ตอนที่ 1 ข้าไม่ยอม 2
ฉางเฟิงจึงรีบทำท่าง้องอนเต็มที่ เขาไม่อยากเสียไป๋เล่อชิงไป “ชิงชิง เจ้าใจเย็นก่อน”
ไป๋เล่อชิงเกือบใจอ่อนอยู่แล้วเชียว อย่างน้อยก็ยังอาจจะเหลือเยื่อใยในฐานะสหายที่หวังดีต่อไป แต่เมื่อเหลือบเห็นสีหน้าสตรีนางนั้นที่ยกยิ้มตรงมุมปาก สีหน้าคล้ายสาสมใจอย่างมาก นางก็ให้รู้สึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน โกรธจนคล้ายมีควันพุ่งออกใบหู
ที่แท้ก็เช่นนี้ สตรีคนนั้นจงใจให้นางมาเห็นสินะ!
ฮึ! ดี!
แผนการแย่งชิงนับว่าดี
บุรุษเช่นนี้อยากได้ก็เอาไปเถอะ!
กล่องไม้ใส่อาหารถูกเขวี้ยงลงพื้นดังโครม ทั้งขนมและป้านน้ำชาตกกระเด็นแตกกระจายดังเพล้งๆ ทั้งหมดพลันกลายเป็นอาวุธร้าย
“กรี๊ดดดด” หญิงแพศยากรีดร้องสุดเสียง ท่าทางที่เสแสร้งนั้นทำเหมือนตกใจอย่างมาก เสียขวัญอย่างยิ่ง
ฉางเฟิงรีบเข้าไปปกป้อง “น้องฉิน”
“พี่เฟิง น้ำร้อนเจ้าค่ะ ถูกเศษกระเบื้องบาดด้วย ข้าเจ็บเหลือเกิน ฮือ...”
อ่อนแอปวกเปียกปรารถนาการปกป้องทะนุถนอมอย่างที่สุด
“โอย พี่เฟิง ข้าจะตายหรือไม่เจ้าคะ ข้ากลัวเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยิน เขารรีบหันมามองไป๋เล่อชิงตาขวาง “ชิงชิง เจ้าทำอะไร เกินไปกระมัง”
ว่าอย่างไรนะ
มารยาแค่นี้ก็มองไม่ออกเรอะ
ไป๋เล่อชิงยิ่งให้รู้สึกเหมือนฟ้าใกล้ถล่มดินทลาย นางเดินปราดเข้าไปหยิบกล่องไม้ใส่อาหารขึ้นมาจากพื้น แล้วเขวี้ยงใส่ศีรษะของฉางเฟิงดังโป๊ก
ของแข็งกระแทกอย่างรุนแรงเชียวล่ะ
แต่ไป๋เล่อชิงไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายหัวแตกเลือดอาบแค่ไหน เพราะนางรีบวิ่งหนีออกมาไกลลิบแล้ว
หลังจากวันนั้นจนวันนี้นับดูอีกทีก็สิบวัน
ไป๋เล่อชิงร้องไห้จนตาบวมจากนั้นก็เก็บตัวสงบใจเก็บอารมณ์อยู่แต่ในเรือน ไม่ออกนอกประตูแม้ครึ่งก้าว ทุกคนในจวนเข้าใจว่านางป่วย
เดิมทีไป๋เล่อชิงเป็นสตรีที่มีนิสัยพูดน้อยปากเงียบและเรียบง่าย มีเพียงตอนที่เจอเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจถึงได้เผยด้านมืดออกมา
ครั้นปรับตัวปรับใจของตนเองได้แล้ว ไป๋เล่อชิงจึงออกจากเรือนส่วนตัวเสียที หากยังทำตัวป่วยอยู่ เกรงว่าจะถูกคนในจวนรังเกียจถึงขั้นส่งไปรักษาตัวที่วัดห่างไกล
วันนี้นับว่าอากาศดีแสงแดดอบอุ่น นางจึงเดินเล่นมาทางสวนพฤกษา พลันเห็นพี่หญิงคนงามกำลังนั่งจิบชาในศาลาพูดคุยกับนายหญิงใหญ่อย่างรักใคร่
“ท่านแม่ ข้าพึงใจคุณชายฉางเจ้าค่ะ” ไป๋หลินเอ่ยอย่างขัดเขิน “เขาเองก็คล้ายจะมีไมตรีต่อข้าเช่นกัน”
