บทที่ 4 ประธานคนใหม่
นับจากวันนั้นแสงดาวพยายามเลี่ยงจะเจอหน้านักรบ แม้ว่าอีกฝ่ายจะตามรบเร้าเพื่อขอคืนดีก็ตาม แต่หญิงสาวไม่เล่นด้วย
“ขอคุยด้วยหน่อยสิ” นักรบวิ่งตามหลังแสงดาวติด ๆ ก่อนถือวิสาสะคว้าท่อนแขนเรียว
“ปล่อย” ตวัดสายตามองคนตรงหน้า
“คุยกันก่อนสิ”
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนาย” แสงดาวกวาดสายตามองรอบกาย ที่พนักงานคนอื่น ๆ กำลังหันมองเธอกับอดีตแฟนหนุ่มอย่างสนใจ
“ไม่เอาสิแสง อย่างอแงได้ไหม”
“นี่นาย ไม่อายคนอื่นบ้างเหรอ”
“หลังเลิกงานเรามาคุยกันนะ” นักรบหันมองรอบกาย ก่อนยอมปล่อยมือจากแสงดาวและย่างเท้าจากไปอย่างจำใจ
“เลวที่สุด” ไม่ใช่เสียงแสงดาว แต่เป็นเสียงของน้ำฟ้าเพื่อนร่วมงานของหญิงสาว
“ฟ้า” หันขวับมองคนมาใหม่ที่เดินมาหยุดข้างกาย
“มันยังไม่เลิกตอแยกับแสงอีกเหรอ ตัวเองทำเลวแท้ ๆ ไม่สำนึกผิดเลย”
“อย่างที่ฟ้าเห็นแหละ”
“แล้วแม่นั่นล่ะ” น้ำฟ้าหมายถึงผิงผิงที่บังเอิญเดินเข้ามาในบริษัทพอดี แต่กลับเมินเฉยต่อแสงดาว
“ก็อย่างที่เห็นแหละ”
ตั้งแต่ล่มงานแต่ง ผิงผิงไม่แม้จะเหลียวมองแสงดาว หนำซ้ำไม่ยอมมาพูดอะไรสักนิด ทำราวกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของเธอ
“เห็นหน้าแล้วรู้สึกหมั่นไส้ชะมัด นี่ถ้าอยู่แผนกเดียวกัน ฉันจะสั่งสอนให้หนักเลย”
“รีบไปกันเถอะฟ้า ได้ยินว่าวันนี้ประธานคนใหม่จะเข้ามา” แสงดาวตัดบท เพราะไม่อยากให้เพื่อนหัวเสียกับเรื่องของตนเองไปมากกว่านี้
“อืม” น้ำฟ้าควงแขนเล็กของแสงดาว ก่อนทั้งคู่จะตรงไปยังแผนกด้วยกัน
ณ ห้องประชุมขนาดใหญ่ ทุกสายตาจ้องมองไปยังชายหนุ่มด้วยความสนใจ ก่อนชายวัยชราเจ้าของบริษัทจะเป็นคนพูดเปิดประเด็น
“นี่ลายสิงห์ หลานชายเพียงคนเดียวของฉัน หลังจากนี้จะมารับช่วงต่อจากฉัน มีใครจะคัดค้านอะไรไหม” ขจรศักดิ์เอ่ยแนะนำตัวหลานชายให้แก่ผู้ถือหุ้นรู้จัก โดยกวาดสายตามองทีละคนเพื่อสังเกตท่าที
“...” ไม่มีเสียงตอบกลับจากคนในห้อง การส่งมอบตำแหน่งประธานบริษัทให้แก่ลายสิงห์เป็นไปอย่างราบรื่น
“ถ้าไม่มีใครจะพูดอะไร งั้นจบประชุมเท่านี้” เสียงทรงอำนาจเอ่ยบอกอย่างเด็ดเดี่ยว ก่อนทุกคนจะเริ่มทยอยออกจากห้อง
“คุณปู่ครับ”
“ถ้ามีอะไรอยากรู้ก็ถามตุลย์ละกัน ตั้งใจเรียนรู้งานให้ดีนะ” ชายสูงวัยเอ่ยบอกกับหลานชายเพียงเท่านั้น แล้วตบบ่าแกร่งของลายสิงห์เบา ๆ พร้อมจากไป
“ผู้หญิงคนนั้นทำงานที่นี่ใช่ไหม” คล้อยหลังผู้เป็นปู่ เขาหันไปถามตุลย์ทันทีอย่างร้อนใจ
“ครับ”
“ไปกันเถอะ”
“ไปไหนครับ” ตวัดสายตามองเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาอย่างรอฟังคำตอบ
“ทำงานสิ ฉันมีงานหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ”
“เอ่อ แล้วเรื่องผู้หญิงคนนั้นล่ะครับ”
“ไม่ต้องห่วง เธอคงไม่หนีไปไหนหรอก” ในเมื่อตอนนี้เขาได้ข้อมูลเกี่ยวกับแสงดาวแล้ว ฉะนั้นไม่กลัวเด็ดขาดว่าคนตัวเล็กจะหายไปจากกันเหมือนครั้งก่อน
“ครับ”
ตลอดทั้งวันที่ลายสิงห์วุ่นวายกับการเรียนรู้งาน กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เป็นเวลาเกือบบ่ายโมง
“คุณสิงห์พักหน่อยเถอะ” พูดพลางวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะทำงาน
“อืม”
“นายเองก็ไปพักเหมือนกันเถอะ”
“คุณสิงห์อยากจะกินอะไรไหมครับ เดี๋ยวผมสั่งให้”
ลายสิงห์เหลือบมองนาฬิกาตั้งโต๊ะ ก่อนเอ่ยถามเลขา
“ตอนนี้พนักงานทุกคนกำลังพักเที่ยงใช่ไหม”
“ครับ” ตอบรับสั้น ๆ โดยไม่ถามต่อ แม้จะรู้สึกสงสัยก็ตาม
“ดีเลย” ไม่พูดเปล่า ลายสิงห์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมยกเท้าใหญ่เตรียมจะไปจากห้อง
“คุณสิงห์จะไปไหนครับ”
“มีคนอยากทักทายหน่อย” ยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
หลังจากลายสิงห์ลงมายังชั้นล่างของบริษัท เป็นจังหวะเดียวกันสายตาคมกริบปะทะกับร่างอรชรของแสงดาว ที่กลับมาจากพักเที่ยงเพียงคนเดียว
ทันใดนั้นแผนการบางอย่างผุดขึ้นในหัว ชายหนุ่มหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อสูท แล้วทำเหมือนเดินสวนกับแสงดาว ก่อนจะแสร้งทำผ้าเช็ดหน้าตก
“ของตกค่ะ” หญิงสาวก้มลงเก็บของดังกล่าว ก่อนจะรีบนำไปคืนเจ้าของ ทันทีที่ดวงตากลมโตสบกับใบหน้าหล่อเหลา เธอรู้สึกเหมือนหยุดหายใจชั่วขณะ
“มีอะไรเหรอครับ”
“อ๋อค่ะ นี่ของคุณ” แสงดาวรีบยื่นของในมือให้เขา ซึ่งอีกฝ่ายไม่ลืมกล่าวขอบคุณพร้อมส่งยิ้ม
ขณะแสงดาวกำลังจะหันหลังเดินไปแผนก เธอรู้สึกเหมือนได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยประโยคหนึ่งขึ้น ซึ่งค่อนข้างเบามาก
“ผู้หญิงนิสัยไม่ดี”
“เมื่อกี้แค่หูแว่วเหรอ” หันขวับมองด้านหลัง กลับพบว่าเขากำลังเดินไปข้างหน้า ไม่ได้แยแสเธอสักนิด ก่อนหญิงสาวจะคิดว่าตนเองอาจได้ยินพลาดจึงรีบก้าวเดินไปยังแผนก
“คราวนี้ผมไม่ปล่อยให้คุณหนีอีกเด็ดขาด” ปรายตามองแผ่นหลังเล็ก แล้วดึงสายตามองผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กในมือ
“ผมเห็นนะครับ” ตุลย์เดินมาหยุดข้างเจ้านายหนุ่ม
“พูดอะไรของนาย” ลายสิงห์แสร้งตีหน้ามึน
“ที่บอกว่าจะมาทักทายคือทำแบบนี้เหรอครับ มุกเก่ามาก”
“ตุลย์!!”
“ขอโทษครับ ผมแค่ไม่คิดว่าคุณสิงห์จะกล้าทำอะไรแบบนั้น” ขนาดคนอย่างเขาไม่คิดจะใช้วิธีนี้เข้าหาผู้หญิง คาดไม่ถึงผู้เป็นนายจะกล้าทำ
“เรื่องของฉัน นายจะไปไหมพักเที่ยง”
“ไปครับ” ตอบลากเสียงยาว วินาทีนี้หิวจนตาลายไปหมด ไม่อาจโต้แย้งอะไรได้อีก
“งั้นไปกัน” ว่าแล้ว ลายสิงห์เดินนำหน้าเลขา
ตัดมาทางแสงดาว เมื่อกลับมาถึงโต๊ะทำงาน หญิงสาวเอาแต่นึกถึงผู้ชายคนเมื่อกี้กับผู้ชายที่พรากความบริสุทธิ์ของตนเอง จะใช่คนเดียวกันหรือเปล่า เธอไม่ค่อยมั่นใจนักเพราะวันที่หนีออกจากโรงแรมไม่ได้มองหน้าเขาให้ชัด
“สรุปใช่หรือไม่ใช่กันนะ โอ๊ย” เธอกุมขมับอย่างจนปัญญา ไม่ว่าจะนึกยังไงก็นึกไม่ออกสักที
“เป็นอะไรแสง” น้ำฟ้าที่นั่งข้าง ๆ หันมาถาม
“ไม่มีอะไร ทำงานกันต่อเถอะ” เธอตัดบท
“นี่แสง เห็นประธานคนใหม่ยัง”
“ยังเลย ทำไมเหรอ” คิ้วเรียวสวยเลิกขึ้นพลางมองเพื่อน
“หล่อมากเลยแหละ”
“เหรอ”
“มีรูปด้วยนะ ชื่อคุณลายสิงห์” น้ำฟ้ายื่นสมาร์ตโฟนที่เปิดรูปถ่ายของประธานหนุ่มให้แสงดาวดู
“นี่มัน” เธอเบิกตากว้างเมื่อเห็นใบหน้าคนในภาพชัดเจน เพราะเป็นคนเดียวกันที่เพิ่งเจอเมื่อสักครู่
“มีไรเหรอ”
“คนนี้เหรอ ประธานคนใหม่”
“หล่อใช่ไหมล่ะ”
“อืม” ตอบรับสั้น ๆ ในลำคอ ก่อนจะจบบทสนทนาไว้เพียงเท่านั้น ต่างฝ่ายต่างยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน แสงดาวรีบไปยังป้ายรถเมล์ ด้วยความกลัวจะปะทะกับนักรบ ที่บอกจะมาหาเธออีกครั้งหลังเลิกงาน
“นี่แสง เธอจะรีบไปไหน”
“นักรบ” เสียงที่ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้หญิงสาวหันมองคนมาใหม่ ซึ่งทำหน้าบึ้งตึงใส่เธออย่างไม่พอใจ
“ฉันบอกแล้วไงว่ามีเรื่องจะคุยด้วย จะรีบไปไหนของเธอ”
“กลับ”
“มานี่กับฉัน” นักรบไม่สนใจว่าแสงดาวจะยินยอมหรือไม่ เขากระชากหญิงสาวให้เดินตามหลังไปด้วยกัน
“ปล่อยนะนักรบ ฉันบอกว่าไม่ไปไง”
“อย่าทำให้ฉันโมโหแสง รีบตามมาดี ๆ”
“ก็ฉันไม่ไปไง ปล่อยสักทีเถอะ” เธอใช้กระเป๋าสะพายตีแขนของอีกคนอย่างระรัว จนกระทั่งนักรบยอมปล่อย
“จะมากเกินไปแล้วนะ” ชายหนุ่มง้างมือขึ้นหมายจะฟาดแก้มนุ่มนิ่ม จู่ ๆ ถูกใครคนหนึ่งคว้าไว้
“ไม่มีผู้ชายดี ๆ ที่ไหนตบหน้าผู้หญิงหรอก” พูดพลางสะบัดแขนนักรบออกห่าง
“มึงเป็นใครวะเนี่ย” นักรบมองคนมาใหม่ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ก่อนจะยื่นมือรับนามบัตรมา “คุณลายสิงห์”
“ทีนี้รู้จักกันแล้วนะ”
“เอ่อ ถึงคุณลายสิงห์จะเป็นประธานบริษัท แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณนะครับ ผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนผม”
“ไม่ใช่นะคะ พวกเราเลิกกันแล้ว” แสงดาวแย้งขึ้นทันใด ลายสิงห์ชำเลืองมองคนตัวเล็กแล้วดึงสายตามองนักรบ
“โธ่แสง ที่รักของฉัน อย่าพูดแบบนี้สิครับ”
“อย่ามาเรียกฉันแบบนี้นะ ไอ้ทุเรศ!!”
“แสง เธอกำลังงอนฉันอยู่ เราหาที่สงบ ๆ ไปคุยกันเถอะ” นักรบชำเลืองมองลายสิงห์เพื่อสังเกตดูท่าที ก่อนจ้องมองแสงดาวและทำท่าจะคว้าข้อมือเล็ก แสงดาวรู้ทันจึงเบี่ยงตัวหลบ
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับแกอีกแล้ว ไปให้พ้นเลย”
“นี่...”
“ผมว่าพอแค่นี้เถอะ” ลายสิงห์ที่ยืนฟังตั้งนาน พูดแทรกขึ้น
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณลายสิงห์นะครับ”
“ใช่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผม แต่คุณกำลังทะเลาะอยู่หน้าบริษัทของผม ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น คุณจะรับผิดชอบไหวไหม”
“ไว้ฉันจะติดต่อไปหานะแสง” นักรบชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเขายอมจำใจจากไป
“ขอบคุณนะคะ”
“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ ตามมานี่” ลายสิงห์ไม่เปิดโอกาสให้แสงดาวตอบโต้ เขาคว้าข้อมือเล็กพร้อมพาเดินไปด้วยกัน
