ตอนที่ 4: ของแทนใจ (แบบเถื่อนๆ) หรือกับดักมรณะ?
ข่าว ‘กระต่ายกัดเสือ’ ณ สนามฟุตบอล กลายเป็นหัวข้อสนทนาหลักในกลุ่มของกวินไปโดยปริยาย ต้าเล่าเหตุการณ์นั้นด้วยสีหน้าภาคภูมิใจราวกับเป็นวีรกรรมของตัวเอง ส่วนโอมก็มองเพื่อนรักด้วยสายตาที่ผสมปนเประหว่างความเป็นห่วงกับความขบขัน
“มึงคือผู้กล้าหาญแห่งคณะศิลปกรรมศาสตร์!” ต้าตบบ่ากวินป้าบๆ
“คนที่กล้ายืนต่อกรกับเทพเจ้าสงครามแห่งวิศวะฯ ตัวต่อตัว!”
“กูว่ามึงแค่โชคดีมากกว่า” โอมแย้งพลางจิ้มหลอดลงในแก้วชานม
“อย่าไปโป๊กเกอร์เฟซใส่เขาบ่อยนักเลย เดี๋ยวโชคไม่เข้าข้างขึ้นมา กูไม่อยากไปเยี่ยมมึงที่โรงพยาบาลนะ”
กวินไม่ได้สนใจคำพูดของเพื่อนทั้งสองคน เขากำลังจดจ่ออยู่กับ ‘บันทึกการวิจัยภาคสนาม’ ในสมุดของเขา หน้ากระดาษเต็มไปด้วยแผนผังความคิดและลูกศรโยงไปมา
“มันไม่ใช่เรื่องโชค” กวินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงของนักวิชาการ
“มันคือการตอบสนองต่อตัวแปรที่ไม่คาดคิด จากการวิเคราะห์ข้อมูลเมื่อวานนี้ กูตั้งทฤษฎีได้ว่า ‘โหมดปกติ’ ของเป้าหมาย สามารถถูกกระตุ้นได้ด้วยสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลาย เช่น การออกกำลังกาย และ ‘โหมดเบอร์เซิร์กเกอร์’ จะถูกเปิดใช้งานเมื่อถูกคุกคามหรือรู้สึกว่าถูกล้ำเส้น แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ...การตอบโต้ของกูเมื่อวานนี้ มันทำให้ระบบของเขาเกิดอาการ ‘รวน’ ชั่วขณะ”
ต้ากับโอมมองหน้ากันปริบๆ ก่อนที่ต้าจะถามขึ้น
“สรุปก็คือ...มึงไปทำให้เขาแฮงก์เหรอวะ?”
“ประมาณนั้น” กวินพยักหน้าอย่างจริงจัง
“ดังนั้น เพื่อยืนยันสมมติฐานนี้ เราจำเป็นต้องเก็บข้อมูลเพิ่มเติม...เราต้องทำการสังเกตการณ์ในระยะที่ใกล้ขึ้น”
“ไม่!!!” ต้ากับโอมประสานเสียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย
แต่สุดท้าย...ด้วยการหว่านล้อม (แกมบังคับ) ของหัวหน้าทีมวิจัยจำเป็น ทั้งสามก็มาปรากฏตัวที่ร้านกาแฟใต้ตึกคณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ไม่ไกลจากตึกวิศวะฯ มากนัก แต่ก็ยังพอจะจัดอยู่ใน ‘โซนสีเหลือง’ ที่ต้องเฝ้าระวังสูงสุดได้
ภารกิจในวันนี้คือ ‘การสังเกตการณ์พฤติกรรมของเป้าหมายในถิ่นอาศัย’
กวินเลือกโต๊ะริมหน้าต่างที่สามารถมองเห็นทางเดินหลักระหว่างตึกได้อย่างชัดเจน เขาแสร้งทำเป็นนั่งสเก็ตช์ภาพวิวทิวทัศน์ แต่ดวงตากลับคอยชำเลืองมองออกไปข้างนอกตลอดเวลา ส่วนเพื่อนอีกสองคนก็ทำทีเป็นนั่งอ่านหนังสือ แต่ก็แอบส่งสายตาให้กันเป็นระยะๆ ราวกับกำลังทำภารกิจลับระดับชาติ
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง...ไร้วี่แววของเป้าหมาย
“กูว่าเขาน่าจะเลิกคลาสแล้วกลับหอไปแล้วมั้ง” ต้าเริ่มหมดความอดทน
“นั่นสิ กลับกันเถอะ” โอมเห็นด้วย
แต่ในจังหวะที่พวกเขากำลังจะเก็บของนั่นเอง...เงาตะคุ่มของร่างสูงที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นที่ปลายสายตา
ภาคินกำลังเดินมากับกลุ่มเพื่อนของเขา...และกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้!
