถามทั้งดวงตาคมกริบก็จับจ้องมองถนนเบื้องหน้าอยู่ด้วยความตั้งใจ
“เอ่อ...พร้อมเขามีธุระไปที่อื่นก่อนเข้าม.น่ะ”
“งั้นหรอ ป้องเห็นมีธุระทุกวันเลยนะครับ บางทีก็ไม่จำเป็นต้องปกป้องคนที่ทำร้ายจิตใจเราหรอกนะ ถ้าทำดีแล้วเขาจะเห็นคุณค่า เขาเห็นไปนานแล้ว” คำพูดของปกป้องเล่นทำวิวาห์สะอึกกันเลยทีเดียว มันก็จริงอย่างที่เขาพูดนั่นแหละ ถ้าเขาเห็นความดีของเธอเขาคงเห็นนานแล้ว
“ป้องเห็นทุกวันเลยหรอ?”
“ครับ...ถึงไฟแดงตรงนี้ทีไร ก็เห็นพี่ลงตรงนี้ทุกที ทั้งที่ก็ไปทางเดียวกัน ใจร้ายจริงๆ เลยนะครับ”
“...”
“ถ้าจะมาส่งแค่นี้ก็ไม่ควรไปรับหรือเปล่า” ยังคงตั้งคำถามต่อ
“เอ่อ...จริงๆ ...พี่อยู่บ้านหลังเดียวกับพร้อมน่ะ” คำตอบที่ได้กลับมานั้นเรียกสายตาคมๆ ให้หันมามองเธอด้วยความสงสัย
“หืม?”
“คือ...เรื่องมันยาว...แล้วพี่จำเป็นต้องอยู่บ้านเดียวกับเขา...”
“ขอโทษนะครับ...แต่ขอถามได้ไหมว่าทำไมถึงไปอยู่กับเขา”
“พ่อแม่พี่เสียน่ะ แล้วแม่ของพร้อมเป็นเพื่อนสนิทของแม่ ท่านเอ็นดูเลยเอามาอยู่บ้านด้วย”
“เหมือนในละครเลยเนอะ ตอนจบพระเอกเลวๆ แต่ดันได้กับนางเอกที่เป็นลูกเพื่อน แม่เอ็นดูจึงเอามาอยู่ในบ้านด้วย หึ” กล่าวออกมาลอยๆ อย่างนึกขัน ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้ในชีวิตจริง แต่เขานี่แหละจะทำให้บทเปลี่ยนเอง คนเลวไม่สมควรที่จะคู่ควรกับคนดีๆ จริงไหม?
“ไม่เหมือนหรอก พร้อมเขาไม่ได้ชอบพี่”
“แต่พี่ชอบเขาใช่ไหมครับ?”
“ก็...พยายามไม่ชอบอยู่”
“ตัดใจเถอะครับ ไปไม่รอดหรอก” เดี๋ยวนะ ไม่คิดว่าเขาจะมาตัดพ้อเธอขนาดนี้ ทั้งที่ก็ดูเป็นสุภาพบุรุษก็ควรจะให้กำลังใจเธอสิจริงไหม ไหงมาเวย์นี้ไปได้
“ยังไม่ได้หรอก เขามีพระคุณกับพี่ ถ้าไม่ได้เขากับครอบครัว พี่คงตายไปแล้ว”
“เรื่องหนี้บุญคุณนี่ก็ตามพล็อตหนังเป๊ะ สุดท้ายคือพี่เปลี่ยนเขาให้มารักพี่ได้ แล้วก็รักกันตามที่แม่วางไว้ แบบนี้หรือเปล่าครับ” ปกป้องกะจะฉีกทุกบทละครไม่ได้นะ ดักทุกทางเลย
“ถึงแล้ว...ขอบคุณนะที่มาส่ง...” เบี่ยงประเด็นเฉไฉเพื่อไม่ให้เขาพูดถึงเรื่องนี้อีก เพราะเธอเองก็ไม่ได้รู้อนาคตว่าจะได้คบกับเขาหรือไม่ ถ้าไม่ก็คงยังทำใจยอมรับไม่ได้ เธอยังหวังให้เขามารักตามคอนเซ็ปละครน้ำเน่าอยู่
หมับ!!
“อ๊ะ”
มือเล็กเตรียมจะเอื้อมไปเปิดประตูรถ ทว่ากลับถูกปกป้องคว้าข้อมือของเธอเอาไว้เสียก่อน
“ป้องช่วยพี่ได้นะ ถ้าพี่ต้องการ...ก็โทรมานะครับ...”
“อื้ม...ขอบใจนะแต่ไม่เป็นไร” เอ่ยบอกพร้อมกับยิ้มจางๆ ให้เขา
ปกป้องมองแผ่นหลังของเธอที่ค่อยๆ ลับตาไป ในใจก็คิดว่าจะทำยังไงถึงจะดึงเธอออกมาจากวังวนนั้นได้ เธอดูน่าสนใจ น่าค้นหาจนเขาอยากที่จะรู้จักเธอมากกว่านี้ แต่ในเมื่อเธอเลือกแล้วก็คงปล่อยให้เธอตัดสินใจเอง ไม่รู้สิลางสังหรมันบอกว่าเธอจะต้องกลับมาขอความช่วยเหลือจากเขาแน่ๆ
“เห็นนะว่ามากับใคร” ซิมปอร์แซวเพื่อนรักที่เดินลงมาจากรถสปอร์ตคันหรูของเดือนคณะแพทย์อย่างปกป้อง
“บังเอิญน่ะ”
“บังเอิญว่าไอ้บ้านั่นไล่เธอลงจากรถ แล้วเขาก็ขับมาเจอเธอ เลยจอดรับมาด้วย แบบนี้ปะ...เชื่อฉันเด็กนั่นตั้งใจ...อ่อยเลยฉันเชียร์...รับรองติดแน่ๆ”
“เหอะ...ระวังจะเป็นแค่ของเล่นนะ อย่าฝันสูงไปหน่อยเลย” เป็นพร้อมที่กระแนะกระแหนขึ้นมาจากทางด้านหลัง
“ฝันสูงก็ยังดีกว่าปล่อยให้เพื่อนใฝ่ต่ำนะ ว่าปะ?” เชิดหน้าตอกคืน จนพร้อมรักถึงกับหน้าเสีย
“พนันได้เลยว่าไอ้เด็กนั่น ไม่คิดอะไรกับเธอหรอก ยอมรับสักทีว่าเธอไปจากฉันไม่รอด”
“ฉันว่ารอด ไม่เชื่อลองโทรสิ” ซิมปอร์กล่าว จนวิวาห์ลำบากใจ
“จะบ้าหรือไง ไม่เอาหรอก...เกร็งใจเขา” เธอตอบเพื่อนไปเบาๆ
“คิดว่ามันมาช่วยเธอวันนั้นแล้วมันจะมีใจหรอ สงสารมากกว่ามั้ง เผลอๆ แค่ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษแล้วอาจจะหลอกเธอไปฟันแล้วทิ้งก็ได้” ปากคอเราะร้ายจนซิมปอร์อยากที่จะเดินไปตบหน้าสักฉาดสองฉาด ไม่รู้ว่าแม่มันเอาอะไรให้กินถึงได้มีนิสัยใจคอเลวร้ายแบบนี้
“โทรเลยแก จะได้รู้ว่าคนอย่างแกก็มีดี ดีเสียอีกคนแถวนี้จะได้พูดให้แกไม่ได้” ซิมปอร์ยังคงหันมากดดันเธอให้โทรอีกครั้ง ไม่วายหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมา
“ก็อยากจะรู้ว่าจะมาไหม กลัวก็แต่มันจะไม่มาน่ะสิ แล้วเธอนั่นแหละจะหน้าแหกเอง”
“โทรเลยวิวาห์...บอกว่าปวดท้องมารับหน่อยได้ไหม...โทรเลย”
“ไม่กล้าล่ะสิ ปอดแหกใช่ไหม” คำดูถูกของเขาที่นับวันมันจะเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เธออยากที่จะสั่งสอนให้เขารู้ว่าเธอเองก็มีดีเหมือนกัน
เมื่ออดทนต่อคำพูดดูถูกของเขาไม่ไหว จึงตัดสินใจกดโทรหาปกป้องทันที ด้วยหัวใจที่เต้นระรัว กลัวเหลือเกิน กลัวเขาจะไม่รับแล้วปฏิเสธสายจากเธอไป
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด!!!
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก!!
เสียงหัวใจของเธอที่มันเต้นแรงกว่าปกติ รู้สึกถึงความกดดันที่พร้อมรักจ้องมองมาด้วยสายตาเย้ยหยัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาต้องรอสมน้ำหน้าเธอแน่ๆ หากไม่เป็นไปตามที่ซิมปอร์บอก
“ให้ตายก็ไม่รับ ไม่มีใครให้ค่าเธอหรอกนะวิวาห์ อย่าหวังสูงไปหน่อยเลย” คำพูดดูถูกของเขายังดังขึ้นเรื่อยๆ นั่นยิ่งทำให้หัวใจของเธอเจ็บปวดราวกับถูกมีดแหลมๆ แทงครั้งแล้วครั้งเล่า
