chapter 6 ของเดิมพัน
วินซ์เหลือบหางตามามองเธอก่อนจะขวักมือเรียก ฟรังก์จึงเดินตามเขามายังม้านั่งข้างสนามที่ร่างสูงกำลังมองการแข่งขันพลางสูบบุหรี่เข้าปอดแล้วปล่อยมันออกมาอย่างสบายอารมณ์ ดูจากการแต่งตัวสบายๆ แต่ทุกอย่างล้วนเป็นแบรนด์เนม ใบหน้านั้นเหลือบมาเห็นวินซ์แล้วยกยิ้มกว้าง ผมสีน้ำเงินนั้นแม้จะเจอแค่ครั้งเดียวก็จำได้ ชิรันนั่นเอง ราวกับเธอหลุดเข้ามาในนิยายรักสักเรื่องที่มีแต่ผู้ชายทั้งหล่อและรวยเต็มไปหมด ก่อนจะเลื่อนสายตามาเห็นฟรังก์แล้วยิ้มทักทาย เขาหยัดยืนเต็มความสูงเพื่อจะให้ฉันนั่งแทนที่เขา
“เป็นไงบ้างครับคุณฟรังก์ หลับสบายไม่ฝันร้ายเนอะ”
“อ๋อค่ะ” เธอตอบรับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ผมโทรบอกเรื่องวินซ์เรื่องเมื่อคืนแล้วครับ” อยู่ๆ เขาก็ยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหู เธอเพียงแค่พยักหน้าตอบรับแล้วเหลือบมองผู้ชายที่นั่งสูบควันบุหรี่เข้าปอดแล้วปล่อยออกมา แต่สายตาเลื่อนลอยไปยังที่ไกลแสนไกล
“แล้วเขาเป็นอะไรคะ เห็นเงียบมาตั้งแต่ที่ห้องแล้ว”
“อ่า สงสัยจะยังรับตัวเองไม่ได้ ก็มันไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนี่นา”
“คะ? อะไรนะ?” พูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่อง
“เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น ให้เวลามันหน่อยนะครับ”
ถึงจะยังไม่รู้ความแต่ก็พยักหน้าไว้ก่อน
“อากาศร้อน คุณฟรังก์เอาเครื่องดื่มอะไรดีครับ เดี๋ยวผมไปซื้อให้” ฟรังก์เหลือบมองวินซ์เล็กน้อยก่อนจะหันมาตอบ
“ขอโค้กเย็นๆ ให้วินซ์ ส่วนฉันน้ำเปล่าล่ะกันค่ะ ขอบคุณนะคะคุณชิรัน” ชายตรงหน้าหัวเราะคิกก่อนจะตอบกลับ
“คร้าบบบ” ฟรังก์หันมามองคนตัวโตที่เริ่มมีเหงื่อซึมออกจากผิวหนังด้วยความอากาศตอนนี้ร้อนมากจึงยื่นทิชชูเปียกแพ็กเล็กขึ้นมาจากกระเป๋ายื่นให้เขา
“พาฉันมาที่นี่ทำไม” เธอถามด้วยสีเนิบๆ เขายังไม่ยอมหยิบทิชชูไป ฟรังก์จึงถอนหายใจหยิบมันขึ้นมาซับเหงื่อบนใบหน้าให้ ทำวินซ์สะดุ้งหันมามองเธอเล็กน้อยก่อนจะขยับตัวออกห่าง
เป็นอะไรอีกล่ะเนี่ย
ชักจะเอาใจไม่ถูกแล้วนะ
“ขาดของเดิมพัน” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งราวกับไม่สนใจเลยว่าสิ่งที่พูดออกมาทำให้ฟรังก์รู้สึกกระวนกระวายแค่ไหน เธอก็รู้ตัวอยู่หรอกนะว่าเขาไม่ได้แยแสอะไรเลย แม้จะทำทีเป็นสนใจเธอขึ้นมาในเวลาไม่ถึงอาทิตย์ แต่ทำไมผู้ชายคนนี้นึกจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนเล่นเอาทำตัวไม่ถูกเลย
ยิ่งสิ่งที่เขาคิดจะทำครั้งนี้มันเกินไปมากเลย เมื่อได้ยินแบบนั้นฟรังก์ก็รีบลุกขึ้นตั้งท่าจะเดินออกไปจากที่นี่ทันทีที่รู้ว่าตัวเองจะกลายเป็นสิ่งของเพื่อเดิมพัน แต่กลับโดนคนข้างตัวฉุดแขนให้ร่างบางนั่งลงที่เดิมอย่างแรง
“ปล่อย! ฉันจะกลับบ้าน!”
“เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”
“วินซ์! แต่ฉันไม่ใช่สิ่งของ เธอจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้! ปล่อย!” ฟรังก์โวยวายพยายามแกะมือที่โอบรอบข้อมือของเธออยู่ออก เขาหันมามองเธอด้วยแววตาพึงพอใจ
อะไรนะ พอใจงั้นเหรอ?
อะไรนะ พอใจงั้นเหรอ?
ก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะหยักยิ้มมุมปาก มันช่างดูร้ายกาจเหมือนปิศาจ
“กลัวเป็นแล้วเหรอ”
ตัวเธอเริ่มสั่นแต่ไม่ใช่เพราะกลัวทว่าผิดหวังมากกว่า เขากลับมาเป็นคนเดิมแล้ว และอาจจะดูร้ายกว่าเดิมด้วย
หมอนี่เป็นโรคสองบุคลิกหรือไง?
“เปล่า แต่ฉันไม่ชอบ”
“ไม่ต้องกลัวไป แฟนคุณไม่แพ้หรอก”
“แต่เธอไม่สิทธิ์จะทำกับฉันแบบนี้นะ!”
“แต่คุณเป็นของผมนะ ผมจะทำอะไรกับคุณก็ได้” น้ำเสียงนั้นเย็นเยียบ ฟังดูมั่นใจมากว่าตัวเองมีสิทธิ์ตามนั้นจริงๆ นั่นทำให้เธอตัวสั่นยิ่งขึ้น สั่นด้วยความโกรธที่ค่อยๆ อัดแน่นขึ้นมาในอกจนฝ่ามือมันขยับไปเอง
เพียะ!!
ไม่ทันได้ตั้งตัวฝ่ามือฟาดลงบนแก้มจนใบหน้านั้นสะบัดไปอีกข้าง เล่นเอาวินซ์นิ่งค้างเหมือนจะช็อกกับการกระทำที่ไม่ค่อยคิดนี้ แล้วฟรังก์ไม่รอให้เขาได้สติสะบัดข้อมือให้หลุดออกจากการเกาะกุม แต่แค่ลุกขึ้นตั้งใจจะเดินหนีไปจากตรงนั้นก็กลับมีผู้ชายตัวโตคนหนึ่งเดินมาขวางหน้าเธอเอาไว้ ฟรังก์จึงเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่ด้วยสายตาอาฆาตมาดร้าย แต่ใบหน้าหล่อเหลานั้นกลับมองเลยเธอไปยังวินซ์ที่นั่งเอาลิ้นดุนกระพุงแก้มอยู่
คนพวกนี้เป็นอะไรกันไปหมด..?
หรือจริงๆ พวกเขาปกติ แต่เธอต่างหากที่บ้า
“แข่งกันสักตามั้ย” ฟรังก์ไม่สนใจที่ซีโร่พูดจึงจะเดินออกไปทางด้านข้าง แต่ก็โดนผู้ชายตรงหน้าเขยิบมาขวางทางกันเอาไว้อีกแล้ว
“ขอทางหน่อยค่ะ!” เธอกระแทกเสียงอย่างไม่ไว้หน้า พอกันที!
