ตอนที่ 3: ระบบรวน หรือ กระต่ายกัดเสือ? - 2
แต่แล้ว ช่วงเวลาแห่งการศึกษาวิจัยอันสงบสุขก็จบลง เมื่อต้ากับโอมเดินตามมาสมทบ
“อ้าว หนีมาอยู่นี่เองไอ้กวิน”
ต้าทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ อย่างแรงจนอัฒจันทร์สั่น
“โห...แดดเปรี้ยงๆ เลยนะมึง”
“เฮ้ย! นั่นมันพี่ภาคินนี่หว่า” ต้าชี้ลงไปในสนาม
“วันนี้มาแปลกว่ะ ดูใจดีผิดปกติ”
‘ใช่ไหมล่ะ! แกก็คิดเหมือนกันใช่ไหม!’
กวินอยากจะพูดออกไป แต่ก็ทำได้แค่พยักหน้าเงียบๆ
เกมในสนามดำเนินไปอย่างดุเดือด และมีจังหวะหนึ่งที่ภาคินได้บอลแล้วเลี้ยงหลบกองหลังขึ้นไปหน้าประตูอย่างสวยงาม แต่ในจังหวะสุดท้าย เขากลับยิงพลาดข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย
และต้า...เพื่อนผู้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาแห่งหายนะ...ก็ทำในสิ่งที่เขาถนัดที่สุด
“โห่พี่! ยิงนกตกปลาเหรอครับ!” ต้าตะโกนแซวลงไปในสนามด้วยความคึกคะนองเต็มพิกัด
‘ไม่นะ...ไอ้เพื่อนเวร!!! แกเพิ่งกดปุ่มเปิดใช้งานโหมดเบอร์เซิร์กเกอร์ของเขา!’
กวินอุทานในใจ พลางเตรียมลากเพื่อนวิ่งหนี แต่ก็ไม่ทันการณ์...
ภาคินที่กำลังหัวเสียกับการยิงพลาดของตัวเองหยุดชะงัก รอยยิ้มและเสียงหัวเราะหายวับไปในพริบตา เขาหันขวับมายังอัฒจันทร์ที่ทั้งสามนั่งอยู่ สายตาคมกริบคู่นั้นจับจ้องมาที่กลุ่มพวกเขาอย่างแม่นยำ
ระบบ ‘บอสโหมด’ ถูกเปิดใช้งานอีกครั้งในเวลาเพียง 0.2 วินาที!
เขาเดินตรงมายังอัฒจันทร์ด้วยออร่ามาคุที่คุ้นเคย
“ปากดีนะมึงไอ้เด็กศิลป์” เขาจ้องหน้าต้าอย่างเอาเรื่อง
และในวินาทีนั้นเอง...ก็เกิดเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายยิ่งกว่าการที่ภาคินยิ้มได้...
กวิน...ผู้ซึ่งควรจะกลัวจนตัวหดเหลือสองนิ้ว...กลับลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับบอสเสียอย่างนั้น!
“พี่ครับ เพื่อนผมเขาแค่ล้อเล่นเฉยๆ พี่ไม่เห็นต้องจริงจังขนาดนี้เลย”
‘เฮ้ย! ปาก! แกขยับเองเหรอ! ฉันไม่ได้สั่งนะ!’
กวินกรีดร้องกับตัวเองในใจ สมองของเขากำลังขึ้นข้อความแจ้งเตือนสีแดงเต็มไปหมด ‘MANUAL OVERRIDE DETECTED! SELF-DESTRUCT SEQUENCE INITIATED! MAYDAY! MAYDAY!’
มันเป็นปฏิกิริยาที่เกิดจากความรู้สึกขัดแย้งล้วนๆ เขาเพิ่งเห็นภาคินในโหมดนักกีฬาที่หัวเราะและเล่นกับเพื่อนๆ ได้ การที่จู่ๆ จะสลับมาใช้โหมดเผด็จการกับเรื่องล้อเล่นเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้...มันให้ความรู้สึกว่า ‘ไม่ยุติธรรม’ อย่างรุนแรง
ภาคินชะงักไปเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด เขามองหน้ากวินอย่างงุนงง
‘ไอ้เด็กนี่อีกแล้ว...’
“มึงอยากโดนดีนักใช่ไหม?” เขาถามกลับ พยายามเปิดใช้ออร่าข่มขวัญเลเวลสูงสุด
“เขาขอโทษพี่แล้ว” ปากของกวินยังคงทำงานต่อไปอย่างอิสระ สวนทางกับสมองที่กำลังร้องว่า
‘หนีไปสิเอ๋! วิ่ง!’
การเผชิญหน้าจบลงเมื่อนนท์เพื่อนของภาคินวิ่งตามมาลากตัวกลับไป
“ไอ้ภาคิน มึงจะเอาเรื่องเด็กมันทำไมวะ กลับไปเล่นต่อได้แล้ว”
ภาคินยอมล่าถอย แต่ก่อนจะไป เขาหันกลับมาจ้องหน้ากวินอีกครั้ง เป็นการจ้องที่ยาวนานและอ่านความหมายไม่ออก มันไม่ใช่แค่ความโกรธ ไม่ใช่แค่ความรำคาญ แต่มีแววของความประหลาดใจ...และความสับสนเจืออยู่ด้วย
กวินทิ้งตัวนั่งลงบนอัฒจันทร์อย่างหมดแรง หัวใจเต้นรัวเหมือนจะหลุดออกมาข้างนอก แต่ครั้งนี้...มันไม่ใช่แค่ความกลัว มันมีอะดรีนาลีนและความรู้สึกแปลกๆ ปนอยู่ด้วย...ความรู้สึกของการได้ ‘โต้ตอบ’ กลับไป
เขา...กระต่ายตัวน้อย...เพิ่งจะกัดเสือไปหนึ่งแผลเล็กๆ และรอดชีวิตกลับมาได้
กวินเปิดสมุดแผนที่ของเขาขึ้นมาอีกครั้ง เขามองข้อมูลที่เคยบันทึกไว้...แล้วลบมันทิ้ง
เขาบรรจงเขียนหัวข้อใหม่ลงไป...
หัวข้อการวิจัย: ‘ความไม่เสถียรทางอารมณ์ของสปีชีส์ ภาคิน-วิศวะฯ’
สมมติฐาน: อาจมีปัจจัยภายนอกที่สามารถสับเปลี่ยน ‘โหมด’ การทำงานของเป้าหมายได้
ข้อสรุปเบื้องต้น: น่าสนใจ...น่าสนใจมาก...
ภารกิจเอาตัวรอดของกวิน...กำลังจะถูกเปลี่ยนเป็น ‘ภารกิจศึกษาและวิจัยภาคสนาม’ โดยที่เจ้าตัวยังไม่รู้เลยว่า...ความอยากรู้อยากเห็นนี่แหละ คือประตูบานแรกที่อันตรายที่สุด