‘เป้าหมายปรากฏตัวแล้ว! ทุกหน่วยเตรียมพร้อมรับสถานการณ์!’ กวินกรีดร้องในใจ เขาหดตัวลงเล็กน้อย พยายามใช้สมุดสเก็ตช์บังหน้าตัวเองให้มากที่สุด
กลุ่มของภาคินเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านกาแฟเพื่อคุยกันต่ออีกเล็กน้อยก่อนจะแยกย้าย และในจังหวะที่เพื่อนๆ ของเขาเดินจากไปแล้ว ภาคินที่ควรจะเดินตรงไปยังลานจอดรถ กลับหยุดชะงัก...แล้วหันมามองตรงมายังร้านกาแฟ...ตรงมายังโต๊ะที่กวินนั่งอยู่
ดวงตาคมกริบคู่นั้นสบเข้ากับดวงตาของกวินที่เบิกกว้างอยู่ในภาวะตื่นตระหนกอย่างจัง
‘ชะ...ฉิบหายแล้ว! โดนจับได้แล้ว! เขาเห็นเราแล้ว! มิสไซล์ล็อกเป้าแล้ว!’
กวินรู้สึกเหมือนเวลาหยุดหมุน หัวใจของเขาเต้นรัวเหมือนกลองสงคราม เขาเห็นภาคินแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเท้าเดินตรงเข้ามาในร้าน...แล้วมาหยุดยืนอยู่ข้างโต๊ะของเขา
“...”
“...”
ความเงียบเข้าปกคลุมโต๊ะของพวกเขาทันที ต้ากับโอมแกล้งทำเป็นไม่รับรู้และก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไปอย่างแข็งขัน
‘เขาจะทำอะไร? เขาจะทำอะไร? เขาจะปล่อยสกิลไม้ตายใส่เรากลางร้านกาแฟเลยเหรอ? ไม่นะ! ที่นี่มีพลเรือนผู้บริสุทธิ์อยู่เต็มไปหมด!’ กวินคิดอย่างสับสนอลหม่าน
ภาคินยืนกอดอกมองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ทำตัวเหมือนเต่าพยายามจะหดหัวเข้ากระดองอยู่ครู่หนึ่ง ในใจของเขาก็นึกขำอยู่ไม่น้อย
‘ไอ้เด็กนี่...เมื่อวานยังทำใจกล้าอยู่เลย วันนี้กลับมากลัวหัวหดเหมือนเดิมอีกแล้ว’ ความรู้สึกอยากจะแกล้งผุดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
เขาล้วงหยิบซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เคาะมันเบาๆ ที่หลังมือจนมีบุหรี่มวนหนึ่งเลื่อนออกมา ก่อนจะยื่นมันไปตรงหน้ากวิน...
กวินที่กำลังอยู่ในภาวะสมองขาวโพลน มองบุหรี่มวนนั้นสลับกับใบหน้าหล่อเหลาที่อ่านอารมณ์ไม่ออกของภาคินอย่างงุนงง
‘อะไร...นี่คืออะไร? การประกาศสงครามรูปแบบใหม่เหรอ? หรือเป็นกับดัก? ถ้าเรารับมามันจะระเบิดไหม? หรือว่านี่คือการท้าทาย? เขาท้าให้เราดวลบุหรี่กับเขางั้นเหรอ!?’