“เอาสิ” คำตอบรับเนิบนาบนั้นทำเอาเธอหันขวับไปมองแฟนหนุ่มที่เพิ่งโดนตบหน้าไปหมาดๆ นี่คิดจะเอาคืนกันอย่างงั้นเหรอ
“แต่ต้องมีของเดิมพันด้วยนะ”
เป็นประโยคที่ทำเอาเธอตัวชาวาบ ให้ตายเถอะ นี่คือผู้ชายที่ช่วยเธอไว้เมื่อคืนจริงดิ ไม่ทันต้องคิดเธอก็รีบเดินเลี่ยงออกทางด้านข้างเพื่อหลบหนี แต่ก็โดนผู้ชายคนนี้ขวางเอาไว้อีกแล้ว! ทั้งที่เธอจ้องเขาเขม็งขนาดนั้น แต่เขากลับก้มหน้าลงมายิ้มแถมยังขยิบตาให้อีกต่างหาก
อะไรกันฟะเนี่ย!
อยากจะสถบออกมาดังๆ!
“ได้”
สิ้นคำพูดนั้นผู้ชายข้างหลังก็เดินมากระชากแขนเธอให้เดินตามไปยังรถซุปเปอร์คาร์ที่จอดเช็กเครื่องยนต์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเหวี่ยงร่างบางเข้ากับประตูรถที่ตอนนี้ร้อนจี๋เพราะอากาศของประเทศไทย ฝ่ามือใหญ่กดหัวไหล่ของเธอลงกับรถ ส่วนอีกข้างก็กำรอบคอผู้หญิงตรงหน้า ฟรังก์ตกใจจนร่างกายกระตุก ยิ่งเจอกับแววตาวาวโรจน์อัดแน่นไปด้วยอารมณ์โกรธ
“คุณตบผม”
“…” เพิ่มแรงบีบที่คอมาขึ้นจนรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออก
“ลองตบกันอีกทีสิ” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเย็นยะเยือกจนน่าขนลุก “คุณได้แหลกคามือผมแน่”
อยู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าที่มีรังสีอำมหิตแผ่ออกมาตัวโตขึ้นเรื่อยๆ สายตาเลือดเย็นที่มองลงมาทำกลืนน้ำลายลงคอได้ยากลำบากขึ้น พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้สั่นแต่มันช่างยากเหลือเกินเมื่ออยู่ต่อหน้ามุจราช
ผู้ชายคนนี้น่ากลัวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่…
ปึง
รู้สึกตัวอีกทีเธอก็มานั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าออกอย่างกระหายอากาศมากมาย อยู่ๆ ก็รู้สึกมวนท้อง แน่นหน้าอก หายใจติดขัด ฝ่ามือเริ่มชื่นเหงื่อจนเธอต้องกำมันแน่นเผื่อว่าจะช่วยระบายมวลอารมณ์ที่อัดแน่นอยู่ในอก แต่มันไม่ช่วยเลย เธอเลื่อนมือสะเปสะปะบนประตูเพื่อหาปุ่มกดเปิดกระจก แต่ยังหาไม่เจอด้วยซ้ำอยู่ๆ แรงอัดมหาศาลก็ทำให้ร่างบางจมลงกับเบาะ เธอหลับตาปี๋ไม่กล้าลืมตาขึ้นมามอง แต่ถึงจะไม่ได้มองเธอก็รู้สึกได้ถึงความเร็วสูง มีบางช่วงที่ร่างเธอเหวี่ยงไปทางซ้ายแล้วก็ขวาตามแรงเลี้ยวของตัวรถ นั่นทำให้เธอเหมือนอยู่ในเครื่องเล่นผาดโผนสักอย่าง จากที่อยากจะอ้วกอยู่แล้วพอมาอยู่ในสภาพที่ตัวเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาก็ทำเธอยกมือขึ้นปิดปากแน่นเพราะอาหารที่กินไปเมื่อคืนดันขึ้นมาจ่อที่คอแล้ว และก่อนที่อะไรจะแย่ไปมากกว่านี้
เอี๊ยด!!