“หลินเอ๋อร์ เจ้าแน่ใจแล้วหรือไม่” ผู้เป็นมารดาถาม
“ข้าแน่ใจแล้วเจ้าค่ะ แต่น้องรอง นางจะยอมหรือ”
น้องรองของไป๋หลินก็คือไป๋เล่อชิงนั่นเอง และใช่ คุณชายฉางก็คือฉางเฟิง ชายคนรักของไป๋เล่อชิง
“นางมีสิทธิ์ไม่ยอมด้วยหรือ? หึ! แม่จะทำให้เจ้าได้แต่งกับฉางเฟิงทันที เจ้าเป็นพี่ ต้องแต่งก่อนน้องอยู่แล้ว ถึงเวลานั้น นางยังจะกล้าปริปากว่าไม่ยอมได้ก็ลองดู”
สิ้นเสียงนายหญิง ไป๋เล่อชิงที่บังเอิญแอบได้ยินพลันเบิกตากว้าง
นางรีบออกมาห้าม “ไม่นะ ข้าไม่ยอม”
สองแม่ลูกมองขวับ นายหญิงใหญ่พลันมีโทสะ หันไปสั่งบ่าวรับใช้
“พาชิงเอ๋อร์กลับเรือนไปซะ”
ไป๋เล่อชิงถูกจับตัวเอาไว้ทันใด “ไม่นะ แม่ใหญ่! พี่หญิงจะแต่งกับฉางเฟิงไม่ได้”
“รีบลากตัวไป! ปิดปากนางด้วย”
“อุ๊บ อื้อๆ”
สตรีจอมหึงหวงถูกพาตัวออกไปในสายตาแม่ลูก
หากแต่แท้จริงนั้น สาเหตุที่นางห้ามปรามไม่ใช่เพราะหึงหวงฉางเฟิง แต่กำลังหวังดีต่อไป๋หลินต่างหาก เหตุใดไม่ฟัง!
ไป๋เล่อชิงได้แต่ร่ำร้องในใจ โปรดอย่าเข้าใจข้าผิด
ในศาลาแห่งเดิม
ไป๋หลินกล่าวกับมารดาอย่างเป็นกังวล “ท่านแม่ ข้าไม่ไว้ใจชิงเอ๋อร์เจ้าค่ะ เห็นได้ชัดว่านางไม่มีทางรามือ ท่าทางหวงแหนปานนั้น ต่อให้ข้าแต่งเป็นภรรยาของคุณชายฉางแล้วก็ใช่ว่านางจะไม่คิดแย่งคืน ถึงอย่างไร คุณชายฉางกับนางก็มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมาช้านาน ตำแหน่งอนุก็ยังว่าง ข้าไม่อยากแบ่งปันสามีให้นาง”
ไป๋ฮูหยินเหยียดยิ้ม “เจ้าอย่าได้ห่วง แม่จะรีบจัดการให้ชิงเอ๋อร์แต่งงานออกเรือนไปซะ”
ไป๋หลินยังไม่คลายกังวล “นางจะได้เป็นภรรยาเอกหรือไม่เจ้าคะ? ข้าอยากให้นางเป็นแค่อนุ”
“คงไม่ได้หรอก พ่อเจ้าต้องการเส้นสายอีกมาก แม่คิดจะให้นางเป็นภรรยาเอกนั่นล่ะ”
“เช่นนี้ว่าที่สามีของนางคือใครหรือเจ้าคะ หากนางได้สามีดีกว่า ข้าไม่ยอมนะเจ้าคะ”
“แน่นอนว่าเจ้าต้องเหนือกว่าอยู่แล้ว แม่จะให้นางแต่งกับพ่อหม้ายลูกติด ทั้งยังมีอนุอีกหลายคน แค่เท่านี้ ทั้งวันทั้งคืนย่อมยุ่งอยู่แต่กับหลังเรือนตัวเอง ไม่มีเวลาว่างมายุ่งกับฉางเฟิงอีกต่อไป”
“โอว...” ไป๋หลินยกมือป้องปาก ทำท่าตกใจมาก “แค่คิดก็เหนื่อยแทนแล้วเจ้าค่ะ”
“หึหึ ตำแหน่งภรรยาเอกของนางยิ่งใหญ่เชียวล่ะ”
“ท่านแม่ช่างรอบคอบนัก หากให้น้องรองเป็นอนุ นางคงว่างมาก รอเพียงปรนนิบัติสามีไปวันๆ”
แม่ลูกคุยกันอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น
