EP 03 ไปให้พ้น
บลูเบลล์นั่งตัวเกร็งเมื่อถูกแม่บ้านเชิญให้มานั่งที่โซฟา ผู้ชายที่พูดกับเธอไม่จำเป็นต้องเดาก็รู้ว่าเขาเป็นใคร คงหนีไม่พ้นว่าที่คู่หมั้นของเธอ แค่เสียงของเขาก็ทำเอาเธอกลัวไม่น้อย สายตาของชายตรงหน้าไม่ได้มองเธอเลยด้วยซ้ำ แต่มันกลับน่าขนลุก
“คุณบลูเบลล์คะ น้ำค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มให้กับแม่บ้านที่นำน้ำมาให้ จากนั้นก็เริ่มดื่มน้ำในแก้ว
“พูดมาตรง ๆ เธอต้องการเงินเท่าไหร่?” เวทมนต์ที่เงียบมานานเริ่มถามอีกครั้งเกี่ยวกับจำนวนเงินที่ใช้จ้างเธอ
“หนูไม่ได้ต้องการเงินค่ะ” บลูเบลล์ตอบเขาเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน ถ้าไม่ติดว่าบ้านเงียบสงัด
“อย่ามาทำใสซื่อพูดดี ผู้หญิงมันจะยอมหมั้นกับคนพิการง่าย ๆ โดยไม่ต้องการอะไร หึ! มีแต่ในนิยายน้ำเน่าเท่านั้นแหละ” เขาพูดอย่างดูถูกเหยียดหยามโดยไม่ต้องมองก็รู้ดีว่าเขากำลังทำแบบนั้น
“คุณกำลังมองโลกในแง่ร้ายนะคะ”
“เธอมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน!”
“นะ.. หนูเปล่า หนูไม่ได้ว่าคุณ” บลูเบลล์โบกไม้โบกมือและพยายามมองหาคนรอบ ๆ เพื่อช่วย แต่ไม่มีสักคน
“ฉันจะจ่ายให้เธอสองล้าน ไสหัวไปจากครอบครัวฉันซะ ไม่อย่างงั้นอย่าหวังว่าเธอจะได้มีโอกาสดี ๆ แบบนี้อีก”
“หนูไม่ได้ต้องการเงินของคุณ หนูทำก็เพื่อคุณทั้งสอง”
“จะไม่ยอมดี ๆ ใช่มั้ย?” เสียงของเวทมนต์เปลี่ยนไป มันเรียบนิ่งต่างจากตอนแรกที่เอาแต่ตวาด
“คุณอย่าให้หนูเลือกเลยนะคะ หนูแค่มาดูแลคุณ”
“ฉันไม่ได้ต้องการ”
“หนู…” บลูเบลล์ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรต่อ
“เลือกเดินออกไปซะ ไม่งั้นต่อจากวันนี้ฉันจะทำให้เธอตกนรกทั้งเป็น” อย่าถามเลยว่าเธอกลัวมั้ย ต้องถามว่าใครบ้างที่ไม่กลัว
“หนูทำแบบนั้นไม่ได้ค่ะ”
“มันต้องได้”
“เสียงเอะอะโวยวายอะไรเวทมนต์” เปลวที่ไม่ได้ไปกับภรรยาเพราะมีประชุมออนไลน์ด่วนเข้ามาเดินลงมาจากด้านบน
“พ่ออยู่บ้านเหรอ?” เขาคิดเหมือนกับคนอื่นว่าเปลวออกไปข้างนอก
“ใช่ ถ้าฉันไม่อยู่จะรู้เหรอว่าแกกำลังข่มขู่น้อง”
“ผมก็แค่ทักทาย” เวทมนต์หลับตาลงแม้ว่าจะมองไม่เห็นหน้าของคนที่คุยด้วยแต่ก็เหนื่อยล้าไม่น้อย
“ทักทายแบบไหนของแก อย่าทำให้แม่แกต้องเสียใจ ลำพังที่แกดื้อหัวรั้นแม่แกก็เครียดพอแล้ว ถ้ารู้ว่าแกตวาดผู้หญิงแบบนี้คิดมั้ยว่าแม่จะผิดหวังแค่ไหน” เขาเตรียมจะเดินหนีเพราะไม่อยากฟังเสียงบ่น
“ฉันยังไม่อนุญาตให้แกไป”
“ผมไม่มีอะไรจะคุยด้วย”
“แต่ฉันมี กลับมานั่งซะ” เวทมนต์ยอมแต่โดยดีเพราะหากพ่อเขาเอาจริง การดื้อด้านไปไม่ได้ช่วยอะไร
“หนูบลูเบลล์ เอาของไปเก็บที่ห้องเถอะ เดี๋ยวพ่อจะให้แม่บ้านพาไป”
“ค่ะ” หลังจากว่าที่ลูกสะใภ้เดินไปแล้ว เปลวก็หันกลับมามองหน้าลูกชายด้วยความเอือมระอา ตอนนี้เวทมนต์กำลังต่อต้านเขาเหมือนตอนที่เขาเคยต่อต้านพ่อตัวเองไม่มีผิด
“ทำไมต้องให้เธอเรียกว่าพ่อด้วย ผมไม่มีน้องสาว”
“แต่เขากำลังจะมาเป็นเมียแก”
“ผมขอหรือไง?” ชายหนุ่มย้อนกลับจนลืมไปว่าอาจจะทำให้พ่อที่กำลังหงุดหงิด โมโหมากขึ้น
“แล้วฉันจะให้ใครเรียกว่าพ่อฉันจำเป็นต้องขอแกเหรอ?” เวทมนต์ถึงกับสะอึกเลยทีเดียวเมื่อเจอสวนกลับแบบนั้น บลูเบลล์อาจจะสู้เขาไม่ได้แต่แน่นอนว่าเปลวสู้เขาได้ ด้วยความเป็นพ่อก็ทำให้ชนะไปกว่าครึ่งแล้ว
“ทำตัวดี ๆ ฉันรู้ว่าแกไม่เต็มใจกับเรื่องนี้มากนัก แต่ถ้าวันนึงแกเป็นแบบที่ฉันเคยเป็น แกจะได้ไม่ต้องคอยบอกตัวเองในตอนนั้นว่าไม่น่าทำแบบนี้เลย”
“ผมไม่มีวันรักเธอหรอก ผมไม่ได้เหมือนพ่อ พ่อรักแม่เพราะแม่ดี แต่ผู้หญิงคนนั้นต่อให้ดีให้รักผมยังไงผมก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจ ผมมีคนที่ผมเลือกแล้ว”
“จำคำพูดแกให้ดีเวทมนต์ ฉันเตือนแกด้วยความหวังดี แกจะไม่รับก็เรื่องของแก แต่จำไว้ฉันจะไม่ถอนหมั้นให้แกกับน้องเด็ดขาด มันจะมีแค่การจัดงานแต่งเท่านั้น” เวทมนต์กำหมัดแน่นและเอาแต่คิดว่าควรทำยังไงให้บลูเบลล์ไปให้พ้นชีวิตของเขา
“อ๋อ แล้วผู้หญิงคนนั้นที่แกรักนักรักหนา ลืมไปซะ ฉันจะไม่มีวันรับคนที่ทิ้งแกในวันที่ลำบากมาเป็นลูกสะใภ้เด็ดขาด!”
“ผมจะรักใคร จะเลือกใครไม่จำเป็นต้องให้พ่อรักเธอเหมือนที่ผมรัก”
“แกมั่นใจเหรอว่าถ้าแกรู้ความจริงทั้งหมด แกจะรักผู้หญิงคนนั้นลง?” เปลวกระตุกยิ้มเมื่อคำพูดของเขาทำให้ลูกชายชะงัก
“พ่อหมายความว่าไง?”
“ตอนนี้แกไม่จำเป็นต้องรู้ ฉันกับแม่แกปกป้องความสุขของแกอย่างดี หวังว่าแกจะมีเสี้ยวหนึ่งในเลือดที่ได้แม่แกมาและไม่เลวร้ายกับคนที่ดีด้วย ไม่งั้นคนที่จะเสียใจที่สุดคือแกเอง” เปลวเดินจากไป ทิ้งเวทมนต์ไว้ให้ได้นั่งทบทวน
“คนเดียวที่จะเสียใจจากเรื่องนี้คือผู้หญิงคนนั้นต่างหาก” เวทมนต์บ่นเบา ๆ จากนั้นเขาเริ่มเดินกลับขึ้นด้านบน
“เดี๋ยวหนูช่วยค่ะ” บลูเบลล์เก็บของเสร็จและเดินมาเจอพอดี จึงพยายามที่จะเข้าไปประคอง
“ไม่ต้องยุ่ง น่ารำคาญ” เธอเลือกที่จะไม่สนใจคำพูดคำจาที่ออกจากปากคนอย่างเขา
“เดี๋ยวตกลงไปค่ะ ให้หนูช่วยคุณเถอะ”
“ถ้าจะตกฉันตกไปตั้งแต่สามเดือนก่อนแล้ว ฉันไม่โง่อย่างเธอหรอก” บลูเบลล์เลือกจะเดินตามหลังเขาเงียบ ๆ แทน เพราะคิดว่าเขาคงไม่รู้หากไม่ส่งเสียง แต่เธอคิดผิด เพราะสัมผัสที่เวทมนต์ใช้แทนสายตาคือการคลำและการดมกลิ่น
กลิ่นแป้งเด็กที่ออกจากตัวของเธอมันหอมกว่าน้ำหอมบางยี่ห้อ และทำให้เขาผ่อนคลายไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เพราะทิฐิที่มีบวกกับการอยากเอาชนะ เวทมนต์จึงเลือกสลัดความรู้สึกนั่นทิ้ง
“อย่าเดินตามฉัน”
“คะ.. คุณรู้เหรอคะ?”
“ก็บอกว่าไม่ได้โง่เหมือนเธอไง ไสหัวไปให้พ้น ๆ” เวทมนต์ไล่เธอ แต่แทนที่บลูเบลล์จะไปเธอกลับนั่งลงที่พื้นเพื่อพับผ้าที่เอาออกมาจากกระเป๋า
“ทำไมยังอยู่อีก?”
“หนูกำลังพับผ้าอยู่ค่ะ”
“ไปพับที่อื่น เอาไปไว้ที่อื่นด้วย ห้ามเอามาไว้ในห้องฉัน”
“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณเปลวสั่งห้ามไม่ให้หนูแยกห้องนอนกับคุณ” ถ้าต้องเลือกเชื่อฟังคำสั่งใคร เธอเลือกเชื่อเปลว เพราะรู้ดีว่าเปลวปกป้องเธอจากเวทมนต์ได้ แม้ว่าหลังจากที่เปลวไม่อยู่อย่างที่เคยบอกไว้เธอจะต้องเผชิญกับปีศาจร้ายตัวนี้โดยลำพังก็ตาม
