ตอนที่ 2-2
เขาเห็นสีหน้าเหวอของเธอแล้วนึกขำ แต่เก็บอาการไว้ “อืม นอนต่อเถอะ”
มุกระวีดีดตัวลุกพรวด ใครจะไปนอนหลับ แล้วเอามือขยี้ตาแรงๆ เมื่อเห็นร่างเปลือยของชายหนุ่มที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับเธอ
กรี๊ดดด
‘ไม่นะ ไม่จริง ฉันถูกท่านชีค...’
“ออกไปให้พ้นนะ” เมื่อแน่ชัดกับตาแล้วว่าคนที่มานอนด้วยนั้นมีแต่ร่างกายเปลือยเปล่า สาวบริสุทธิ์อย่างมุกระวีที่ยังไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อนก็ร้องโวยวาย มือบางรีบคลำหาสวิตช์ไฟเพื่อช่วยให้การมองเห็นดีขึ้น
“จะร้องเสียงดังทำไมกันคุณ มานอนเถอะ นี่กี่โมงแล้ว พรุ่งนี้เรายังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ” เสียงฟาริสบอกอย่างรำคาญ แต่ทำให้มุกระวียิ่งโกรธจัด
“ไอ้ชีคหื่นตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ ใครจะไปนอนกับคุณ” มุกระวีตะโกนบอกแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมขยับ เผอิญดวงตาคู่หวานเหลือบไปเห็นอาวุธบางอย่างน่าจะเป็นมีดพกของเขา เอ๊ะ หรือว่าปืน มุกระวีรีบปราดไปหยิบมาขู่ทันที แล้วพบว่าเป็นมีด แม้ยุคนี้โลกจะพัฒนาไปไกลเพียงใด และชีคฟาริสเชี่ยวชาญในการยิงปืนมากแค่ไหน แต่อาวุธที่ชำนาญที่สุดของชีคหนุ่มกลับเป็นมีดสั้น
“จะออกไปหรือไม่ออกไป”
ฟาริสลืมตาขึ้นมาอย่างรำคาญ พอเห็นว่ามีดพกของตัวเองไปอยู่ในมือน้อยๆ ก็นึกโมโหตัวเองที่ไม่น่าวางลืมไว้ ตอนเขาเข้ามานอน เขาทำทุกอย่างตามความเคยชิน เพราะนี่คือห้องนอนส่วนตัว เขาถอดเสื้อผ้า แล้ววางมีดพกไว้ที่ประจำ แต่ลืมไปว่ามีหมอนกอดดิ้นได้มานอนอยู่เป็นเพื่อน
“วางลงซะคนสวย มันอาจจะกลายเป็นอาวุธทำร้ายตัวคุณเองได้”
“อย่ามากล่อมให้ยาก ฉันจะฆ่าคุณ ถ้าคุณยังไม่ลุกไปจากห้องนี้”
ฟาริสลุกขึ้นมาทำให้มุกระวีได้เห็นแผงอกกว้างๆ ที่มีไรขนสีน้ำตาลหนานุ่มเกาะกันเป็นกลุ่มตรงหน้าอก อีกทั้งหน้าท้องก็มีแต่ลอนกล้ามเนื้อแน่นๆ ดีที่ผ้าห่มยังปิดตรงส่วนสำคัญไว้ ไม่อย่างนั้นมุกระวีคงหัวใจวายตาย
หญิงสาวลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ก่อนจะพยายามดึงสติและสายตาให้โฟกัสแต่ใบหน้าของคนหล่อ
“ลุกไปแต่งตัว อย่าชักช้า ไม่งั้นฉันแทงจริงๆ ด้วย”
คำพูดนี้เรียกรอยยิ้มให้ผุดขึ้นที่ริมฝีปากหยักลึกของฟาริส “เอาสิ คุณแทงผม ผมแทงคืน แต่คุณจะแทงถูกผมหรือเปล่า ผมรับประกันได้ว่าถ้าผมได้แทงคุณ เข้าถูกทุกจุด ถ้าเป็นฟุตบอลก็เรียกว่ายิงเข้าทุกประตู”
มุกระวีไม่ใช่คนโง่เรื่องเซ็กซ์ เธอเข้าใจความหมายของเขาทันที
“ฉันจะตัดส่วนนั้นของคุณทิ้งก่อนเลย เอาล่ะ อย่าเสียเวลา ลุกไปแต่งตัวได้แล้ว”
ฟาริสยอมลุกแต่โดยดี เขาเดินอวดหุ่นกำยำสมส่วนที่แมนทั้งแท่งไปหยิบชุดคลุมมาสวม แต่ท่าทางสบายๆ เต็มไปด้วยความสง่างามแกมมั่นใจนั้นทำให้คนมองตาโต เพราะบางอย่างของเขามันเกินหน้าเกินตาออกมามาก
ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนประเภทไหนถึงหน้าหนานัก “ไอ้คนบ้า เดินแก้ผ้ามาแบบนั้นได้ยังไง” มุกระวีไม่รู้ว่าเหตุใดจึงตกใจเมื่อสายตาสะดุดกับบางสิ่ง เธอควรจะเรียกมันว่าอะไร หอกทะเลทรายอย่างนั้นเหรอ บ้าบอสิ้นดี “ทุเรศ เกิดมาฉันเพิ่งเคยเห็นเปรตกลางทะเลทราย” มุกระวีตกใจจนเผลอทำมีดหล่น เพราะจะยกมือปิดตา
ฟาริสเลยเข้าสวมกอดจากทางด้านหลัง เตะด้ามมีดพกให้ห่างจากระยะมือของมุกระวี
“ถ้าคุณไม่แทงผม งั้นผมแทงคุณก่อนนะ แทงก่อนย่อมได้เปรียบ” พูดจบคนหล่อก็ซุกใบหน้าลงกับซอกคอหอมกรุ่น
มุกระวีย่นคอหนีแล้วเอี้ยวตัวหลบเพื่อให้พ้นจากการถูกจู่โจมอย่างรวดเร็ว ปากหยักลึกที่มีไรเคราเขียวครึ้มครูดกับผิวเนื้อของเธอจนขนลุกไปหมด แต่นั่นยังไม่น่ากลัวเท่ากับอาวุธทะเลทรายหน้าตาประหลาดที่มุกระวีเกิดมาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก มันทั้งยืดหยุ่นและแข็งแรงในเวลาเดียวกันกำลังดุนดันอยู่ตรงสะโพก
“ท่านชีค ท่านจะลดตัวมารังแกผู้หญิงไม่ได้นะ ถ้าหากทำแบบนั้นใครรู้เข้าท่านต้องอายแน่ มันเสียศักดิ์ศรีมากรู้หรือเปล่า ถ้าปล่อยฉันไป ฉันจะไม่ถือสาเอาความเรื่องในวันนี้ รวมถึงเรื่องเมื่อวานด้วย”
“ผมต้องสนเหรอ” เขาบอกและเป็นจังหวะให้มุกระวีผลักเขาออกแล้วถอยหลังหนี
“หรือว่าท่านชีคอย่างคุณดีแต่รังแกผู้หญิงไม่มีทางสู้”
ฟาริสไม่สนใจคำพูดเหน็บแนม เขาเดินช้าๆ เข้าไปทีละก้าว ขณะที่มุกระวีก็ถอยหลังทีละก้าวเช่นกัน แต่กลายเป็นล้มลงไปบนโซฟาผ้าแคชเมียร์ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
“ว้าย”
และที่เลวร้ายคือมือที่ไขว่คว้าจะหาสิ่งยึดเกาะกลายเป็นคว้ามือแกร่งล้มลงมาด้วยกัน ร่างของฟาริสคร่อมทับอยู่บนร่างเล็ก ใบหน้าหล่อเหลาลอยอยู่เหนือหน้าคนที่เบิกตากว้าง
“ลงไปนะ” มุกระวีไล่ ทุบกำปั้นลงไปตามเนื้อตัวแกร่ง
“หยุดบ้าเสียที” ฟาริสคำราม “คุณฉุดผมลงไปทับคุณเองนะมุกระวี ทำแบบนี้ต้องการให้ผมจูบคุณอีกใช่ไหม ถึงได้อ่อยแรงขนาดนี้”
