บท
ตั้งค่า

บทที่ 24 สารภาพรัก (3/3)

และโดยไม่มีใครคาดคิด พระหัตถ์ข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นมาเกาะกุมต้นคอของเธอไว้ป้องกันมิให้เธอเบือนหน้าหนี จุมพิตร้อนผ่าวทาบทับริมฝีปากงาม นัซย่าตกตะลึงพรึงเพริด ริมฝีปากเผยอออกอย่างตกใจ ลิ้นร้อนผ่าวแทรกเข้าโพรงปากของเธออย่างรวดเร็ว เกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กของเธออย่างอ่อนหวาน นัซย่าถูกจุมพิตจนคิดอะไรไม่ออก เป็นครั้งแรกที่เธอถูกผู้ชายจูบ หัวสมองของเธอยามนี้ขาวโพลนไปหมด ครู่หนึ่งนัยน์ตาก็พริ้มหลับลง เธอเคลิบเคลิ้มไปกับจุมพิตอันดูดดื่มลึกซึ้งนั้น ริมฝีปากงามเผยอออกรับจุมพิตนั้นอย่างเต็มใจ

ครู่ใหญ่จุมพิตนั้นจึงค่อยปล่อยริมฝีปากของเธอให้เป็นอิสระ เจ้าชายนาร์เมอร์โอบกอดนัซย่าแนบอก ครู่หนึ่งเธอจึงค่อยรู้สึกตัว เป็นครั้งแรกที่เธอต้องก้มหน้าอย่างเขินอาย ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาเจ้าชายนาร์เมอร์

"ข้ารักเจ้า นัซย่า รักมานานแล้ว” ทรงกระซิบบอกอย่างนุ่มนวลที่ข้างหูนาง นั่นเพราะเจ้าชายนาร์เมอร์ฝันเห็นและหลงรักนางมาเนิ่นนาน ทั้งนางยังยอมช่วยเหลือพระองค์อย่างไม่มีข้อแม้ นอกจากราชินีซากิอาห์ก็ไม่มีสตรีใดจะดีกับพระองค์ได้เท่านางอีกแล้ว พระองค์จึงไม่ลังเลที่จะแสดงออกอย่างชัดเจนเพื่อเหนี่ยวรั้งนางไว้

คำพูดของเทพีไอซิสคล้ายดังขึ้นในใจของนัซย่า

เขาฝันเห็นเจ้ามาตั้งแต่เขาอายุได้สิบห้าปี เขาหลงรักเจ้าตั้งแต่แรกเห็นในฝัน ยิ่งนานวันยิ่งรักฝังใจลึกซึ้งอย่างไม่มีทางไถ่ถอน เขาเริ่มฝันถึงเจ้าขณะที่เจ้ามีอายุเพียงสิบสองปี เขาฝันถึงเจ้าเรื่อยมาและมองเห็นเจ้าค่อยๆ เติบโตขึ้นเป็นหญิงสาวผู้งดงามเพียบพร้อม เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร เขาทราบเพียงว่าเจ้ามีนามว่า ‘นัซย่า’ หญิงสาวที่อยู่ในหัวใจของเขาตลอดมา

เขาพูดว่า ‘นัซย่าที่รัก เจ้าอยู่ที่ใด ข้าจะพบเจ้าได้อย่างไร

อ้อมกอดแข็งแรงคลายออก เจ้าชายนาร์เมอร์ถอดสร้อยพระศอที่ใส่ติดองค์อยู่เสมอ สร้อยนี้ทำด้วยทองคำ มีจี้เป็น ‘ดวงตาแห่งโฮรัส***’ ที่สร้างขึ้นด้วยทองคำ ประดับด้วยหินและอัญมณีมีค่า ทั้งลงยาอย่างประณีตงดงาม

“ดวงตาแห่งโฮรัสคือสัญลักษณ์แทนตัวข้า ข้าให้สร้อยนี้กับเจ้าเพื่อยืนยันคำรักของข้า เจ้าสามารถเข้านอกออกในได้ทุกที่ไม่ว่าเจ้าจะไปที่ใดในอียิปต์บน คำสั่งของเจ้าเท่ากับคำสั่งของข้า” เจ้าชายนาร์เมอร์ตรัสขณะที่สวมสร้อยนี้ลงบนลำคอของนาง