ตัวเธอถูกแรงมหาศาลกระชากไปข้างหน้าแล้วทุกอย่างก็หยุดนิ่ง เธอไม่สนใจเสียงลมหายใจหอบถี่ของคนข้างกาย รีบควานมือหาที่เปิดประตู เมื่อมันเปิดออก เธอก็รีบลงจากรถทันทีแต่ไปได้ไม่กี่ก้าวเข่าก็ทรุดฮวบ
“อึ่ก…อุแหวะ!”
ฟรังก์อ้วกเอาอาหารออกมาแต่กลับไม่รู้สึกดีขึ้นเลย
“อุแหวะ!”
ระลอกสองตามมาติดๆ เธอรู้สึกมึนหัวจนทิ้งตัวลงนั่งพิงตัวรถซุปเปอร์คาร์คันหรู อยู่ๆ แสงแดดที่สาดส่องใบหน้าเธอก็ถูกทาบทับด้วยร่างสูงใหญ่ ฟรังก์หรี่ตาขึ้นมองเขา ผู้ชายในชุดหนังที่ดูหล่อเหลาและเนี้ยบไปทุกระเบียดนิ้วเขาทรุดร่างลงข้างเธอ
อะไรกันอีกวะเนี่ย…
“ไปกันเถอะครับ คุณฟรังก์” คนถูกเรียกชื่อรู้สึกมึนงงและยังหาลิ้นตัวเองไม่เจอ เธอถูกช้อนตัวให้เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่ายก่อนร่างจะลอยหวืดขึ้นจากพื้น
“ปะ ไปไหนคะ”
“ไปหาอะไรสนุกๆ ทำกัน”
เหมือนสมองไม่ประมวลผลอีกแล้ว มันทั้งปวดหนึบและมึนงงจนไม่รับรู้อะไรแล้ว
“ไอ้เชี่ยซีโร่!”
นั่นคือเสียงสุดท้ายก่อนที่ภาพจะตัดไปกลายเป็นสีดำสนิท
วินซ์เหลือบหางตามามองเธอก่อนจะขวักมือเรียก ฟรังก์จึงเดินตามเขามายังม้านั่งข้างสนามที่ร่างสูงกำลังมองการแข่งขันพลางสูบบุหรี่เข้าปอดแล้วปล่อยมันออกมาอย่างสบายอารมณ์ ดูจากการแต่งตัวสบายๆ แต่ทุกอย่างล้วนเป็นแบรนด์เนม ใบหน้านั้นเหลือบมาเห็นวินซ์แล้วยกยิ้มกว้าง ผมสีน้ำเงินนั้นแม้จะเจอแค่ครั้งเดียวก็จำได้ ชิรันนั่นเอง ราวกับเธอหลุดเข้ามาในนิยายรักสักเรื่องที่มีแต่ผู้ชายทั้งหล่อและรวยเต็มไปหมด ก่อนจะเลื่อนสายตามาเห็นฟรังก์แล้วยิ้มทักทาย เขาหยัดยืนเต็มความสูงเพื่อจะให้ฉันนั่งแทนที่เขา
“เป็นไงบ้างครับคุณฟรังก์ หลับสบายไม่ฝันร้ายเนอะ”
“อ๋อค่ะ” เธอตอบรับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ผมโทรบอกเรื่องวินซ์เรื่องเมื่อคืนแล้วครับ” อยู่ๆ เขาก็ยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหู เธอเพียงแค่พยักหน้าตอบรับแล้วเหลือบมองผู้ชายที่นั่งสูบควันบุหรี่เข้าปอดแล้วปล่อยออกมา แต่สายตาเลื่อนลอยไปยังที่ไกลแสนไกล
“แล้วเขาเป็นอะไรคะ เห็นเงียบมาตั้งแต่ที่ห้องแล้ว”
“อ่า สงสัยจะยังรับตัวเองไม่ได้ ก็มันไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนี่นา”
“คะ? อะไรนะ?” พูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่อง
“เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น ให้เวลามันหน่อยนะครับ”
ถึงจะยังไม่รู้ความแต่ก็พยักหน้าไว้ก่อน
“อากาศร้อน คุณฟรังก์เอาเครื่องดื่มอะไรดีครับ เดี๋ยวผมไปซื้อให้” ฟรังก์เหลือบมองวินซ์เล็กน้อยก่อนจะหันมาตอบ
“ขอโค้กเย็นๆ ให้วินซ์ ส่วนฉันน้ำเปล่าล่ะกันค่ะ ขอบคุณนะคะคุณชิรัน” ชายตรงหน้าหัวเราะคิกก่อนจะตอบกลับ
“คร้าบบบ” ฟรังก์หันมามองคนตัวโตที่เริ่มมีเหงื่อซึมออกจากผิวหนังด้วยความอากาศตอนนี้ร้อนมากจึงยื่นทิชชูเปียกแพ็กเล็กขึ้นมาจากกระเป๋ายื่นให้เขา
“พาฉันมาที่นี่ทำไม” เธอถามด้วยสีเนิบๆ เขายังไม่ยอมหยิบทิชชูไป ฟรังก์จึงถอนหายใจหยิบมันขึ้นมาซับเหงื่อบนใบหน้าให้ ทำวินซ์สะดุ้งหันมามองเธอเล็กน้อยก่อนจะขยับตัวออกห่าง
เป็นอะไรอีกล่ะเนี่ย
ชักจะเอาใจไม่ถูกแล้วนะ
“ขาดของเดิมพัน” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งราวกับไม่สนใจเลยว่าสิ่งที่พูดออกมาทำให้ฟรังก์รู้สึกกระวนกระวายแค่ไหน เธอก็รู้ตัวอยู่หรอกนะว่าเขาไม่ได้แยแสอะไรเลย แม้จะทำทีเป็นสนใจเธอขึ้นมาในเวลาไม่ถึงอาทิตย์ แต่ทำไมผู้ชายคนนี้นึกจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนเล่นเอาทำตัวไม่ถูกเลย
ยิ่งสิ่งที่เขาคิดจะทำครั้งนี้มันเกินไปมากเลย เมื่อได้ยินแบบนั้นฟรังก์ก็รีบลุกขึ้นตั้งท่าจะเดินออกไปจากที่นี่ทันทีที่รู้ว่าตัวเองจะกลายเป็นสิ่งของเพื่อเดิมพัน แต่กลับโดนคนข้างตัวฉุดแขนให้ร่างบางนั่งลงที่เดิมอย่างแรง
“ปล่อย! ฉันจะกลับบ้าน!”
“เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”
“วินซ์! แต่ฉันไม่ใช่สิ่งของ เธอจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้! ปล่อย!” ฟรังก์โวยวายพยายามแกะมือที่โอบรอบข้อมือของเธออยู่ออก เขาหันมามองเธอด้วยแววตาพึงพอใจ
อะไรนะ พอใจงั้นเหรอ?
อะไรนะ พอใจงั้นเหรอ?
ก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะหยักยิ้มมุมปาก มันช่างดูร้ายกาจเหมือนปิศาจ
“กลัวเป็นแล้วเหรอ”
ตัวเธอเริ่มสั่นแต่ไม่ใช่เพราะกลัวทว่าผิดหวังมากกว่า เขากลับมาเป็นคนเดิมแล้ว และอาจจะดูร้ายกว่าเดิมด้วย
หมอนี่เป็นโรคสองบุคลิกหรือไง?
“เปล่า แต่ฉันไม่ชอบ”
“ไม่ต้องกลัวไป แฟนคุณไม่แพ้หรอก”
“แต่เธอไม่สิทธิ์จะทำกับฉันแบบนี้นะ!”
