ตอนที่2
“นิลไม่ใช่คนอกตัญญูนะเฮีย ... ในชีวิตนิลก็คงทำดีได้เท่านี้ละ คือมีความกตัญญูรู้คุณคน แล้วเฮียก็มีพระคุณกับนิลมากตรงที่ยอมให้โอกาสนิลได้ทำงานที่ตัวเองชอบ ทั้งที่นิลก็ไม่มีอะไรเลยทั้งคุณวุฒิอันเหมาะสม หรือแม้แต่ประสบการณ์... นิลยังจำได้เสมอ วันที่ตัวเองเดินเทิ่งๆ ถือวุฒิอนุปริญญาเท่านั้นเอง เข้ามาสมัครงานที่นี่ และเฮียก็เป็นคนสัมภาษณ์และรับนิลเอาไว้ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาสอนสั่งอบรมเกี่ยวกับวิชาชีพนักข่าว กระทั่งนิลเป็นนิลทุกวันนี้ ทั้งๆที่มีทั้งคนมีประสบการณ์งานข่าวมาแล้ว มาสมัครพร้อมๆกับนิลตอนนั้นก็ตั้งหลายคน ทุกคนล้วนเป็นบัณฑิตมีปริญญา แต่เฮียก็ตัดสินใจเลือกนิล ยอมที่จะเสียเวลาฝึกนิล ตั้งแต่ให้รู้จักเทปอัดคำพูด ไปจนถึงได้รู้จักกล้องสำหรับนักข่าวอาชีพเขาใช้กัน ไม่ใช่กล้องปัญญาอ่อน ราคาไม่ถึงพันที่นิลเคยเก็บเงินซื้อไว้ใช้”
เสียงอ่อนๆ ฟังจริงจังนัก ยิ่งสีหน้าแสงตาด้วยแล้ว เขามอง ... ฟัง ... ก็รู้เลยว่าคนพูด ถอดใจแนบใจเขานั่นเลย
“แต่ที่เฮียซื้อใจนิลได้จริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่องให้งานนิลทำ แต่เฮียยังทำให้นิลซาบซึ้งในคำว่าน้ำใจ... ทำให้นิลรู้ว่า ในสังคมบ้านเราเมืองเรา ท่ามกลางความขัดแย้ง ไม่ลงรอยกันของคนในสังคมที่แตกเป็นสองฝักสองฝ่ายเพราะนักการเมืองเห็นแก่ตัว ... เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ประโยชน์ของลูกเมีย ญาติพี่น้อง ทำให้เป็นไป... ยังมีคนอย่างเฮีย ที่รู้จักเห็นอกเห็นใจ ให้ผู้ด้อยโอกาสในสังคมได้เผยอหน้าขึ้นมาทัดเทียมคนอื่น... นิลจะไม่พูดละว่า นิลรักเคารพเฮียประหนึ่งรักเคารพพ่อแม่ เพราะตลอดชีวิตตั้งแต่จำความได้ นิลไม่เคยรู้จัก ... ไม่เคยเห็นหน้าของคนที่นิลควรจะได้เรียก พ่อ กับ แม่ แต่เอาเป็นว่า... ต่อให้นิลเป็นนักข่าวฝีมือเก่งกล้า ขนาดมีสำนักข่าวใหญ่ๆระดับอินเตอร์เนชั่นแนล อยากให้ไปร่วมงานด้วย นิลก็จะไม่ไป... ไม่ไปไหนทั้งนั้น มีเฮียที่ไหน นิลขออยู่ด้วยที่นั่น”
และมันก็ได้พิสูจน์ตัวเอง เมื่อมันทำงานไปด้วย เรียนต่อภาคค่ำไปด้วย เพื่อเอาปริญญาใบแรกในชีวิต กระทั่งสามารถสอบชิงทุนไปทำเอ็ม. ต่อที่อเมริกา จบกลับมา มันก็เดินถือกล้องและเทปบันทึกเข้ามาขอเขาทำงานต่อ ราวกับว่าสองปีที่มันหายหน้าไป และปริญญาโทด้านสื่อสารมวลชน ที่มันคว้าบัณฑิตเหรียญทองมาได้สำเร็จ ไม่มีความหมาย
ก็เพราะอย่างนี้ ถึงบางครั้งจะเกลียดปากมันนัก ซึ่งในกองบรรณาธิการก็ไม่มีใครเล๊ย... กล้าต่อปากต่อคำกับเขาแบบทศนิยมไม่รู้จบ บางครั้งมันยังลามปามถึงหัวกระบาลใสเต๊งเหน่งของเขา แต่ก็ต้องยกให้มันคนหนึ่ง
ยิ่งเวลานี้ ฝีมือมันตามข่าวจัดจ้านขึ้นวันเวลา สิ่งใดที่เป็นข้อเสียของมัน เขาจึงสามารถมองข้ามได้ทั้งหมด
นอกจากอภัยมันในเรื่อ ‘ฝีปาก’ เขายังชื่นชม และแอบภูมิใจในตัวมันเงียบๆ เพราะหาไม่ได้ง่ายนัก ที่เด็กกำพร้าคนหนึ่ง โตมาในสถานสงเคราะห์ ไม่เคยรู้จักพ่อแม่ที่ทำมันเกิดมาแล้วทอดทิ้งมันไป ตั้งแต่ยังเป็นทารกตัวนิดๆ ... จะสามารถประคับประคองตัวเอง ให้พ้นปากเหยี่ยวปากกา เอาตัวรอดจากภัยนานาชนิด มาได้อย่างไม่มีบาดแผลฉกาจฉกรรจ์
เท่าที่เขาเห็นส่วนใหญ่ เด็กโตมาในสภาพไม่มีใครต้องการ มักกลายเป็นภาระของสังคม เมื่อนานๆที มีเด็กที่มีกำเนิดอย่างมัน ก้าวขึ้นมามีชีวิตได้ในระดับนี้ แล้วจะไม่ให้เขาชื่นชมได้ยังไง
“ข้ามีเรื่องจะพูดด้วย... เรื่องพักยาวของเอ็ง เห็นจะต้องระงับไว้ก่อนแล้วว่ะ... ข้ามีประเด็นข่าวสำคัญเร่งด่วนให้เอ็งติดตาม พรุ่งนี้เอ็งหาเที่ยวบินขึ้นเหนือแทน”
“ห๋า! อะไรนะเฮีย?”
“เอ็งไม่ต้องหา ข้าหาให้แล้วไง ทำข่าวนี้เสร็จข้าจะเพิ่มวันพักร้อนทวีคูณให้ แถมพอกเก็ตมันนี่ให้เอ็งได้เรียกไวน์ชั้นดีมาดื่มโดยไม่ต้องกลัวเงินในกระเป๋าจะไม่พอจ่าย”
“อย่างนี้เขาเรียกพูดแล้วคืนคำนี่นา!” มันโวยไว้ก่อน “ก็ไหนตกลงกันแล้ว นิลจะได้จะพักสบายๆ ทำตัวเป็นหญิงจริงๆซักสี่ซ้าห้าวัน ได้ลองนุ่งบิกินีผึ่งแดดบนหาดทรายขาวๆไง?”
“เอาเถอะๆ เอ็งไม่ต้องพูดมาก ยังไงก็ต้องตามข่าวนี้”
ลงว่า ‘เฮีย’ ทำสุ้มทำเสียงเรียบร้อย มนิลาก็ได้แต่ทำหน้ามุ่ยตุ้ย ไม่กล้าที่จะโวยวายต่อไปอีก เพราะรู้อยู่ เสียงแบบนี้ ‘เฮียตือ’ เอาจริง ลูกน้องคนไหนก็ไม่กล้าขัด แม้แต่หล่อน จะอยากยอม ไม่ยอม ก็ต้องยอม แต่เรื่องจะไม่แขวะซะเลย ก็ไม่ใช่ไอ้นิลน่ะซิ
“ใจคอเฮียจะไม่ให้นิลพักบ้างเหรอ นิลเป็นคนนะ ไม่ใช่มนุษย์เหล็ก หรือแม้แต่สาวน้อยมหัศจรรย์”
“รู้ละว่าเอ็งเป็นคน แล้วก็อย่าพูดเลยว่ะเรื่องสาวน้อย เอ็งน่ะมันสาวเหลือน้อยเข้าไปทุกทีแล้วต่างหาก รูตัวมั่งซีเอ็งเอ๊ย”
“ตกลงจะวิสาสะว่าด้วยเรื่องความสาวเหบือน้อยของนิล หรือจะพูดเรื่องงานล่ะเฮีย”
มันเบรก
“เรื่องงานสิโว๊ย เอ็งน่ะแหละ ทำให้ข้านิสัยเสีย พูดกะเอ็งทีไรกลายเป็นคนไถลเถลือกไปกับเอ็งทุกที สรุป เรื่องพักผ่อน นอนโชว์พุงดำๆ ล่อตะเข้ตะโขงของเอ็งน่ะเป็นอันว่าพับไว้ก่อนละกัน งานต้องมาก่อน ลืมคติข้อนี้แล้วรึ?”
“ไม่ลืม แต่ตอนนี้ไม่อยากจำชั่วคราว เป็นเฮียนะ จะมีน้ำโหมั้ยล่ะ อุตส่าห์วางแผนไว้ดิบดี แต่แล้วก็ต้องล้มเลิก”
มันทำเสียงขื่นเข้าใส่ หากคนทันกันมีรึจะจน ย้อนกลับไปหน้าเฉย
“แต่อะไรก็คงไม่สำคัญเท่ากับที่เอ็งคุยเอาไว้เยอะใช่มั้ยล่า?”
ตาดำปิ๊ดปี๋ประหลับประเหลือกขึ้นมาทันที เสียงขื่นกลายเป็นเสียงแหว
“รู้แล้วยังจะถาม! นิลเกลียดเฮีย เลิกรักเริ้กกันไปได้เลย”
“เอา เอา ไม่รักก็ไม่รัก” คนจะถูกเลิกรักไม่เดือดร้อน
“แต่ข้าคิดดีแล้ว งานนี้ต้องเอ็งคนเดียวเท่านั้น คนอื่นมือไม่ถึงว่ะ”
ถึงอีกฝ่ายจะทำเสียงเอาใจ นักข่าวสาวก็ยังหน้าบูดเบี้ยว แต่คิดว่าวิธีประนีประนอม ทำลูกตาชวนให้ดูน่าสงสารมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อาจจะได้ผลกว่าวิ่งเข้าชน