“เจ้าเป็นของข้าเพียงผู้เดียว ไม่ว่าใครก็ห้ามแตะต้องเจ้านอกจากข้า”

นัซย่ารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าใบหน้าของเธอร้อนผ่าวอย่างยิ่ง เป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายสารภาพรักกับเธอได้อย่างอ่อนหวานเช่นนี้ และเป็นคำรักที่เธอก็เต็มใจรับเสียด้วย

เธอถูกเจ้าชายนาร์เมอร์กอดอีกครั้ง จุมพิตร้อนทาบทับริมฝีปากของเธออีกหน ตอกย้ำความเป็นเจ้าของในตัวเธอของพระองค์ ครู่หนึ่งเธอจึงค่อยเป็นอิสระ

“เจ้าพูดกับข้าธรรมดา และเรียกนามของข้า นาร์เมอร์”

นัซย่าพยักหน้ารับอย่างเขินอาย ตอนนี้เธอพูดอะไรไม่ออกทั้งนั้น

เหลียวมองคนอื่นในห้องด้วยอาการขัดเขินอย่างยิ่ง แต่ก็พบว่าทุกคนพร้อมใจกันหันหลังให้หมดสิ้น

“พวกเจ้าหันกลับมาได้แล้ว” รับสั่งด้วยสุรเสียงเต็มไปด้วยความสุข

“พวกเราไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลยพ่ะย่ะค่ะ” มหาดเล็กซีเบกเอ่ยเป็นคนแรกหลังจากที่หันกลับมา หากใบหน้ากลับมีรอยยิ้มกว้างไม่ต่างจากแม่ทัพอนูค แพทย์หลวงเซเตม และเมริท

“จำอะไรก็ไม่ได้ด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ หากไม่ทรงเชื่อ ให้กระหม่อมไปสาบานต่อเทพโอไซริสก็ได้พ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพอนูคกล่าวออกมาหากสีหน้าท่าทีกระหยิ่มยิ้มย่องผิดจากคำพูด

“แล้วเจ้าคิดจะไปสืบที่ตำหนักของพวกมันเมื่อใด” เจ้าชายนาร์เมอร์ตรัสถามเมื่อกลับมานั่งที่เตียง

“เมื่อฝ่าบาท...อุ๊บ...”

นัซย่ากล่าวต่อไม่ออกเพราะเจ้าชายนาร์เมอร์รวบตัวเธอเข้ามากอดและจุมพิตเธออีกครั้ง ครู่หนึ่งจึงค่อยถอยกลับมานั่งเช่นเดิม

“ข้าให้เจ้าเรียกนามของข้าและพูดกับข้าธรรมดา” ตรัสเสียงเรียบเรื่อย หากนัซย่าต้องใบหน้าร้อนผ่าวก่อนจะเหลือบเห็นท่าทีกลั้นหัวเราะและสายตาขบขันของทุกคน

เธอสูดลมหายใจลึกครู่หนึ่งจึงค่อยพูดต่อ “เมื่อท่านกลับตำหนักไปได้สักสามสี่วันเจ้าค่ะ พรุ่งนี้พวกมันต้องทราบแล้วว่าแผนของพวกมันไม่สำเร็จ เพียงแต่พวกมันคาดเดาไม่ถูกว่าเหตุใดจึงไม่สำเร็จ ดังนั้น พวกมันจะระวังตัวอย่างยิ่ง เข้าไปสืบตอนนี้ก็ไม่ได้อะไร เสียเวลาเปล่าเจ้าค่ะ”

“จริงของเจ้า เช่นนั้น ระหว่างที่ข้ายังอยู่ที่นี่ พวกมันย่อมไม่กล้าเคลื่อนไหว ข้าก็พักผ่อนที่นี่อย่างสบายๆ ไปก่อน กลับถึงวังค่อยว่ากันอีกที”

“ถูกต้องเจ้าค่ะ ส่วนอันนิ ท่านก็คุมขังมันไว้ให้ดี อย่าให้พวกมันทราบว่าอันนิอยู่ในมือพวกเรา ปล่อยให้พวกมันวิ่งพล่านค้นหาอันนิไป พวกเราจะใช้อันนิเป็นพยานร่วมหลังจากได้หลักฐานอย่างอื่นเพิ่มเติม”

ณ ตำหนักของเจ้าชายเฮเซ็ท

“เสด็จแม่ ไม่มีข่าวจากอันนิพ่ะย่ะค่ะ” เจ้าชายเฮเซ็ทตรัสอย่างร้อนรนเมื่อราชินีเนบเซมิเสด็จมาเพื่อฟังข่าวที่ตำหนักของเจ้าชาย

“ไม่มีข่าว เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

“เช้านี้อันนิไม่ได้มาส่งข่าวเรื่องเมื่อคืนว่านาร์เมอร์ตายหรือไม่ และตอนนี้มันก็หายตัวไปด้วย ข้าจึงส่งคนไปดูลาดเลาที่บ้านของเซเตม ทหารของอนูคยังเฝ้าอารักขาอยู่รอบบ้าน ทุกอย่างเป็นปกติพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่มีทางที่จะไม่มีข่าวนอกเสียจากพวกเราพลาดท่าให้กับพวกมัน อันนิที่หายไป เป็นไปได้สองทาง ทางแรก มันถูกฆ่าไปแล้ว หรือทางที่สอง มันถูกจับตัวไว้ ถ้าเป็นทางแรกก็ดีไป แต่ถ้าเป็นทางที่สอง พวกเราจะลำบากในภายหลัง” ราชินีเนบเซมิตรัสออกมาอย่างกังวล

“แล้วพวกนักรบคุชล่ะ”

“ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ พวกมันที่เหลืออยู่ก็ไม่มีใครพบเห็นพวกที่รับงานของเรากลับมา ข้าเชื่อว่าพวกมันถูกฆ่าไปแล้วและนาร์เมอร์ต้องให้คนเอาศพไปโยนทิ้งในทะเลทราย”

“ที่เจ้าพูดก็ถูก ตอนนี้พวกเราต้องอยู่เฉย รอจนกว่านาร์เมอร์จะกลับวัง จากนั้นค่อยจัดการมันอีกที”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“ส่วนอันนิ ส่งคนหาตัวมันให้พบ เจอเมื่อใด ก็ฆ่าเสีย อย่าให้มีหลักฐานหลุดไปถึงมือพวกมันได้”

เชิงอรรถ

***ดวงตาแห่งโฮรัส (Eye of Horus) เป็นสัญลักษณ์ของการปกป้อง สุขภาพ การเสียสละ แสงสว่าง และการฟื้นฟู ดวงตาแห่งโฮรัสมีลักษณะคล้ายดวงตามนุษย์แต่มีหางตาอย่างเหยี่ยว และมีลวดลายสัญลักษณ์รอบๆ ตา บางครั้งมีหยดน้ำตาที่ด้านล่างของดวงตาด้วย

ดวงตาแห่งโฮรัสยังได้รับการเปรียบว่าเป็นสัญลักษณ์ของความรอบรู้ สุขภาพดี และความมั่งคั่ง เป็นเสมือนตัวแทนของอาณาจักรใหม่อันเป็นนิรันดร์จากฟาโรห์องค์หนึ่งไปสู่ฟาโรห์อีกองค์หนึ่ง ชาวอียิปต์เชื่อว่าสัญลักษณ์นี้มีพลังอำนาจมหาศาลและมีเวทมนตร์ที่ส่งผลต่อการสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันให้กับโลกที่ไม่มีความมั่นคง และแก้ไขสิ่งที่ไม่เที่ยงธรรมรวมทั้งยังเชื่อว่าสัญลักษณ์ของสิ่งที่ไม่มีสิ่งใดทำลายได้นี้จะช่วยในการเกิดใหม่อีกครั้ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel