ตอนที่ 2 แต่งออกเหมือนสาดน้ำ 1
หลังจากนั้นไม่นาน จวนสกุลไป๋ก็มีงานมงคล
ทว่าแววตาของผู้อาวุโสแต่ละคนกลับไร้แววชื่นมื่นมิหนำซ้ำบนใบหน้ายังไร้รอยยิ้มสุขใจอย่างที่ควรจะเป็น แม้แต่เสแสร้งฝืนใจแกล้งทำท่าทียินดีก็ยังไม่มี
ยิ่งได้เห็นผู้เป็นเจ้าสาวเดินเข้ามาในโถงพิธีก็แทบเมินหน้าหนี แต่ฤกษ์งามยามดีเช่นนี้จะทำเมินได้อย่างไร พวกเขาจำต้องทำตามขั้นตอนให้เสร็จสิ้นไปแต่โดยดี บุตรสาวผู้นี้ไม่สมควรอยู่สกุลไป๋อีกต่อไปแม้แต่เค่อเดียว
ท่ามกลางผู้คน สายตานั้นของผู้อาวุโสบ้านตนแม้อยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีแดงแต่ไป๋เล่อชิงก็ยังรับรู้ได้
ทว่าแล้วอย่างไร? ใครอยากสนใจกัน?
ตอนนี้นางเหนื่อยแล้ว พอแล้ว
ในเมื่อไม่เคยมีใครใส่ใจ ไม่เคยเห็นค่าเลยสักครา นางก็ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแม้แต่เค่อเดียวเช่นกัน
การแต่งงานและออกไปให้พ้นๆ คนสกุลไป๋แห่งนี้คือหนทางเดียวเท่านั้น!
ไป๋เล่อชิงเชิดหน้าเย่อหยิ่ง ท่าทีจองหองทะนงตนขณะก้าวเท้าเดินออกจากจวนไป๋อย่างแน่วแน่มั่นคง
ไม่คิดหันหลังกลับมาอีก!
เรือนสกุลอู๋
หลังเสร็จสิ้นพิธีการ กระทั่งส่งตัวเจ้าสาวมานั่งรอในห้องหออย่างสงบเสงี่ยม
เจ้าบ่าวอยู่ร่วมดื่มสุรารับคำอวยพรที่โถงหน้าเสร็จย่อมถึงเวลามงคลที่แท้จริง
เวลาล่วงเลยอย่างเชื่องช้า ในที่สุดเจ้าบ่าวก็เข้ามาตามฤกษ์งามที่กำหนดเอาไว้
ผ้าคลุมหน้าถูกเปิดออก ไป๋เล่อชิงจึงเห็นเจ้าบ่าว นางเงยหน้ามองเขาเงียบงัน มีแววขัดเขินกระดากอายอยู่ในดวงตานั้น ทว่ากลับน้อยกว่าแววสำนึกผิดอ่อนจางนางเห็นเขาค่อยๆ หย่อนกายนั่งลงตรงขอบเตียงด้านข้างด้วยสีหน้าราบเรียบยากหยั่งถึงห้วงอารมณ์ หรือบางที เขาอาจเป็นคนที่ไร้อารมณ์อย่างสิ้นเชิงก็เป็นได้
อู๋หมิง คือนามของเขา
บุรุษร่างสูง หน้าตาคมสัน บุคลิกนิ่งขรึมเย็นชาไม่ค่อยพูดจา หากถามว่าหล่อเหลางามสง่าหรือไม่ก็คงตอบได้ว่าใช่ เพียงแต่อาจไม่เต็มปากนัก
เนื่องจากตัวเขามีท่วงท่าทึมทื่อไปสักหน่อย ทั้งยังดูใสซื่อบริสุทธิ์ไม่ทันคนและไร้เดียงสาไม่น้อย
บุรุษส่วนใหญ่ที่สตรีพึงใจล้วนต้ององอาจผึ่งผายปราดเปรียวเฉลียวฉลาดโดดเด่น
แต่อู๋หมิงผู้นี้กลับตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง
โดยเฉพาะตอนที่เขาทำหน้านิ่งๆ อึมครึมเช่นนี้ ช่างดูเรียบเฉยไร้เสน่ห์เหลือเกิน
ไม่โดดเด่นดึงดูดสายตาเอาเสียเลย
กระนั้นไป๋เล่อชิงกลับมิได้รังเกียจเลยสักนิด
ดีเสียอีก จะได้ไม่มีสตรีอื่นมาแย่งชิงให้ปวดหัว
การแต่งงานที่จวนตัวกับเขา ในข้อหาไร้ยางอาย เป็นสตรียังไม่ออกเรือนกลับอยู่กับผู้ชายสองต่อสอง คล้ายหนีตามกันวันนั้น ทำตัวเสื่อมเสียฉาวโฉ่จนจวนไป๋รีบแต่งให้นางออกจากบ้านวันนี้ ก็เป็นนางเองที่ลงมือกระทำอย่างสมยอม
ก่อนนี้นางมีคู่เหมยเขียวม้าไม้ไผ่ นามว่าฉางเฟิง ตั้งแต่เยาว์วัยพวกเราตกลงคบหาหมายหมั้นพัฒนาความสัมพันธ์ไปถึงขั้นแต่งงาน
แต่ทว่ายิ่งเติบใหญ่ ฉางเฟิงก็ยิ่งรูปงามหล่อเหลาเปี่ยมสง่าราศีเป็นที่พึงใจของอิสตรี
ในขณะที่พี่หญิงของนาง เดิมทีไม่เคยสนใจหรือมีความเสน่หาต่อฉางเฟิงกลับเข้าหาเขาอย่างจงใจ
และฉางเฟิงก็หวั่นไหว!
ท้ายที่สุดเขาก็เปลี่ยนใจจากนางอย่างสิ้นเชิง...
แน่นอนนางเสียใจ แต่สิ่งที่ช้ำใจยิ่งกว่าคือผู้อาวุโสที่บ้านสกุลไป๋ล้วนเป็นใจให้สองคนนั้นแต่งงานกัน
ช่างไร้มโนธรรม!