“แต่คุณเป็นของผมนะ ผมจะทำอะไรกับคุณก็ได้” น้ำเสียงนั้นเย็นเยียบ ฟังดูมั่นใจมากว่าตัวเองมีสิทธิ์ตามนั้นจริงๆ นั่นทำให้เธอตัวสั่นยิ่งขึ้น สั่นด้วยความโกรธที่ค่อยๆ อัดแน่นขึ้นมาในอกจนฝ่ามือมันขยับไปเอง
เพียะ!!
ไม่ทันได้ตั้งตัวฝ่ามือฟาดลงบนแก้มจนใบหน้านั้นสะบัดไปอีกข้าง เล่นเอาวินซ์นิ่งค้างเหมือนจะช็อกกับการกระทำที่ไม่ค่อยคิดนี้ แล้วฟรังก์ไม่รอให้เขาได้สติสะบัดข้อมือให้หลุดออกจากการเกาะกุม แต่แค่ลุกขึ้นตั้งใจจะเดินหนีไปจากตรงนั้นก็กลับมีผู้ชายตัวโตคนหนึ่งเดินมาขวางหน้าเธอเอาไว้ ฟรังก์จึงเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่ด้วยสายตาอาฆาตมาดร้าย แต่ใบหน้าหล่อเหลานั้นกลับมองเลยเธอไปยังวินซ์ที่นั่งเอาลิ้นดุนกระพุงแก้มอยู่
คนพวกนี้เป็นอะไรกันไปหมด..?
หรือจริงๆ พวกเขาปกติ แต่เธอต่างหากที่บ้า
“แข่งกันสักตามั้ย” ฟรังก์ไม่สนใจที่ซีโร่พูดจึงจะเดินออกไปทางด้านข้าง แต่ก็โดนผู้ชายตรงหน้าเขยิบมาขวางทางกันเอาไว้อีกแล้ว
“ขอทางหน่อยค่ะ!” เธอกระแทกเสียงอย่างไม่ไว้หน้า พอกันที!
“เอาสิ” คำตอบรับเนิบนาบนั้นทำเอาเธอหันขวับไปมองแฟนหนุ่มที่เพิ่งโดนตบหน้าไปหมาดๆ นี่คิดจะเอาคืนกันอย่างงั้นเหรอ
“แต่ต้องมีของเดิมพันด้วยนะ”
เป็นประโยคที่ทำเอาเธอตัวชาวาบ ให้ตายเถอะ นี่คือผู้ชายที่ช่วยเธอไว้เมื่อคืนจริงดิ ไม่ทันต้องคิดเธอก็รีบเดินเลี่ยงออกทางด้านข้างเพื่อหลบหนี แต่ก็โดนผู้ชายคนนี้ขวางเอาไว้อีกแล้ว! ทั้งที่เธอจ้องเขาเขม็งขนาดนั้น แต่เขากลับก้มหน้าลงมายิ้มแถมยังขยิบตาให้อีกต่างหาก
อะไรกันฟะเนี่ย!
อยากจะสถบออกมาดังๆ!
“ได้”
สิ้นคำพูดนั้นผู้ชายข้างหลังก็เดินมากระชากแขนเธอให้เดินตามไปยังรถซุปเปอร์คาร์ที่จอดเช็กเครื่องยนต์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเหวี่ยงร่างบางเข้ากับประตูรถที่ตอนนี้ร้อนจี๋เพราะอากาศของประเทศไทย ฝ่ามือใหญ่กดหัวไหล่ของเธอลงกับรถ ส่วนอีกข้างก็กำรอบคอผู้หญิงตรงหน้า ฟรังก์ตกใจจนร่างกายกระตุก ยิ่งเจอกับแววตาวาวโรจน์อัดแน่นไปด้วยอารมณ์โกรธ
“คุณตบผม”
“…” เพิ่มแรงบีบที่คอมาขึ้นจนรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออก
“ลองตบกันอีกทีสิ” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเย็นยะเยือกจนน่าขนลุก “คุณได้แหลกคามือผมแน่”
อยู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าที่มีรังสีอำมหิตแผ่ออกมาตัวโตขึ้นเรื่อยๆ สายตาเลือดเย็นที่มองลงมาทำกลืนน้ำลายลงคอได้ยากลำบากขึ้น พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้สั่นแต่มันช่างยากเหลือเกินเมื่ออยู่ต่อหน้ามุจราช
ผู้ชายคนนี้น่ากลัวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่…
ปึง
รู้สึกตัวอีกทีเธอก็มานั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าออกอย่างกระหายอากาศมากมาย อยู่ๆ ก็รู้สึกมวนท้อง แน่นหน้าอก หายใจติดขัด ฝ่ามือเริ่มชื่นเหงื่อจนเธอต้องกำมันแน่นเผื่อว่าจะช่วยระบายมวลอารมณ์ที่อัดแน่นอยู่ในอก แต่มันไม่ช่วยเลย เธอเลื่อนมือสะเปสะปะบนประตูเพื่อหาปุ่มกดเปิดกระจก แต่ยังหาไม่เจอด้วยซ้ำอยู่ๆ แรงอัดมหาศาลก็ทำให้ร่างบางจมลงกับเบาะ เธอหลับตาปี๋ไม่กล้าลืมตาขึ้นมามอง แต่ถึงจะไม่ได้มองเธอก็รู้สึกได้ถึงความเร็วสูง มีบางช่วงที่ร่างเธอเหวี่ยงไปทางซ้ายแล้วก็ขวาตามแรงเลี้ยวของตัวรถ นั่นทำให้เธอเหมือนอยู่ในเครื่องเล่นผาดโผนสักอย่าง จากที่อยากจะอ้วกอยู่แล้วพอมาอยู่ในสภาพที่ตัวเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาก็ทำเธอยกมือขึ้นปิดปากแน่นเพราะอาหารที่กินไปเมื่อคืนดันขึ้นมาจ่อที่คอแล้ว และก่อนที่อะไรจะแย่ไปมากกว่านี้
เอี๊ยด!!
ตัวเธอถูกแรงมหาศาลกระชากไปข้างหน้าแล้วทุกอย่างก็หยุดนิ่ง เธอไม่สนใจเสียงลมหายใจหอบถี่ของคนข้างกาย รีบควานมือหาที่เปิดประตู เมื่อมันเปิดออก เธอก็รีบลงจากรถทันทีแต่ไปได้ไม่กี่ก้าวเข่าก็ทรุดฮวบ
“อึ่ก…อุแหวะ!”
ฟรังก์อ้วกเอาอาหารออกมาแต่กลับไม่รู้สึกดีขึ้นเลย
“อุแหวะ!”
ระลอกสองตามมาติดๆ เธอรู้สึกมึนหัวจนทิ้งตัวลงนั่งพิงตัวรถซุปเปอร์คาร์คันหรู อยู่ๆ แสงแดดที่สาดส่องใบหน้าเธอก็ถูกทาบทับด้วยร่างสูงใหญ่ ฟรังก์หรี่ตาขึ้นมองเขา ผู้ชายในชุดหนังที่ดูหล่อเหลาและเนี้ยบไปทุกระเบียดนิ้วเขาทรุดร่างลงข้างเธอ
อะไรกันอีกวะเนี่ย…
“ไปกันเถอะครับ คุณฟรังก์” คนถูกเรียกชื่อรู้สึกมึนงงและยังหาลิ้นตัวเองไม่เจอ เธอถูกช้อนตัวให้เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่ายก่อนร่างจะลอยหวืดขึ้นจากพื้น
“ปะ ไปไหนคะ”
“ไปหาอะไรสนุกๆ ทำกัน”
เหมือนสมองไม่ประมวลผลอีกแล้ว มันทั้งปวดหนึบและมึนงงจนไม่รับรู้อะไรแล้ว
“ไอ้เชี่ยซีโร่!”
นั่นคือเสียงสุดท้ายก่อนที่ภาพจะตัดไปกลายเป็นสีดำสนิท
