ตอนที่ 4
เวลา 11 : 25 น.
คฤหาสน์
รถยนต์คันหรูแล่นเข้าสู่ภายในตัวคฤหาสน์ใหญ่โต เมื่อรถจอดนิ่งสนิท ชายหนุ่มลงจากรถโดยที่ไม่ลืมที่จะเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้หญิงสาวอย่างทุกครั้ง
"ขอบคุณค่ะ" หญิงสาวเอ่ยขอบคุณก่อนลงจากรถ
"ไปครับ" ชายหนุ่มหันมาจับมือหญิงสาวหลังจากปิดประตูรถเรียบร้อยแล้ว เธอหันมายิ้มให้เขาก่อนจะเดินเข้าบ้านไปพร้อมกัน แม่บ้านที่อยู่แถวนั้นต่างยิ้มกันด้วยความเขินอายมือเห็นโมเมนต์หวานๆ เมื่อเข้ามาภายในห้องรับแขกก็เจอพ่อแม่นั่งรออยู่แล้ว
"สวัสดีครับ...พ่อแม่/สวัสดีค่ะ คุณพ่อคุณแม่" ทั้งสองยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองพร้อมกัน
"สวัสดีลูก" คุณญาดาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
"ป้าแจ่มจัดโต๊ะเลยจ้ะ" คุณญาดาหันไปบอกแม่บ้านให้ยกอาหารมาเสริฟที่โต๊ะทันทีเมื่อลูกชายและหญิงสาวมาถึง
"ค่ะ..คุณผู้หญิง"
"ไปลูกไปกินข้าวกัน" ชายหนุ่มและหญิงสาวเดินตามหลังคุณพ่อคุณแม่ไปที่โต๊ะอาหาร
"ขอบคุณค่ะ..."ชายหนุ่มดึงเก้าอี้ออกมาให้หญิงสาว
"พ่อมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ" ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
"กินข้าวก่อนเถอะลูก...ค่อยคุยกัน"
"ครับ"
"นี่ครับ" ชายหนุ่มที่หันมาสนใจหญิงสาวก่อนจะตักอาหารให้เธอ
"ขอบคุณค่ะ" หญิงสาวเงยขึ้นมองหน้าเขาก่อนจะยิ้มหวานให้แฟนหนุ่ม
"ฝีมือคุณแม่ยังอร่อยเหมือนเดิมเลยค่ะ" เสียงหวานของเธอพูดออกมาทันทีหลังตักอาหารเข้าอ้าปาก
"อร่อยก็กินเยอะๆ...เลยลูก" คุณญาดายิ้มออกเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม
ผ่านไปสักพักบนโต๊ะอาหารก็ยังมีเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของหญิงสาวดังอยู่เป็นระยะส่วนชายหนุ่มนั่งเงียบเป็นผู้ฟังเท่านั้นแต่ก็แอบยิ้มเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเข้ากับครอบครัวเข้ายิ่งขึ้น ทำให้เขาอยากใช้ชีวิตคู่กับเธอไม่ไหวแล้วแต่คงไม่ใช่เร็วๆ นี้ต้องรอให้เธอเรียนจบก่อน
หลังจากอาหารเสร็จสิ้น ชายหนุ่มกำลังจะพาหญิงสาวไปดูดอกไม้ที่คุณแม่ปลุกไว้ในสวนแต่ยังไปไม่ถึงประตูก็ได้ยินเสียงของผู้เป็นดังขึ้นทางข้างหลัง
"ตามพ่อไปที่ห้องทำงาน" คุณธวัชพูดจบก็เดินขึ้นชั้นสองของบ้านทันที
"เดี๋ยวพี่มานะ...อิงไปดูดอกไม้ก่อนนะ" ชายหนุ่มไม่ได้ทันผู้เป็นพ่อไปทันที เขาหันมาบอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ค่ะ" ชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะขึ้นเดินตามขึ้นไปที่ห้องทำงานของพ่อทันที หญิงสาวที่มองตามหลังชายหนุ่มจนสุดสายตาด้วยความเป็นห่วง
"เดี๋ยวแม่พาไปนะ" คุณญาดาแตะแขนหญิงสาวเบาๆ ก่อนจะเดินเคียงข้างกันไปที่สวนดอกไม้
"คุณแม่สบายดีนะคะ" เสียงหวานเอ่ยถามคนอายุมากด้วยความอ่อนน้อม
จ๊ะ..." คุณญาดายิ้มให้เธอเล็กน้อย
ห้องทำงาน
แกร๊ก~
"พ่อมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอ" ชายหนุ่มเปิดประตูเข้ามา สีหน้าฉายแววสงสัยปนไม่สบายใจ
"นั่งก่อนสิ" น้ำเสียงของคุณธวัชหนักแน่นจนทำให้บรรยากาศในห้องเงียบกดดันลงทันที
"จำหนูแพรได้ไหม...ตอนนี้หนูกำลังมาประเทศไทย" ชายหนุ่มขยับเก้าอี้นั่งลงตรงข้าม ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นนิดเมื่อได้ยินคำถามของบิดา
"จำได้…ทำไมครับ" เสียงของเขาขุ่นเคืองเล็กน้อย คล้ายจะรู้สึกไม่ดีลาง ๆ
"พ่ออยากให้แกทำใจไว้ก่อนนะ เรื่องที่พ่อจะพูด…มันสำคัญมากสำหรับครอบครัวเรา หนูแพร…เธอเป็นคู่หมั้นของลูกพ่อกับครอบครัวเขาตกลงกันไว้ตั้งแต่ยังเด็ก ลูก…ต้องหมั้นหมายกับเธอ" คุณธวัชถอนหายใจออกมาเบา ๆ แววตาเต็มไปด้วยความลังเลและหนักใจ ก่อนตัดสินใจพูดตรง ๆ
"อะไรนะ...พ่อพูดเรื่องบ้าอะไรออกมา พ่อก็รู้…ว่าตอนนี้ผมมีคนรักแล้ว คนที่ผมจะใช้ชีวิตด้วย…มีเพียงอิงคนเดียวเท่านั้น" เขาลุกพรวดขึ้นทันที เสียงดังสะท้อนก้องไปทั่วห้องทำงาน
"พ่อเข้าใจ แต่เรื่องนี้มันไม่ใช่แค่ความรักของแก..
มันเกี่ยวกับคำสัญญาและบุญคุณ ครอบครัวหนูแพรเคยช่วยเราไว้มาก ลูกต้องตอบแทน…พ่อไม่อาจปฏิเสธได้" คุณธวัชตวัดตามองลูกชาย สีหน้าฉายแววจริงจัง
"พ่อ นี่มันชีวิตผมนะครับ ไม่ใช่เกมการเมือง ไม่ใช่การแลกเปลี่ยนบุญคุณ...เราใช้วิธีอื่นตอบแทนบุญคุณเขาไม่ได้เหรอ" เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย ทั้งโกรธทั้งสิ้นหวัง มือกำเข้าหากันแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้น
"ไม่ได้ ลูกต้องหมั่นกับเธอเท่านั้น" คุณธวัชพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
"ผมไม่หมั้นไม่แต่งกับใครทั้งนั้น ผมรักอิง…คนที่เดียวที่ผมจะแต่งงานด้วยคืออิง"
"ธันวา" คุณธวัชตะคอกเสียงดัง แววตาคมกริบตวัดมองลูกชาย
"อย่าลืมว่าทุกสิ่งที่แกมี ทุกสิ่งที่แกภาคภูมิใจวันนี้…ส่วนหนึ่งมาจากครอบครัวนั้น ถ้าไม่มีเขา…เราอาจไม่มีแม้กระทั่งบ้านหลังนี้ให้แกยืนเถียงพ่ออยู่ก็ได้"
"โถ่เว้ย…ทำไมต้องเป็นแบบนี้" ชายหนุ่มกัดฟันแน่น ดวงตาร้อนผ่าวราวกับมีเปลวไฟลุกวาบในอก เขาทุบกำปั้นลงบนโต๊ะไม้เสียงดังปัง ความอึดอัดแผ่ซ่านทั่วห้องจนแทบหายใจไม่ออก
"พ่อรู้ไหมผมวางแผนไว้จะขออิงแต่งงานเมื่อเธอเรียนจบ..แต่ตอนนี้ความหวังของผมพังไปหมดแล้ว...ผมต้องปล่อยอิงออกจากชีวิตผมจริงๆ เหรอ" ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นไหว มองหน้าผู้เป็นพ่อด้วยสายตาเศร้าหมอง
"...บางครั้ง…ความรักก็ไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต แต่หน้าที่และเกียรติของตระกูล…ต่างหากที่ยืนยาว"
"พ่อพูดได้ซิ...พ่อไม่ต้องถูกบังคับแบบผม" ชายหนุ่มเม้มปากแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดปะปนกับความขัดแย้งในใจ เขาไม่อาจเชื่อได้ว่าผู้เป็นพ่อ…กำลังพรากความรักที่เขามีต่ออิงไปต่อหน้าต่อตา
เมื่อความเงียบเข้าปกคลุม ชายหนุ่มที่กำหมัดแน่นพยายามกลืนก้อนแข็ง ๆ ในลำคอ เขาตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะผลักประตูห้องทำงานออกไปทันที เขาไม่อยากฟังอะไรอีกแล้ว ไม่อยากเถียงกับผู้เป็นพ่อ ทั้งที่ในใจยังเดือดพล่าน
คุณธวัชมองตามแผ่นหลังกว้างของลูกชายด้วยสายตาหนักใจ ความสงสารปนละอายแผ่ซ่านอยู่ในแววตา เขาไม่อยากให้ความรักของลูกถูกทำลาย แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธพันธะที่แบกอยู่บนบ่าได้
"อิง…กลับ" เสียงทุ้มของเขาเอ่ยห้วนสั้นทันทีที่เดินมาที่สวนดอกไม้ก็เห็นหญิงสาวกำลังพูดคุยกับแม่ของเขาที่ศาลา น้ำเสียงนั้นแข็งจนคนฟังสะดุ้ง
"อ้าว ไหนพี่บอกว่าจะค้างที่นี่คะ" หญิงสาวหันหน้ามองเขาด้วยความงุนงง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
"พี่บอกให้กลับ" คำพูดดังขึ้นอย่างกดดัน แววตาคมดุดันกว่าปกติ ราวกับต้องการปิดบังบางสิ่งไม่ให้ใครล่วงรู้
"อิงกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะคุณแม่" หญิงสาวชะงักไป ดวงตาฉายแววเจ็บปวด เธอก้มลงหันไปยกมือไหว้ผู้เป็นแม่ของเขา
คุณญาดาเพียงยิ้มบาง ๆ ให้หญิงสาว รอยยิ้มที่แฝงด้วยความสงสารและความรู้อยู่แก่ใจ เธอรู้อยู่แล้วว่าลูกชายมีคู่หมั้นและดูก็รู้ว่าลูกชายกำลังโกรธและไม่พอใจกับเรื่องที่เพิ่งทราบ
"ทำไมต้องขึ้นเสียงใส่หนูด้วยคะ.." หญิงสาวรีบเดินตามร่างสูงที่ก้าวยาวมาที่โรงจอดรถ น้ำเสียงสั่นเครือราวกับจะร้องไห้ ชายหนุ่มหันกลับมามองหญิงสาวที่ตอนนี้กำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
"พี่ขอโทษ...มีเรื่องให้เครียดนิดหน่อย" ไม่หน่อยเลย เป็นเรื่องใหญ่เลยที่เดียวแต่เขาไม่อยากพูดตอนนี้ เขาเดินเข้าไปกอดหญิงสาวเป็นการปลอมใจที่เผลอพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่น่าฟัง
"กลับกันดีกว่า"
