บทที่ 1 เจ้านายคนใหม่
“สายแล้ว” ขวัญอนงค์วิ่งลงบันไดอย่างเร่งรีบเนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกที่เริ่มงานกับบริษัทใหม่ ทว่าดันตื่นสายกว่าปกติ โชคดีเมื่อคืนลูกสาวไปนอนกับสายป่านน้องสาวของเธอ เช้านี้จึงไม่ต้องวุ่นวายกับบุตรสาวตัวน้อย
“แม่ขา…”
คนกำลังจะเปิดประตูออกไปข้างนอกเป็นอันหยุดชะงักตามเสียงเรียกของณดาหนูน้อยวัยสามขวบ ซึ่งกำลังจ้องผู้เป็นแม่ด้วยแววตาสงสัย
“แม่ไปทำงานก่อนนะ ณดาอยู่กับน้าป่านนะลูก” ขวัญอนงค์ย่อตัวให้อยู่ระดับเดียวกับลูกสาวก่อนคว้าร่างเล็กของหนูน้อยมากอด และจุ๊บแก้มข้างละหนึ่งที
“แม่ต้องรีบกลับมาเล่นกับหนูนะคะ” หนูน้อยพูดพลางเบะปากทำท่าจะร้องไห้
“ได้สิคะ ถ้าแม่เลิกงานแล้วจะรีบกลับมาหาลูกเลย”
“สัญญานะ” ณดายื่นนิ้วก้อยทำสัญญากับขวัญอนงค์
“สัญญาค่ะ” ว่าแล้วเกี่ยวก้อยกับลูกสาวตัวน้อย ก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเมื่อเห็นน้องสาวเดินมาหาเธอ “พี่ฝากณดาด้วย”
“ไม่ต้องห่วงหรอก พี่รีบไปทำงานเถอะเดี๋ยวสาย”
“อืม” ขวัญอนงค์โบกมือลาลูกสาวเสร็จ จากนั้นรีบเดินไปขึ้นรถเมล์ปากซอยซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก
หญิงสาวใช้เวลาในการเดินทางไม่นานก็ถึงสถานที่มุ่งหมาย ระยะทางจากบ้านและบริษัทใหม่เพียงสามป้ายรถเมล์เท่านั้น จึงทำให้เธอเข้างานทันเวลา
“สวัสดีค่ะ” ขวัญอนงค์ยกมือไหว้ผู้มีอายุมากกว่าตัวเอง ซึ่งกำลังวุ่นวายกับการจัดเอกสารบนโต๊ะ
“พนักงานคนใหม่ที่ชื่อขวัญใช่ไหม”
“ค่ะ”
“งั้นมาตรงนี้เลย พี่จะแนะนำงานที่น้องขวัญต้องทำ”
“ค่ะ”
หญิงสาวไม่รีรอไปหาจันทร์วิมลเลขาประธานบริษัทซึ่งอีกไม่นานขวัญอนงค์จะเป็นคนรับหน้าที่นั้นแทน หลังจากจันทร์วิมลออกสิ้นเดือนนี้
“พี่ชื่อจันทร์วิมลเรียกจันทร์ก็ได้” เลขาอายุประมาณสามสิบปลาย ๆ เอ่ยแนะนำตัวกับขวัญอนงค์อย่างเป็นมิตร
“ค่ะ” ส่งยิ้มอ่อนแก่คนตรงหน้า ท่าทีของจันทร์วิมลทำให้เธอคลายความกังวลลงในระดับหนึ่ง
“คุณเหนือจะเข้าบริษัทเก้าโมง ไว้พี่จะพาไปแนะนำตัว ระหว่างนี้น้องขวัญมาช่วยพี่ดูเอกสารกองนี้หน่อย เป็นเอกสารเก่าที่คุณเหนือขอ”
“ค่ะ” ขวัญอนงค์ไม่พูดพร่ำทำเพลง เธอเดินอ้อมโต๊ะทำงานไปจัดการกับแฟ้มเอกสารมากมาย
เวลาล่วงเลยไปนานเท่าไรขวัญอนงค์ไม่อาจล่วงรู้ได้ เนื่องจากมัวสนใจกับกองเอกสารบนพื้น ซึ่งเธอนำไปเรียงไว้เป็นรายปี
“สวัสดีค่ะ คุณเหนือ” จันทร์วิมลเอ่ยทักทายเมื่อร่างสูงใหญ่ของเจ้านายปรากฏตัว
“นั่นเลขาคนใหม่ใช่ไหม” เหลือบมองขวัญอนงค์แวบหนึ่งก่อนช้อนตามองจันทร์วิมล
“ค่ะ”
“อืม” ตอบรับเพียงเท่านั้น ประธานหนุ่มจากไปทันใด
หลังจากขวัญอนงค์เรียบเรียงเอกสารเสร็จก็บิดตัวไปมาสองสามที เพื่อไล่อาการเมื่อยออกจากร่างกาย
“เสร็จแล้วเหรอ น้องขวัญ”
“ค่ะ”
“งั้นไปพบคุณเหนือกัน พี่จะแนะนำเจ้านายให้น้องขวัญรู้จัก”
“ค่ะ” ตอบรับพลางเหลือบมองดูนาฬิกาซึ่งเป็นเวลาเกือบสิบเอ็ดโมง เธอเพิ่งทราบประเดี๋ยวนี้เองว่าเวลาผ่านไปไวยิ่งนัก จึงไม่รอช้าลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินตามหลังจันทร์วิมลไปยังห้องทำงานของเจ้านาย
ทันทีที่มาถึงห้องทำงานของเจ้านาย ขวัญอนงค์ถึงกับหยุดชะงักเมื่อได้เห็นใบหน้าของประธานหนุ่ม
“พี่โซ่” เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบาพร้อมจ้องคนตรงหน้าอย่างตกตะลึง เธอรู้สึกเหมือนทุกอย่างรอบกายหยุดเคลื่อนไหว
สมองขาวโพลนไปหมด คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นคนเดียวกันที่เคยบอกให้เธอรอ ทว่าสี่ปีผ่านไปก็ไม่เคยกลับมาหาเธอกับลูกสักครั้ง กระทั่งเจอกันอีกครั้งในตอนนี้ทำเอาฉงนไม่น้อย
“น้องขวัญ” จันทร์วิมลสะกิดเรียกคนข้างกาย จู่ ๆ ยืนเหม่อตั้งแต่เข้ามาถึง
“คะ” หันหน้ามองคนข้างกาย
“เป็นอะไรหรือเปล่า” กระซิบถามให้ได้ยินเพียงแค่สองคน
“เปล่าค่ะ” ส่ายหน้าไปมาก่อนเหลือบมองเขา ซึ่งไม่ได้แสดงท่าทีตกใจเหมือนตัวเอง แค่แสดงสีหน้าสงสัยเท่านั้น
“คุณเหนือคะ นี่ขวัญอนงค์เลขาคนใหม่ที่เข้ามารับช่วงต่อจากจันทร์” จันทร์วิมลไม่รอช้าสวมบทเลขาแนะนำขวัญอนงค์ให้เจ้านายหนุ่มรู้จัก
“สวัสดีค่ะคุณเหนือ” ถึงจะตกใจมากแค่ไหน แต่ยังคงมีสติพอที่จะแนะนำตัวกับเจ้านายคนใหม่
“ฝากตัวด้วยนะครับ” ประธานหนุ่มพูดขึ้นอย่างสุภาพ
“ค่ะ” หญิงสาวก้มหน้ามองพื้น ซ่อนแววตาเศร้าของตัวเอง รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกินและไม่เข้าใจว่าทำไมคนตรงหน้าถึงทำราวกับไม่รู้จักกัน ทั้งที่เขาคือพ่อของลูกเธอแน่นอน
“กลับไปทำงานกันเถอะ ตรงนี้ไม่มีอะไรแล้ว”
“ค่ะ” ขวัญอนงค์เหลือบมองทิศเหนือหรือเจ้านายคนใหม่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนลับหาย ขณะเดียวกันประธานหนุ่มมองแผ่นหลังเล็กของขวัญอนงค์ด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบตรงหัวใจราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน
“แปลกจัง ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้” มือใหญ่ยกขึ้นบีบหน้าอกข้างซ้ายด้วยความสับสน
หลังออกจากห้องทำงานของทิศเหนือ ขวัญอนงค์ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องของเจ้านาย เต็มไปด้วยคำถามมากมายในหัว จนกระทั่งเวลาเลิกงานก็ยังไม่สามารถหาเหตุผลมาไขข้อสงสัยที่เกิดขึ้นได้เลย
หญิงสาวกลับบ้านด้วยสภาพจิตใจย่ำแย่ เธออยากร้องไห้เหลือเกินกับการได้เจอชายคนรักในรอบสี่ปีอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายทำราวกับไม่รู้จักกัน เขาทำเหมือนเธอเป็นแค่คนแปลกหน้าอย่างนั้นแหละ
“แม่คะ”
“แม่ขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวลงมาหาลูก” ส่งยิ้มหวานกับลูกสาวตัวน้อย ถึงจะรู้สึกแย่แค่ไหนก็ไม่สามารถทำให้ณดาเห็นถึงความผิดปกติ
“ค่ะ”
“ไปหาน้าป่านก่อนนะลูก” กล่าวจบ ขวัญอนงค์เดินผ่านหน้าลูกสาวไปขึ้นบันไดบ้านแล้วตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง
มือเรียวคว้ากรอบรูปบนโต๊ะหัวเตียงขึ้นมาแนบอก ก่อนล้มตัวลงนอนบนเตียง
“ฮึก ฮือ ๆ พี่โซ่ลืมขวัญแล้วเหรอ”
ในที่สุดขวัญอนงค์ไม่สามารถข่มความรู้สึกเสียใจได้อีกต่อไป เธอปล่อยโฮออกมาด้วยความรู้สึกมากมาย ปล่อยน้ำตาไหลเปียกหมอนใบใหญ่
เธอมั่นใจอย่างแน่นอนว่าเจ้านายคนใหม่กับชายคนรักคือคนเดียวกัน เพราะชื่อและนามสกุลเหมือนกันนั่นเอง แค่คาดไม่ถึงเขาจะเป็นเจ้าของโรงแรมหรูชื่อดัง เนื่องจากเมื่อก่อนอีกฝ่ายปกปิดตัวตน และเธอไม่เคยรับรู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวเขาเลย
“ทำไมพี่โซ่ถึงทำกับขวัญแบบนี้ ไหนบอกว่ารักกันไง” เธออดทนรอเขาถึงสี่ปีหวังว่าเขาจะกลับมาแต่ยิ่งรอยิ่งทรมาน สุดท้ายไร้วี่แววผู้ชายที่เคยบอกรักกัน
หากวันนี้ไม่ได้ไปทำงานบริษัทนั้นคงไม่มีทางเจอเขาเด็ดขาด ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้ก็ยิ่งปวดใจ
“หรือพี่โซ่จะความจำเสื่อม” จู่ ๆ ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัว เธอจึงยกกรอบรูปที่บรรจุรูปภาพของเขากับเธอขึ้นมาดู
นิ้วเรียวกรีดกรายลงบนภาพของเขาด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ หากสิ่งที่สันนิษฐานเป็นจริงขึ้นมา เธอควรทำอย่างไรดี