สมองของนักวิจัยทำงานอย่างหนักเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้า
‘หรือว่า...นี่จะเป็นธรรมเนียมการทักทายของเผ่าวิศวะฯ? เหมือนที่ชนเผ่าอินเดียแดงยื่นไปป์ให้กันเพื่อแสดงความเป็นมิตร? หรือว่า...นี่คือของขวัญ! เหมือนที่อีกาคาบของมาให้คนที่มันถูกใจ!? เดี๋ยวนะ! ทำไมความคิดสุดท้ายมันแปลกๆ!’
“มะ...ไม่เป็นไรครับ” กวินรวบรวมสติที่กระจัดกระจายแล้วตอบกลับไปเสียงสั่น
“ผะ...ผมไม่สูบครับ”
ภาคินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ดึงบุหรี่กลับ เขาแค่จ้องหน้ากวินนิ่งๆ เป็นการกดดันทางสายตา
กวินรู้สึกเหมือนเหงื่อแตกพลั่กๆ เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
“ไม่...ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ ขอบคุณครับ”
ภาคินแค่นเสียงในลำคอเบาๆ ก่อนจะทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด เขายื่นมือออกมา...แล้วยัดบุหรี่มวนนั้นใส่มือของกวินที่วางอยู่บนโต๊ะเบาๆ
“ให้”
เขาพูดสั้นๆ เพียงคำเดียว แล้วก็หมุนตัวเดินออกจากร้านไป ทิ้งให้กวินนั่งแข็งเป็นหิน มือยังคงกำ ‘วัตถุพยานชิ้นสำคัญ’ เอาไว้แน่น
หลังจากที่แน่ใจว่าภาคินไปไกลแล้ว ต้ากับโอมก็รีบโผเข้ามาทันที
“เฮ้ย! เมื่อกี้มันอะไรวะ!” ต้าถามอย่างตื่นเต้น
“เขายื่น ‘สาส์นท้ารบ’ ให้มึงเหรอ?”
“กูว่ามันคือกับดักแน่ๆ” โอมพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ในนั้นอาจจะมียาพิษ หรือเครื่องติดตามตัวอยู่ก็ได้ ทิ้งมันไปเลยกวิน!”
แต่กวินกลับไม่สนใจ เขาค่อยๆ คลายมือออกแล้วจ้องมองบุหรี่มวนสีขาวในมือนิ่ง มันเป็นแค่บุหรี่ธรรมดาๆ แต่ไม่รู้ทำไม...เขากลับรู้สึกว่ามันพิเศษอย่างประหลาด ปลายนิ้วของเขาสัมผัสได้ถึงความอุ่นจางๆ ที่ภาคินทิ้งไว้ กลิ่นยาสูบอ่อนๆ ที่ผสมกับกลิ่นน้ำหอมผู้ชายจางๆ ของคนให้...มันทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะไปอย่างไม่มีเหตุผล
ไม่ใช่เพราะความกลัว...แต่เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน...
คืนนั้น กวินนำบุหรี่มวนนั้นมาเก็บใส่กล่องเหล็กเล็กๆ อย่างดี เขานั่งมองมันอยู่พักใหญ่ก่อนจะเปิดบันทึกการวิจัยของเขาขึ้นมาอีกครั้ง
ผลการสังเกตการณ์ภาคสนามครั้งล่าสุด: เป้าหมายมีพฤติกรรมที่อยู่นอกเหนือการคาดการณ์...มีการมอบ ‘วัตถุ’ ที่ไม่สามารถระบุเจตนาที่แท้จริงได้
สมมติฐานใหม่: นอกเหนือจาก ‘โหมดปกติ’ และ ‘โหมดเบอร์เซิร์กเกอร์’ อาจมี ‘โหมดสุ่ม’ ที่ทำงานโดยไร้ซึ่งตรรกะ...
ข้อควรระวัง: การเข้าใกล้เป้าหมาย อาจส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของนักวิจัยโดยตรง...ทำให้เกิดอาการ...ใจสั่น
กวินรีบปิดสมุดลงทันที ใบหน้าของเขารู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
ความกลัวยังคงอยู่...แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้...มันกำลังจะมีเพื่อนใหม่ที่ชื่อว่า ‘ความหวั่นไหว’ เข้ามาอยู่ด้วยเสียแล้ว
