บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2: ภารกิจหลบหลีกและการเซ่นไหว้ด้วยน้ำแดง

หลายวันผ่านไปนับตั้งแต่การเผชิญหน้ากับ ‘ลาสบอส’ แห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ ชีวิตของกวินก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขากลายเป็นนักยุทธศาสตร์การเอาตัวรอดเต็มขั้น สมุดสเก็ตช์ภาพของเขานอกจากจะมีภาพวาดทิวทัศน์แล้ว หน้าหลังสุดยังถูกอุทิศให้เป็น

‘แผนที่เอาตัวรอดฉบับกวินและผองเพื่อน’ อย่างลับๆ

แผนที่นั้นระบุโซนต่างๆ ในมหาวิทยาลัยด้วยสีที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

โซนสีเขียว (Green Zone): เขตปลอดภัยสูงสุด เช่น ตึกคณะศิลปกรรม, ห้องสมุดมุมในสุด, และร้านป้าน้ำปั่นหลังคณะสถาปัตย์ฯ เป็นพื้นที่ที่โอกาสเจอบอสเท่ากับศูนย์

โซนสีเหลือง (Yellow Zone): เขตต้องระวัง เช่น ลานกิจกรรมกลาง, สนามฟุตบอล, และโรงอาหารส่วนใหญ่ มีโอกาสเจอบอสได้ แต่สามารถหลบหลีกได้หากมีการสอดแนมที่ดี

โซนสีแดง (Red Zone): เขตอันตรายสูงสุด! ได้แก่ ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์และพื้นที่โดยรอบในรัศมีหนึ่งร้อยเมตร การย่างเท้าเข้าไปเทียบเท่ากับการกดปุ่ม ‘ยอมแพ้’ ให้กับชีวิต

“มึง...กูว่ามึงจริงจังเกินไปแล้วนะ” ต้าพูดขึ้นในตอนเช้า ขณะที่กวินกำลังพาเพื่อนเดินอ้อมโลกเพื่อไปยังโรงอาหารที่ไกลออกไป แต่เป็นโซนสีเขียวตามแผนที่

“ความปลอดภัยต้องมาก่อน” กวินตอบด้วยสีหน้าจริงจัง

“แกก็เห็นแล้วว่าออร่าของเขารุนแรงแค่ไหน การปะทะโดยไม่จำเป็นคือการกระทำที่โง่เขลา” โอมที่เดินตามมาเงียบๆ ได้แต่ถอนหายใจ

“กูว่าที่กวินพูดก็มีเหตุผล แต่กูหิวจนจะกินหัวต้าได้อยู่แล้วเนี่ย”

ภารกิจหลบหลีกของกวินดำเนินไปได้อย่างราบรื่นอยู่หลายวัน จนกระทั่งโชคชะตาตัดสินใจว่า...เรื่องสนุกมันยังไม่พอ

เที่ยงวันนั้นเอง... ณ โรงอาหารกลางอันเป็นโซนสีเหลืองอร่าม กลิ่นข้าวขาหมูเจ้าดังหอมยั่วยวนจนสามสหายต้องยอมเสี่ยงชีวิตเข้ามาในพื้นที่

“โอเคทุกคน...ปฏิบัติการ ‘ขาหมูสยบมังกร’ เริ่มได้”

กวินประกาศเสียงเครียด พลางสอดส่ายสายตาไปรอบๆ ราวกับหน่วยซีลที่กำลังเข้าเคลียร์พื้นที่

“ต้าไปจองโต๊ะ โอมไปซื้อน้ำ ส่วนฉันจะไปจัดการกับเป้าหมายหลักเอง แยกย้าย!”

เพื่อนทั้งสองมองหน้ากันอย่างเอือมๆ แต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี

กวินต่อแถวซื้อข้าวขาหมูด้วยหัวใจที่เต้นระทึก เขาสแกนพื้นที่โรงอาหารไปรอบๆ... Sector 1 Clear… Sector 2 Clear… Sector 3... เฮ้ย!

