ตอนที่ 4 ได้ใช้ชีวิตสงบสุขที่ใฝ่หา 1
ร้านอาภรณ์ถังอวิ้น
ไป๋เล่อชิงเห็นเฉิงเอินกับพี่สะใภ้ยืนรออยู่ก่อนแล้วตรงหน้าประตูทางเข้า
เฉิงเอินโบกมือ “ชิงชิง ทางนี้”
นางจึงรีบเดินไปหาทันที เมื่อถึงก็จับมือสหายพลางยิ้มร่า “เฉิงเอินของข้า คิดถึงๆ”
เฉิงเอินว่า “ข้านึกว่าท่านพี่อู๋ของเจ้าไม่ยอมให้มา เห็นว่าเขาอาจจะจับเจ้าขังไว้ในเรือนแล้วนั่งเฝ้าไม่ห่าง อย่างกับผู้คุมกับนักโทษอันใดเทือกนั้นเสียอีก สงสัยว่าคงหายโกรธแล้วเป็นแน่ จึงใจดีอนุญาตให้เจ้าออกมาเที่ยว”
ผู้ถูกเย้ารีบเถียง “ไม่ใช่เสียหน่อย ท่านพี่อู๋ไปทำงานไม่รู้ว่าข้าออกมา ส่วนแม่สามีแค่พักผ่อนยามบ่ายไม่ให้ใครรบกวน ข้าจึงออกมาได้โดยสะดวกต่างหากเล่า”
“อ้อ...” เฉิงเอินทำเสียงสูงสนุกสนาน “เช่นนี้นี่เอง แสดงว่าเขายังไม่หายเคืองเจ้าสินะ เป็นไร? กลัวกระมัง ถึงหนีจากเรือนมาเจอข้า อยากให้ข้าปลอบใจหรือไม่เล่า”
ถูกรู้ทันจนได้ “ก็ใช่น่ะสิ สามีข้าน่ากลัวอยู่นะ ไม่อยากคุยกับเจ้าแล้ว” หันไปทางสตรีอีกคนดีกว่า
“ข้าคิดว่าพี่ชายเฉิงมากกว่านะที่หวงแหนพี่สะใภ้ลู่ยิ่งกว่าใคร ไม่ค่อยให้ออกจากเรือนง่ายๆ นี่นา” ว่าพลางปรายตามองยิ้มๆ อย่างต้องการหยอกเย้า
ลู่หว่านคือสะคราญโฉมที่ไป๋เล่อชิงกล่าวถึง
“ชิงเอ๋อร์ก็พูดเกินไป” นางเขินอายยิ่ง
“ไม่เกินไปเลยเจ้าค่ะ พี่ลู่งดงามหยาดเยิ้มปานนี้”
“เจ้าเองก็งาม ทั้งยังน่ารัก”
“อุ๊ย!” ไป๋เล่อชิงทำท่าบิดตัวเคอะเขินเกินจริง
“พี่สะใภ้ แล้วข้าเล่า งดงามหรือไม่” เฉิงเอินถาม
ลู่หว่านหัวเราะออกมา “แน่นอนว่าเจ้างามที่สุด”
“ใช่แล้ว สหายข้างามเหนือใคร” ไป๋เล่อชิงยิ้มว่า
“อา...แต่ข้ายอมแพ้เจ้าคนหนึ่ง ให้เจ้างามกว่า”
“อันใดกัน ใจดีเกินไปแล้ว”
ทั้งสามหัวเราะคึกครื้น พวกนางมักเป็นเช่นนี้เสมอ พูดจาชื่นชมกันและกันไปมาเหมือนทุกครั้งที่เจอหน้า สร้างบรรยากาศแสนดีระหว่างมิตรสหายได้ทุกครา
หากเอ่ยตามจริงสตรีทั้งสามงดงามคนละแบบ ลู่หว่านอ่อนหวานหยาดเยิ้ม เฉิงเอินใบหน้าคิ้วตาหมดจด ส่วนไป๋เล่อชิงยิ่งสะสวย นอกจากใบหน้าจิ้มลิ้มยังมีลักยิ้มที่น่ารัก เรียกได้ว่างดงามและมีกิริยาน่ารักโดยธรรมชาติ ทรวดทรงองเอวหรือก็ยังโค้งเว้าอรชร ความงามงอนเช่นนี้โดดเด่นเสียจนสะดุดตา พาให้ถูกสตรีอื่นริษยาบ่อยๆ โดยเฉพาะพี่หญิงน้องหญิงในจวนสกุลเดียวกัน
นอกจากรูปร่างยังมีสิ่งที่ทำไป๋เล่อชิงน่าจดจำคือนางเป็นเจ้าของนัยน์ตาเศร้าชวนทะนุถนอมมาก
อาจเป็นเพราะนางกับมารดาถูกนายหญิงใหญ่กับบุตรสาวคนโตรังแกตลอดมาจนหาความสุขแทบไม่มี ต่อมามารดายังตายจาก ทิ้งนางไปตั้งแต่วัยเยาว์
ไป๋เล่อชิงจึงเป็นเด็กที่อมทุกข์อมโศกมาก แต่นับว่าโชคดีที่ไม่อมโรคด้วย
‘ข้าจะต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรงและดูดีทุกเวลาไม่ว่าจะแตกสลายแค่ไหน คนชั่วต้องไม่มีทางเห็นว่านางอ่อนแอรังแกง่าย’
นี่คือวาจาติดกายของนางที่มีมาแต่ไหนแต่ไร จึงทำให้เผยด้านที่สดใสแม้ดวงตายังคงมีนัยน์เศร้าลึกอยู่ ไป๋เล่อชิงจึงเป็นหญิงงามที่ย้อนแย้งแต่มีเสน่ห์เฉพาะตัว
ลู่หว่านคลี่ยิ้มกล่าว “พวกเจ้าอย่ามัวหยอกกันเลย เดี๋ยวหมดเวลาซื้อของ ไม่ทันได้เลือก ต้องรีบกลับบ้าน”
“อา...จริงด้วย มาเถอะๆ สตรีออกเรือนแล้วไม่ควรอยู่ข้างนอกนานเกินไปจะดูไม่งาม” เฉิงเอินหันรีหันขวางจูงมือไป๋เล่อชิงกับพี่สะใภ้คนละข้างเดินเข้าไปด้านในร้าน “พี่สะใภ้ ข้าจะซื้อผ้าตัดเสื้อใหม่ให้หมิ่นเอ๋อร์เยอะหน่อย”
“เด็กเล็กโตเร็ว เจ้าเอาแต่พอดีเถอะ”
ไป๋เล่อชิงได้ยินเช่นนั้นก็ว่า “ข้าซื้อฝากหมิ่นเอ๋อร์ด้วยเจ้าค่ะ”
“ได้ๆ แต่เจ้าดูเผื่อไว้ให้ลูกของตัวเองด้วยจึงจะดี อย่านึกถึงแต่ลูกของข้าเชียว”
เฉิงเอินได้ทีหันมาเย้า “ว่าแต่ชิงชิงของเรา กำลังจะมีเจ้าก้อนแป้งบ้างหรือยังหนอ ข้ารอตัดเสื้อใหม่ให้อยู่นะ”
คนถูกเย้าถอนหายใจก้มดูท้องที่ว่างเปล่าของตน
แต่งงานสามเดือนแล้ว สามีก็ขยันขันแข็งลงโทษและรังแกนางเกือบทุกคืนตามความผิดติดตัวมาแท้ๆแต่กลับยังไม่มีข่าวดี ทั้งที่เขาดุดันแข็งแกร่งออกปานนั้น...
ครั้นคิดถึงตรงนี้ ไป๋เล่อชิงก็พลันเห็นภาพวาบหวิวเป็นกล้ามหน้าท้องของอู๋หมิงโดยไม่ได้ตั้งใจ
ความหวั่นไหวก่อเกิดในใจทันใด พาลให้แก้มนุ่มเกิดริ้วแดงซ่านมิอาจห้าม นางรีบดึงสติคืนมาก่อนว่าต่อ “ไม่มีความเคลื่อนไหวเลย ระดูก็เพิ่งมาวันนี้”
