บทที่ 5 ความรู้สึกแปลก ๆ
“แม่กลับมาแล้ว” ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าในบ้าน เสียงเล็กของลูกสาวตัวน้อยตะโกนเรียกขวัญอนงค์ด้วยความดีใจพร้อมวิ่งมาหาเธอ
“ณดา…” หญิงสาวอุ้มณดาเข้าสู่วงแขน อดแปลกใจไม่ได้ที่ลูกสาวตัวน้อยยังไม่นอน เนื่องจากขณะนี้เป็นเวลาสี่ทุ่ม
“ทำไมแม่เพิ่งกลับคะ หนูรอตั้งนานแล้ว” หนูน้อยถามพลางซบหน้าจิ้มลิ้มบนบ่าของขวัญอนงค์อย่างออดอ้อนปนอาการง่วง
“นั่นสิพี่ขวัญ ทำไมถึงเพิ่งกลับ” สายป่านเสริมขึ้น
“งานยุ่งนิดหน่อย”
“แล้วทำไมถึงไม่รับสายล่ะ ป่านโทรไปหาหลายรอบแล้ว จะบอกว่าณดากำลังรออยู่”
“ณดารอแม่อยู่เหรอคะ” เธอไม่ได้ตอบคำถามน้องสาว แต่หันไปสนใจบุตรสาวแทน คำพูดของสายป่านทำให้รู้สึกผิดต่อหนูน้อยเหลือเกิน
“ค่ะ” พยักหน้าหงึก ๆ พลางส่งยิ้มแฉ่ง
“งั้นขึ้นไปนอนกับแม่นะคะ”
“หนูรักแม่นะคะ หนูจะนอนกับแม่…” ณดาพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ก่อนปิดเปลือกตาลงในที่สุดเพราะทนต่อความง่วงไม่ไหว
“พี่พาณดาขึ้นไปนอนก่อนละกัน” ว่าแล้วรีบชิงหนีทันที เพราะกลัวเผลอแสดงพิรุธให้สายป่านเห็น
“แปลก” สายป่านพึมพำขณะมองตามหลังพี่สาว
ขวัญอนงค์วางลูกสาวตัวน้อยที่หลับปุ๋ยบนเตียงอย่างทะนุถนอม เอื้อมมือลูบหัวของณดาด้วยความรักเปี่ยมล้น
“แม่รักหนูนะคะ ลูกสาวคนเก่งของแม่” พูดจบ โน้มหน้าจุ๊บหน้าผากบุตรสาวหนึ่งที จากนั้นคว้าตุ๊กตากระต่ายตัวโปรดของหนูน้อยไปวางข้างกาย ก่อนตนเองจะเยื้องย่างเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย
ตัดมาทางทิศเหนือ หลังจากนอนไปหลายชั่วโมง เขาสะดุ้งตื่นช่วงเวลาตีสาม ก่อนค่อย ๆ พยุงกายแกร่งลุกขึ้นนั่งบนเตียงพร้อมกลอกตามองรอบกาย วินาทีถัดมาภาพความทรงจำก่อนหน้าที่จะหลับผุดขึ้นในหัว ทำเอาใบหน้าหล่อเหลาร้อนผ่าว
“ทำอะไรลงไปวะ ไอ้โซ่”
เขาเอ่ยพึมพำพร้อมกับยกมือขึ้นกุมขมับ ทว่าแทนที่จะรู้สึกผิดกับการกระทำของตนเองกลับกลายเป็นว่ารู้สึกดีมากเหลือเกิน หนำซ้ำดันโหยหาถึงขวัญอนงค์อย่างน่าประหลาด
“ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้”
นัยน์ตาคมกริบเหลือบมองพื้นที่ว่างข้างกายพลางลูบไล้ที่นอนแผ่วเบาอย่างรู้สึกโหวงเหวง ก่อนจะเจ็บแปลบหน้าอกข้างซ้ายกอปรกับปวดหนึบตรงหัวใจราวกับโดนบีบ
“แปลก”
ชายหนุ่มนั่งทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพักหนึ่ง จากนั้นก้าวเท้าลงจากเตียงแล้วเดินไปห้องน้ำ เพื่อเตรียมตัวกลับที่พัก
สำหรับเรื่องในวันนี้เขาตัดสินใจว่าจะคุยกับขวัญอนงค์อีกที เพราะไม่สามารถเมินเฉยต่อการกระทำของตนเอง จำเป็นต้องสะสางไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพร้อมยอมรับ
วันใหม่ของการทำงานทำเอาทิศเหนืองหงุดหงิดเป็นอย่างมาก เนื่องจากขวัญอนงค์ทำตัวตามปกติราวกับว่าเรื่องเมื่อวานไม่เคยมีอยู่จริง เธอยังคงทำหน้าที่เลขาได้ดีและพร้อมเรียนรู้งานเสมอ แตกต่างกับเขาอย่างสิ้นเชิงซึ่งเอาแต่นึกถึงบทรักเร่าร้อนระหว่างกัน
“คุณเหนือคะ เอกสารที่ต้องเซ็นภายในวันนี้” เสียงหวานพูดขึ้นทำลายความเงียบพร้อมวางแฟ้มดังกล่าวตรงหน้าคนตัวโต
“อืม” ตอบรับในลำคอเพียงสั้น ๆ และไม่วายชำเลืองมองใบหน้างดงาม
“เอ่อ มีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอรับรู้ถึงสายตาของคนตรงหน้ากำลังมองมาจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย
“เปล่า” ปฏิเสธเสร็จก้มหน้าจรดปลายปากกาลงบนกระดาษ แล้วยื่นแฟ้มให้แก่คนตัวเล็ก
หญิงสาวรับแฟ้มมาแนบหน้าอกและหมุนตัวเตรียมจะยกเท้าออกจากห้อง แต่ต้องชะงักกับเสียงทุ้ม
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” เอี้ยวคอหันไปมองประธานหนุ่ม
“เปล่า กลับไปทำงานเถอะ”
“ค่ะ”
“เฮ้อ…” พ้นร่างเลขาสาว เขาถึงกับถอนหายใจยืดยาว
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้” ไม่เข้าใจเลยทำไมถึงประหม่าแบบนี้ พอจะพูดเรื่องเมื่อวานกับขวัญอนงค์ดันไม่กล้าซะงั้น ประธานหนุ่มเอนกายพิงหลังกับเก้าอี้ ปิดตาลงสนิทราวกับต้องการผ่อนคลาย ก่อนภาพเหตุการณ์เมื่อวานจะผุดขึ้นในหัวราวกับหนังม้วนหนึ่ง
“ขวัญอนงค์ เธอเป็นใครกันแน่”
ไม่รู้ทำไมถึงเอาแต่เพ้อถึงหญิงสาว ทั้งเสียงหวานที่ร้องครางใต้ร่างของเขาอย่างสุขใจ ไหนจะกลิ่นกายกับสัมผัสอีกต่างหากซึ่งคุ้นเคยยิ่งนัก ทำให้เขาแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้วที่เอาแต่คิดถึงเธอ ผู้หญิงที่เพิ่งเจอได้ไม่นาน
“เฮ้อ…” วินาทีนี้เขาทำได้แค่ถอนหายใจยืดยาว
หลังจากขวัญอนงค์กลับมายังโต๊ะทำงาน หญิงสาวมัววุ่นวายกับการสะสางงาน โดยไม่อาจล่วงรู้เลยว่าขณะนี้มีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองทุกอิริยาบถของเธอผ่านหน้าต่างกระจก
“พี่โซ่!” เสียงหวานเอ่ยเรียกคนตัวโตอย่างตะลึง เพราะทันทีที่เงยหน้าจากเอกสารก็พบกับสายตาคมกำลังจ้องมองมา ก่อนอีกคนจะเบนสายตาไปทางอื่น
“เมื่อกี้คิดไปเองหรือเปล่า เหมือนพี่โซ่มองมาทางนี้เลย” เธอจ้องมองเขาอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก้มหน้าทำงานต่อเมื่ออีกคนไม่ได้มีท่าทีจะสนใจกันอย่างที่เข้าใจ
ทว่าทันทีที่พ้นสายตาของขวัญอนงค์ไม่กี่วินาที ประธานหนุ่มก็หันมองหญิงสาวอีกครั้ง
“เป็นบ้าอะไรกันวะไอ้โซ่ ทำไมถึงเอาแต่มองผู้หญิงคนนั้นอยู่ได้”
ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ จนหงุดหงิดและกระสับกระส่ายเหลือเกิน แม้ว่าจะพยายามไม่คิดถึงเรื่องขวัญอนงค์แล้วก็ตาม แต่พอตกอยู่ในความเงียบดันนึกถึงจนได้
“เฮ้อ…” ประธานหนุ่มถึงกับถอนหายใจพร้อมกุมขมับ ทั้งคลึงเบา ๆ วินาทีถัดมาหย่อนเปลือกตาลง
“คุณเหนือคะ”
“หื้ม” เขาช้อนตามองบุคคลมาใหม่ตรงหน้า
“ขวัญนำของว่างมาเสิร์ฟค่ะ”
“อืม” พยักหน้ารับ ระหว่างนั้นแอบชำเลืองมองเธอนำเครื่องดื่มกับขนมวางบนโต๊ะทำงานอย่างจับสังเกต เผื่ออีกคนจะเผยพิรุธให้เขาเห็นบ้าง
“งั้นขวัญขอตัวกลับไปทำงานต่อนะคะ”
“อย่าเพิ่งไป!” ว่าแล้วรีบประชิดตัวเธอ ขณะเดียวกันขวัญอนงค์ก็หมุนตัวหมายจะประชันหน้ากับประธานหนุ่ม ก่อนเธอจะเสียหลักจึงรีบคว้าคอเสื้อของคนตัวโต เลยทำให้เธอกับเขาล้มลงไปกองบนพื้นซึ่งเขาอยู่เหนือร่างหญิงสาว
นัยน์ตาคมกริบสำรวจทั่วใบหน้าหวาน แล้วดึงสายตาไปหยุดยังกลีบปากอวบอิ่มแสนยั่วยวน จนรู้สึกอยากแนบปากตัวเองลงบนปากนุ่มของเธอยิ่งนัก
“เอ่อ คุณเหนือคะ ลุกขึ้นไปได้แล้ว” มือเรียวดันแผงอกกว้างพร้อมเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดต้นคอระหงทำเธอหายใจไม่ทั่วท้อง ทั้งรู้สึกร้อนผ่าวทั่วหน้างาม
“เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า”
ถ้อยคำของทิศเหนือ ส่งผลให้คนตัวเล็กหันขวับมองหน้าคมคายอย่างไว โดยขวัญอนงค์ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำได้แค่มองหน้าหล่อเหลาด้วยแววตาเจ็บปวดปนเศร้า
“คุณขวัญครับ”
“คะ”
“ลุกขึ้นเถอะครับ” เมื่อไร้คำตอบจากปากนุ่ม ทิศเหนือจำใจผละออกห่างจากเลขาสาว แต่ไม่วายยื่นมือให้เธอจับ
“ขอบคุณค่ะ ขวัญขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะคะ” ทันทีที่ลุกขึ้นยืน ขวัญอนงค์ไม่รอช้าก้าวเท้ายาว ๆ ออกจากห้อง เพราะกลัวทำตัวอ่อนแอและร้องไห้ต่อหน้าเขา จำเป็นต้องจากไปอย่างรวดเร็ว
“เผลอพูดอะไรออกไปวะไอ้โซ่”
หลังพ้นร่างของเลขาสาว ประธานหนุ่มจึงเดินไปที่โต๊ะทำงานของตนเอง ภายในหัวเต็มไปด้วยเรื่องราวของขวัญอนงค์ ช่างเป็นความรู้สึกที่เขาไม่เข้าใจเช่นกัน เพราะเพิ่งจะเคยเป็นแบบนี้ครั้งแรก
“เฮ้อ…เรื่องที่อยากคุยก็ไม่ได้คุย” เขาบ่นงึมงำอย่างหัวเสีย
