บทที่ 26 ไม่อาจรักหมดใจ (2/3)
เจ้าชายนาร์เมอร์นิ่งอึ้งไปอีกครั้ง ยามนั้นพระองค์กำลังประชวร ความคิดอ่านอ่อนล้าอย่างยิ่ง พระองค์จึงลืมคิดไปว่าฟาโรห์เซิร์คต้องให้ทหารมาเฝ้าระวังความปลอดภัยให้พระองค์อีกชั้นหนึ่ง
เช่นนี้ข้าควรทูลเรื่องที่อันนิสารภาพออกมา เชื่อได้ว่าแม้เสด็จพ่อไม่ทรงเชื่อแต่น่าจะทรงรับฟัง เจ้าชายนาร์เมอร์แน่พระทัยในเรื่องนี้
“เรื่องที่ข้าจะทูลต่อไปนี้ ข้ากล้าสาบานต่อทวยเทพทุกองค์แห่งอียิปต์บนว่าทุกเรื่องเป็นความจริงทั้งสิ้น”
“ได้ เจ้าว่ามา”
“เรื่องทั้งหมดที่ข้าจะเล่า ข้าได้รับความช่วยเหลือจากนัซย่า ข้าจึงได้รู้เรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน อย่างที่เสด็จพ่อทรงทราบ พวกคุชล้วนปากแข็ง นัซย่าจึงให้ยากล่อมประสาทกับพวกมันเพื่อรีดความลับ”
“ยากล่อมประสาท? มันคือยาอะไร ชื่อของมันฟังดูไม่ดีเลย”
“ยากล่อมประสาทจะทำให้คนที่ได้รับไม่มีสติอยู่กับตัว เมื่อพวกมันได้รับยานี้ ไม่ว่าถามอะไรพวกมันก็จะบอกทุกอย่าง”
“เป็นยาที่น่ากลัวนัก” ฟาโรห์เซิร์คตรัสอย่างเคร่งเครียด
“คนร้ายที่บุกบ้านเซเตมคืนวันนั้นเป็นนักรบชาวคุชที่ถูกว่าจ้างให้มาฆ่าข้าและคนในบ้านทั้งหมด อันนิถูกทหารของอนูคซ้อมจนมันยอมสารภาพว่าผู้ที่ว่าจ้างคือเฮเซ็ทโดยมีราชินีเนบเซมิรู้เห็นเป็นใจ และเฮเซ็ทยังกล่าวว่าหากข้ายังอยู่ เสด็จพ่อไม่มีวันแต่งตั้งมันเป็นรัชทายาท ราชินีเนบเซมิตรัสตอบว่า ก็ฆ่ามันเสียสิ ซากิอาห์ แม่ของมันยังไม่พ้นมือข้ามาแล้ว นับประสาอะไรกับนาร์เมอร์”
มองเห็นฟาโรห์เซิร์คนิ่งอึ้งด้วยท่าทีว่าทรงคาดไม่ถึงกับเรื่องราวที่ได้ยิน
ฟาโรห์เซิร์คนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตรัสออกมา “เรื่องเฮเซ็ท ข้าไม่แปลกใจ ทุกคนในวังรู้อยู่แล้ว แต่เนบเซมิ...มิใช่ว่านางเป็นสหายรักของซากิอาห์และยังรักใคร่เจ้ามาก?”
“เสด็จพ่อคงไม่เคยได้ยินคำนี้ ‘เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด’ นี่เป็นคำที่อธิบายราชินีเนบเซมิได้ดีที่สุด”
ฟาโรห์เซิร์คต้องพยักพระพักตร์อย่างเห็นด้วย ช่างเป็นคำที่อธิบายได้ลึกซึ้งจริงๆ
“เป็นคำที่แปลกแต่ชัดเจนดี คงเป็นนัซย่าล่ะสิที่ใช้คำนี้” ตรัสชมออกมา
“พ่ะย่ะค่ะ เป็นนาง ดังนั้น ข้าจึงเชื่อว่าที่เสด็จแม่สวรรคตเป็นฝีมือของราชินีเนบเซมิแน่นอน นางวางยาพิษเสด็จแม่”
“เจ้ามีเหตุผลอะไรจึงเชื่อว่าเนบเซมิวางยาพิษแม่ของเจ้า”
คำอธิบายทั้งหมดที่นัซย่าเคยกล่าวให้เจ้าชายนาร์เมอร์ฟังถูกเล่าออกมาอย่างละเอียด พระองค์จดจำได้ทุกคำพูดของนาง เพราะทุกอย่างที่นางอธิบายตั้งแต่ที่ราชินีเนบเซมิออกปากกับราชินีซากิอาห์ ให้ฟาโรห์เซิร์ครับพระนางเป็นราชินีจนมาถึงคำอธิบายถึงพระอาการของราชินีซากิอาห์ในวาระสุดท้าย ล้วนกระจ่างชัดจนไร้ข้อโต้แย้ง โดยเฉพาะภาพสุดท้ายของราชินีซากิอาห์ที่ทุกข์ทรมานอย่างยิ่งได้ฝังลึกในพระทัยตลอดมา
ฟาโรห์เซิร์คนิ่งฟังอย่างไตร่ตรอง พระเนตรฉายแววครุ่นคิดตามคำที่เจ้าชายนาร์เมอร์เล่าออกมา
“ดังนั้น จากพระอาการของเสด็จแม่ก่อนสวรรคตและคำอธิบายทั้งหมดของนัซย่า ข้าจึงเชื่อจนหมดใจว่าราชินีเนบเซมิวางยาพิษเสด็จแม่และข้า แต่เผอิญวันนั้น เทพอะนิวบิส***ยังไม่ต้องการดวงวิญญาณของข้า ข้าจึงติดราชกิจจนล่าช้ากว่าจะไปร่วมโต๊ะเสวย เสด็จแม่จึงเป็นผู้เดียวที่ต้องเสด็จไปกับเรือสุริยะของสุริยเทพรา”
“ข้าเชื่อ” ฟาโรห์เซิร์คตรัสออกมาหลังจากนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่
“เสด็จพ่อ !” เจ้าชายนาร์เมอร์อุทานออกมาอย่างทั้งตกพระทัยและดีพระทัย
“เจ้าไม่ใช่คนเช่นเฮเซ็ท ไม่เคยออกปากให้ร้ายผู้ใด ทั้งพฤติกรรมของเฮเซ็ท ทุกคนก็รับรู้มานาน ส่วนเนบเซมิ นางทำให้ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ” ฟาโรห์เซิร์คให้เหตุผล
“เรื่องเฮเซ็ท จริงๆ ข้าลงโทษมันให้เจ้าได้เลย แม้คำสารภาพของอันนิดูจะเป็นหลักฐานที่อ่อนไปสักหน่อยก็ตาม แต่เนบเซมิ ทำไม่ได้ อย่างที่นัซย่าบอกเจ้า ทั้งหมดเป็นเพียงข้อสันนิษฐานของนางที่เข้าเค้าที่สุด แต่มันไม่ใช่หลักฐาน คิดลงโทษนาง เจ้าก็ต้องมีหลักฐาน เจ้าเร่งหาหลักฐานมาให้ได้ แล้วข้าจะจัดการให้”
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”
“นาร์เมอร์” เสียงเรียกแผ่วเบาดังขึ้นกลางดึกของคืนวันหนึ่งในห้องบรรทมของเจ้าชายนาร์เมอร์
พระเนตรที่หลับอยู่พลันลืมขึ้นอย่างรวดเร็ว แสงเทียนสลัวรางที่มุมห้องทำให้พอมองเห็นภายในห้องได้ กวาดตามองครู่เดียวก็เห็นเงาร่างในชุดสีดำสนิทเข้ารูป เผยให้เห็นเส้นสายของสัดส่วนอันเย้ายวน เพียงทอดพระเนตรก็จดจำได้ทันทีว่าเป็นผู้ใด พระองค์ผุดลุกขึ้นก่อนจะก้าวเข้าไปหาร่างนั้น พระหัตถ์รั้งร่างงามทรงเสน่ห์เข้ามาในอ้อมกอด จุมพิตอุ่นจัดทาบทับริมฝีปากนุ่มหวาน ลิ้นร้อนตวัดพัวพันลิ้นเล็กอย่างหนักหน่วง ครู่ใหญ่กว่าจะทรงยอมถอนจุมพิตออก
“ข้าคิดถึงเจ้านัก นัซย่า คิดถึงตลอดเวลา” ตรัสกระซิบข้างหูนาง แก้มเนียนถูกจุมพิตหนักๆ ทั้งสองข้างคล้ายเพื่อยืนยันคำพูด เพราะผ่านมาแล้วถึงสิบวัน นัซย่าจึงลอบเข้ามา จากตอนแรกที่เธอบอกว่าจะเข้ามาหลังจากพระองค์กลับมาแล้วสามสี่วัน
“ข้าก็คิดถึงท่าน” เธอบอกตามตรง
คำตอบนี้ทำให้จุมพิตร้อนทาบทับริมฝีปากของเธออีกครั้ง เนิ่นนานกว่าจุมพิตแรกนักกว่าที่ริมฝีปากของเธอจะเป็นอิสระ พระองค์โอบกอดนางในดวงใจแน่น พระพักตร์ซบอยู่กับผมดำสนิทที่ถูกรวบเป็นมวยสูงเพื่อความคล่องตัวในการเคลื่อนไหว
“ทำไมเจ้าเข้ามาช้านัก” ตรัสถามคล้ายทรงต่อว่าและตัดพ้อไปพร้อมกัน
“ข้าไม่แน่ใจว่าพวกมันจะจับตาดูท่านมากน้อยแค่ไหน จึงจงใจทิ้งระยะเวลามากขึ้นเพื่อให้พวกมันตายใจ เพราะยิ่งท่านนิ่งเฉยนานเท่าใด พวกมันยิ่งไม่ระแวง การสืบหาหลักฐานยิ่งง่ายขึ้น”
ฟังคำตอบของนางแล้ว พระองค์ต้องชื่นพระทัยนัก นางรอบคอบอย่างยิ่งและทำทุกอย่างเพื่อพระองค์ จุมพิตร้อนถูกมอบให้นางอีกครั้งเพื่อขอบคุณจากหัวใจ ครู่หนึ่งจึงค่อยถอนจุมพิตออกอย่างอ้อยอิ่ง
“เจ้ามาหาข้าเวลานี้ ไม่มีใครพบเห็น ใช่หรือไม่” ตรัสถามอย่างเป็นห่วง พระโอษฐ์ยังคงคลอเคลียที่แก้มเนียน นัซย่าต้องเขินอายไม่น้อยกับการแสดงออกนี้แต่ก็มีความสุขอย่างยิ่ง