ดวงตาของกวินเบิกกว้างราวกับไข่ห่าน หัวใจของเขาหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม

‘Code Red! Code Red! พบเป้าหมายในพื้นที่ปฏิบัติการ! ขอย้ำ พบเป้าหมายในพื้นที่!’ เสียงเตือนภัยในหัวของเขากรีดร้อง

ภาคิน...ในเสื้อช็อปตัวเดิม...นั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่โต๊ะมุมสุดของโรงอาหาร แม้จะอยู่ไกล แต่รัศมีแห่งความกดดันนั้นแผ่กระจายมาถึงอย่างชัดเจน

“ป้าครับ...ข้าวขาหมูสองจาน...ห่อกลับบ้านครับ!” กวินเปลี่ยนแผนกลางอากาศทันที

“อ้าวไอ้หนู เมื่อกี้ยังบอกกินนี่อยู่เลย” ป้าเจ้าของร้านทัก

“ผม...ผมเพิ่งนึกได้ว่ามีธุระด่วนครับป้า”

แต่ดูเหมือนจะช้าไปเสียแล้ว...เมื่อต้า เพื่อนผู้เป็นตัวแปรแห่งหายนะ เดินกลับมาพร้อมกับแก้วน้ำแดงสีสดใสสองแก้วในมือ

“กวิน! กูจองโต๊ะได้แล้ว โต๊ะนั้นเลย วิวดีมาก!” ต้าตะโกนเรียกมาแต่ไกล

‘ไอ้เพื่อนบ้า! แกกำลังเรียกยมทูตมาหาเรานะ!’

กวินอยากจะตะโกนกลับไปแต่ก็ทำไม่ได้

และแล้ว...หายนะที่แท้จริงก็บังเกิด

ด้วยความดีใจที่จองโต๊ะได้ หรืออาจจะสะดุดอากาศธาตุ ต้าก้าวพลาดไปหนึ่งก้าว...

ภาพทุกอย่างกลายเป็นสโลว์โมชันในสายตาของกวิน

แก้วน้ำแดงในมือของต้าลอยละล่องขึ้นกลางอากาศ ของเหลวสีแดงฉานสาดกระเซ็นเป็นสายโค้งงดงามราวกับงานศิลปะแอ็บสแตรก ก่อนจะพุ่งตรงไปยังเป้าหมายเดียว...

เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดที่อยู่ภายใต้เสื้อช็อปสีเลือดหมูของภาคิน...

ซ่า!

เสียงสาดกระเซ็นดังขึ้นพร้อมกับเสียงอุทานของผู้คนรอบข้าง โลกทั้งใบของกวินดับวูบลง และมีคำว่า ‘GAME OVER’ ตัวใหญ่ๆ ฉายขึ้นมาแทน

ต้าหน้าซีดเผือด ยืนนิ่งราวกับรูปปั้นที่ถูกสาปไปแล้วเรียบร้อย

ภาคินก้มลงมองคราบสีแดงสดที่กำลังซึมลึกเข้าไปในเนื้อผ้าเสื้อตัวโปรดของเขาอย่างช้าๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น...

ถ้าสายตาฆ่าคนได้ โรงอาหารกลางคงกลายเป็นสุสานไปแล้วในบัดดล

‘พระเจ้า...นี่มันการเซ่นไหว้เทพเจ้าภูเขาไฟด้วยเลือดบริสุทธิ์ชัดๆ แต่นี่มันน้ำแดง!’

กวินกรีดร้องในใจ

สมองของเขาประมวลผลแผนการเอาตัวรอดอย่างรวดเร็ว

แผน A: แกล้งตาย...ไม่น่ารอด

แผน B: โทษว่าเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากสนามแม่เหล็กโลก...ไม่น่าเชื่อ

แผน C: สละยานแม่...เอ๊ย! สละต้า แล้ววิ่งหนี...ดูจะใจร้ายเกินไป

สุดท้ายเขาก็เลือกแผน D: การทูตและการเจรจาต่อรอง

“ทะ...ท่าน...เอ๊ย! พี่ครับ!” กวินรีบปรี่เข้าไปโค้งตัวเก้าสิบองศา

“กระผม...เอ๊ย! ผมในนามของเพื่อนผู้ซึ่งวิญญาณได้ออกจากร่างไปแล้ว ขอกราบขออภัยในเหตุการณ์สุดวิสัยที่เกิดขึ้นนี้ด้วยครับ!”

ภาคินหรี่ตามองสิ่งมีชีวิตตัวเล็กที่พูดจาเหมือนหลุดมาจากหนังจักรๆ วงศ์ๆ

‘ไอ้เด็กศิลป์หน้าจืดอีกแล้ว...ดวงกูสมพงศ์กับมันรึไงวะ’ เขาคิดอย่างหัวเสีย

“เสื้อตัวนี้...พวกเราจะขอรับผิดชอบด้วยการนำไปซักฟอกด้วยผงซักฟอกที่ดีที่สุดในปฐพี พร้อมทั้งเคลือบน้ำยาปรับผ้านุ่มเจ็ดชั้น เพื่อให้กลับมาขาวสะอาดเหมือนใหม่ไร้ราคีเลยครับ!” กวินสาธยายต่อราวกับพนักงานขายตรง

“มึงเป็นคนทำรึไง” ภาคินถามเสียงเย็นเยียบ ตัดบทการขายตรงอย่างไร้เยื่อใย

“ถ้าไม่ใช่ แล้วจะเสนอหน้าออกมาทำไม!”

‘โอ๊ย...โดนดาเมจเต็มๆ’

กวินแทบจะล้มทั้งยืน แต่ยังฝืนยืนหยัดต่อไป

“คือ...เพื่อนผมเขาอยู่ในสภาวะช็อก ไม่สามารถสื่อสารได้ชั่วคราวครับ”

“แล้วไง? คณะมึงสอนให้แต่หลบอยู่ข้างหลังเพื่อนเหรอวะ หรือสอนให้เป็นแต่พวกอ่อนแอที่ต้องมีคนคอยปัดกวาดเช็ดถูให้ตลอดเวลา”

‘คณะผมสอนศิลปะครับ ไม่ได้สอนวิชาการทูตเพื่อเอาตัวรอดจากพี่ว้ากใจยักษ์!’

กวินอยากจะตอบกลับไป แต่ความเป็นจริงคือเขาได้แต่เม้มปากรับดาเมจนั้นไว้เงียบๆ พลางคิดในใจว่า

‘ครับ...พวกเราคือดอกไม้ที่บอบบาง เลือดของพวกเราทำจากสีน้ำ อย่าตะคอกสิครับ เดี๋ยวกลีบดอกไม้จะร่วงหมด’

โชคดีที่สวรรค์ยังคงเมตตา เจตคนหนึ่งในกลุ่มของภาคินลุกขึ้นมาตบบ่าเขา

“เฮ้ย พอแล้วมึงไอ้ภาคิน เด็กมันกลัวจนจะร้องไห้อยู่แล้ว ไปเหอะ เดี๋ยวเสื้อเป็นคราบไปกว่านี้”

ภาคินแค่นเสียงในลำคอ ก่อนจะหันมาจ้องหน้ากวินอีกครั้ง

“น่ารำคาญฉิบหาย”

พูดจบเขาก็เดินกระแทกไหล่กวินออกไปจากตรงนั้นอย่างแรง ทิ้งให้กวินและเพื่อนยืนเหมือนผู้รอดชีวิตหลังอุกกาบาตพุ่งชนโลก

“มึง...กูเกือบตายแล้ว...ขอบใจนะมึง” ต้าพูดขึ้นเสียงสั่นเครือเมื่อได้สติกลับคืนมา

กวินพยักหน้าหงึกๆ ด้วยสีหน้าว่างเปล่า...แผนที่ของเขา...แผนการเอาตัวรอดของเขา...มันพังทลายลงแล้ว

เขาเปิดหน้าแผนที่ในสมองขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะขีดฆ่าข้อมูลเก่าทั้งหมดทิ้งไป แล้วบรรจงเขียนข้อมูลใหม่ลงไปแทน...

บุคคลอันตราย: ภาคิน วิศวะฯ ปี 3

สถานะ: อัปเดตล่าสุดเป็น ‘มิสไซล์นำวิถีแห่งหายนะ’ (Homing Missile of Doom) สามารถล็อกเป้าหมายและโจมตีได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในโซนสีแดง

ข้อสรุป: การหลีกเลี่ยงแบบเดิมใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป...จำเป็นต้องพัฒนายุทธศาสตร์การป้องกันตัวในระดับต่อไป...

ภารกิจเอาตัวรอดของกวิน...เพิ่งจะถูกอัปเกรดความยากขึ้นสู่ระดับ Nightmare โดยไม่ทันได้ตั้งตัว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel