บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 หนูน้อยณดา

นับจากวันนั้นผ่านมาเกือบหนึ่งเดือน ขวัญอนงค์และทิศเหนือไม่ได้พูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนั้นเลย เนื่องจากเป็นช่วงที่งานยุ่งพอดีกอปรกับจันทร์วิมลลาออกไปแล้ว ขวัญอนงค์จึงต้องเรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างในส่วนของเลขา

ครืด! เสียงโทรศัพท์ที่วางบนโต๊ะทำงานของขวัญอนงค์ดังขึ้นกะทันหัน ทำให้เธอละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปกดรับพร้อมนำมาแนบหู

“โทรมามีอะไรหรือเปล่า”

(พี่ขวัญ ลงมาหาป่านหน่อยสิ ตอนนี้อยู่หน้าบริษัทแล้ว)

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ แล้วณดาล่ะ” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตกใจ

(อยู่ด้วยกันนี่แหละ ลงมาหน่อยสิ)

“ได้ ๆ พี่จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ”

หลังจากจบบทสนทนากับสายป่าน ขวัญอนงค์เหลือบมองเจ้านายหนุ่มครู่หนึ่งซึ่งกำลังวุ่นวายกับงานตรงหน้า จึงไม่รีรอเด้งตัวจากเก้าอี้เพื่อตรงไปยังที่หมาย

“แม่ขา…”

“มีอะไรหรือเปล่า” คิ้วเรียวยกขึ้นสูง เมื่อเห็นน้องสาวกับลูกสาวตัวน้อยอยู่บริเวณล็อบบี้

ณดาวิ่งมาหาคนเป็นแม่ด้วยท่าทางดีใจ ก่อนโอบกอดขาของขวัญอนงค์อย่างออดอ้อน

“มีอะไรหรือเปล่า” ปากเอ่ยถามน้องสาวพร้อมอุ้มณดาเข้าสู่วงแขน

“วันนี้พี่เลี้ยงณดาไม่มา แล้วเมื่อกี้เพื่อนที่คณะโทรมาบอกว่ามีงานด่วนต้องจัดการ ป่านเลยต้องพาณดามาส่งให้พี่ขวัญไง จากตอนแรกว่าจะช่วยดูณดาให้”

“หมายความว่าจะให้พี่พาณดาไปทำงานด้วยเหรอ”

“อืม” พยักหน้ายืนยันคำตอบ

“ป่าน…” ขวัญอนงค์พ่นลมหายใจเฮือกหนึ่ง ทุกอย่างกะทันหันไปหมดจนตั้งรับไม่ทัน

“แม่คะ หนูสัญญาจะไม่ดื้อ” หนูน้อยมองผู้เป็นมารดาด้วยสายตาไร้เดียงสาตามประสาเด็กวัยสามขวบ

“แม่รู้ค่ะว่าลูกสาวคนเก่งของแม่เป็นเด็กดี” เธอลูบหัวเล็กอย่างเอ็นดู

“เอาเป็นว่าตกลงนะพี่ขวัญ นี่กระเป๋าของณดา” สายป่านยื่นกระเป๋าเป้ใบขนาดเล็กซึ่งบรรจุข้าวของจำเป็นสำหรับหนูน้อยให้แก่พี่สาว แล้วหมุนตัวรีบวิ่งไปทันใดทำเอาขวัญอนงค์ยืนหน้าเหวอแบบงุนงง

“แม่”

“แม่คงต้องพาณดาขึ้นไปทำงานด้วยกันแล้วแหละ”

“หนูจะเป็นเด็กดีค่ะ หนูจะไม่ซนเลย” กะพริบตาปริบ ๆ ทำเอาคนเป็นแม่ใจอ่อนยวบกับท่าทางของณดา

“งั้นไปกันเถอะ”

ความจริงเธอไม่อยากพาลูกสาวไปทำงานด้วย แต่จะทำไงได้ในเมื่อตอนนี้ไม่มีใครดูแล จึงจำเป็นต้องดูแลณดาด้วยตนเอง อีกเหตุผลหนึ่งเธอเพิ่งมาทำงานที่นี่ได้ไม่นาน กลัวพนักงานคนอื่น ๆ จะมองด้วยสายตาตำหนิ

“ณดา แม่ต้องทำงานนะคะ หนูนั่งเล่นตรงนี้นะ” เธอให้ลูกสาวตัวน้อยนั่งเล่นใกล้ ๆ โต๊ะทำงานของตนเอง โดยไม่ให้ไปเพ่นพ่านที่ไหน ซึ่งณดาไม่ได้ทำให้ขวัญอนงค์หนักใจนัก ยอมทำตามคำสั่งอย่างง่ายดาย

“ค่ะ” พยักหน้าหงึก ๆ แล้วฉีกยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี ขวัญอนงค์ส่งยิ้มกลับให้ลูกสาว จากนั้นก้มหน้าสะสางงานต่อ ระหว่างนั้นเหลือบมองบุตรสาวเป็นระยะ ๆ

“ณดา หนูรออยู่ตรงนี้ห้ามไปไหนนะคะ แม่จะเอาเอกสารไปให้เจ้านาย” เธอพูดขึ้นหลังจากสะสางงานด่วนเสร็จ

“ค่ะ”

ขวัญอนงค์นำแฟ้มเอกสารแนบอก แล้วก้าวเดินไปห้องทำงานของประธานหนุ่ม เธอเคาะประตูห้องสองสามทีแต่กลับไร้เสียงตอบกลับจึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปข้างใน เผื่อว่าอีกคนไม่ได้ยิน

“ไม่อยู่เหรอ” คิ้วโก่งสวยขมวดเข้าหากันพร้อมกวาดสายตามองหากายแกร่ง “ไปไหนของเขานะ”

สุดท้ายขวัญอนงค์เลือกวางแฟ้มเอกสารบนโต๊ะทำงานของทิศเหนือ เพราะเป็นห่วงลูกสาวที่ทิ้งไว้ตามลำพัง

“ณดา” ทันทีที่ออกมาจากห้อง ขวัญอนงค์ถึงกับชะงักกับภาพตรงหน้า

“แม่…พ่อกลับมาแล้ว” หนูน้อยหันไปมองมารดาขณะกอดขาของทิศเหนือ ซึ่งประธานหนุ่มงุนงงไม่น้อย อยู่ ๆ ไม่รู้เด็กจากไหนมาเรียกเขาว่าพ่อ

“ณดา ไม่ใช่นะลูก” เธอวิ่งไปคว้าหนูน้อยทันใด ทว่าณดายิ่งกระชับกอดขาของทิศเหนือแน่น

“หนูไม่ไป หนูจะอยู่กับพ่อ”

“เจ้านายแม่ไม่ใช่พ่อของณดานะคะ” ว่าพลางเหลือบมองทิศเหนือ เขามองมาทางเธอด้วยแววตาสงสัย

“นี่พ่อของหนู” ณดามองทิศเหนือด้วยสายตาเศร้าคล้ายจะร้องไห้

“ณดา มาหา…”

“คุณขวัญพอเถอะ” คนตัวเล็กพูดไม่ทันจบประโยค ประธานหนุ่มแทรกขึ้น เนื่องจากหนูน้อยที่มองมายังเขาทำเอาชายหนุ่มรู้สึกสงสารยิ่งนักราวกับว่าณดาคือลูกแท้ ๆ ของตัวเอง

“คุณเหนือ”

“ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ให้เด็กคนนี้อยู่กับผมก่อนก็ได้”

“เอ่อ คือ…”

“นะครับ”

“ก็ได้ค่ะ” ช้อนตามองคนตัวโตสลับมองลูกสาวตัวน้อยซึ่งใกล้ร้องไห้เต็มที จนคนเป็นแม่อย่างเธออดสงสารไม่ได้ จำยอมอนุญาตให้คนทั้งสองอยู่ด้วยกัน

แม้จะบอกณดาว่าทิศเหนือไม่ใช่พ่อ แต่ความจริงก็คือความจริง ไม่สามารถหนีพ้นไปได้ว่าเขาคนนี้คือพ่อแท้ ๆ ของหนูน้อย

“คุณขวัญ” ประธานหนุ่มเอ่ยเรียกคนตรงหน้าซึ่งเงียบไปหลายนาที

“คะ”

“ผมขอตัวก่อนนะครับ”

“ค่ะ” ขวัญอนงค์ยอมหลีกทางให้ทิศเหนือพาลูกสาวเข้าไปในห้องทำงาน

“คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง” เสียงหวานพึมพำขณะมองตามแผ่นหลังกว้างจนลับหาย

ทางด้านของประธานหนุ่ม หลังจากพาณดาไปนั่งยังโซฟา เขาก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงกับหนูน้อยคนนี้ดีที่นั่งบนตักแกร่ง เพราะไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อนจึงรู้สึกเงอะงะไปหมด

“พ่อขา…”

“ทำไมถึงเรียกฉันว่าพ่อล่ะ” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันพร้อมจ้องหน้าเด็กน้อยวัยสามขวบอย่างรอคอยในคำตอบ

“ก็พ่อเป็นพ่อของหนูนี่คะ”

“ใครบอก ผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็นแม่เธอเหรอ”

“แม่ขวัญเป็นแม่ของหนู ส่วนพ่อก็เป็นพ่อของหนูเหมือนกัน” มือเล็ก ๆ ทั้งสองข้างยื่นไปจับปลายคางของเขา “หนูคิดถึงพ่อจัง” จบคำพูด ณดาซบหน้าจิ้มลิ้มกับอกแกร่ง

ถ้อยคำของหนูน้อยทำเอาประธานหนุ่มงุนงงปนสับสน จู่ ๆ ตนเองดันกลายเป็นพ่อของเด็กคนนี้ซะงั้น

“นี่…มาคุยกับฉันหน่อยสิ” เขาอุ้มณดาไปนั่งบนโซฟาข้างกายเพื่อต้องการสอบถาม

“นี่ ทำไมถึงเรียกฉันว่าพ่อ”

“ก็พ่อเป็นพ่อของหนู” ณดาพูดพร้อมเบะปากทำท่าจะร้องไห้ จนทิศเหนือจำยอมเปลี่ยนสรรพนามแทนตนเองใหม่

“โอเค งั้นถามใหม่นะ ทำไมถึงคิดว่าฉันเป็นพ่อเธอ”

“รูปภาพในห้องนอน”

“รูปอะไร” คิ้วดกดำเลิกขึ้นอย่างรอคำตอบจากปากเล็ก ทว่ากลับไร้คำตอบ หนำซ้ำยังโดนหนูน้อยตำหนิเรื่องที่เขาเรียกสรรพนามอย่างอื่นแทนชื่อของณดา

“ทำไมเรียกหนูว่านี่ หนูชื่อณดานะคะ”

“เฮ้อ…” เขาไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อน ถึงกับถอนหายใจเมื่อเจอเด็กคนนี้ฉลาดเกินวัย แถมยังพูดเก่งอีกต่างหาก

“ทำไมถอนหายใจล่ะ พ่อไม่ชอบหนูเหรอ”

“เปล่า”

วินาทีนี้เขาสับสนเหลือเกิน พอจะมีใครบ้างไหมสามารถไขข้อข้องใจ ทั้งเรื่องขวัญอนงค์กับณดา

“ถ้าเด็กคนนี้เป็นลูกของขวัญอนงค์ หมายความว่าคืนนั้น…หรือนี่เป็นสาเหตุที่คุณไม่เรียกร้องอะไรจากผม” เอ่ยพลางชำเลืองดูณดา ก่อนนึกถึงค่ำคืนเร่าร้อนระหว่างเขากับเธอในครั้งนั้น แต่ไม่รู้ทำไมพอคิดว่าเธอมีเจ้าของแล้วก็เจ็บแปลบที่หัวใจ

“พ่อขา…ทำไมถึงไม่กลับมาหาหนูเลย”

“ฉันเหรอ” นิ้วแกร่งชี้มายังตัวเอง

“ค่ะ”

“เอ่อ คือ…” แล้วเขาจะตอบคำถามเด็กคนนี้ยังไงดีล่ะ

“แม่บอกว่าพ่อไปทำงานที่ไกลมาก ๆ หาเงินมาซื้อตุ๊กตาให้หนูใช่ไหม”

“อืม” ทิศเหนือจำใจต้องเออออตามณดาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“พ่อ วันนี้กลับบ้านด้วยกันนะ หนูอยากนอนกับพ่อกับแม่”

“ให้ฉันไปบ้านเธอเหรอ” ยิ่งคุยก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ ทำไมเด็กคนนี้ถึงทำเหมือนเขาเป็นพ่อแท้ ๆ เลยล่ะ แล้วพ่อของณดาไปไหนหนูน้อยถึงได้คิดว่าเขาคือพ่อของตัวเอง หลายคำพูดของณดายังคงเป็นปริศนาสำหรับเขา

“ทำไมพ่อไม่เรียกตัวเองว่าพ่อล่ะ พ่อไม่รักหนูแล้วเหรอ”

“เอ่อ คือ…”

“ขออนุญาตค่ะ” ก่อนจะได้ตอบคำถาม ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมเสียงหวานของเลขาสาว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel