7/3
“ฮันน่า หนูหลับแล้วหรือลูก แม่จะคุยเรื่องงานแต่งงานที่เรานัดกันไว้”
โรฮันน่ายิ้มแหยๆ ให้คนใต้ร่าง ก่อนจะปลดมือหนาออกจากเอวแล้วเดินไปที่ประตู เธอดึงชุดนอนให้เข้าที่ก่อนจะหันมาทำสีหน้าเป็นเชิงขอโทษ แถมยังแบมือออกทั้งสองข้างบอกว่าไม่มีทางเลือก
ชวดลเห็นดังนั้นก็ชี้หน้าเป็นเชิงบอกว่า ‘ฝากไว้ก่อน ยัยตัวแสบ’ แล้วกระโดดลงจากเตียงรวบเสื้อผ้าที่ทิ้งเกลื่อนพื้นห้องเปิดประตูเชื่อมกลับไปห้องนอนของตน หญิงสาวรีบวิ่งไปที่ประตูเชื่อมแล้วกดล็อก ก่อนจะวิ่งกลับมาเปิดประตูห้องให้มารดา
ชัชรินทร์ไม่ได้สงสัยอะไรเมื่อโรฮันน่าบอกว่าเธอเพิ่งออกจากห้องน้ำ แม้จะเห็นว่าผ้าปูเตียงจะยับย่นไปเล็กน้อย แต่ก็คิดว่าเป็นเพราะบุตรสาวซึ่งเป็นคนนอนดิ้นอยู่แล้ว และจะแปลกอะไรหากผ้าปูเตียงจะยับไปบ้าง
เช้าวันนี้ทุกคนที่ร่วมกันรับประทานอาหารมื้อแรกของวัน ต่างก็เมียงมองท่าทีที่ดูหงุดหงิดและใบหน้าที่หมองคล้ำของชวดล อาการเหมือนคนไม่ได้หลับไม่ได้นอนทำให้ทุกคนต่างสงสัยว่าบางทีว่าที่เจ้าบ่าวอาจมีเรื่องต้องคิดมาก ชวนนท์สังเกตความผิดปกติของลูกชายเงียบๆ เขาไม่ซักไม่ถามเพราะปล่อยให้ลูกรู้จักแก้ปัญหาด้วยตัวเองมาแต่เยาว์วัย หากแต่คนเป็นแม่อย่างดลลดา ไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านพ้นไปได้
“โดมมีปัญหาอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าลูก เช้านี้ดูลูกไม่สดใสเอาเสียเลย”
“นั่นสิ ย่าว่าจะถามตั้งแต่เห็นลงมาจากข้างบนแล้ว ท่าทางเหมือนคนอดหลับอดนอน ย่าก็เพิ่งรู้ว่านกฮูกอย่างโดมจะมีสภาพนี้ด้วย” คุณชิดกมลแซวหลานชายคนโปรด ก็หลานของท่านไม่เคยมีสภาพดูไม่ได้แบบนี้ ทั้งที่ก็เป็นคนชอบเที่ยวกลางคืน กลับมาดึกดื่นค่อนคืนแค่ไหน ชวดลก็จะตื่นเช้าแต่งตัวไปทำงานตามหน้าที่ ไม่เคยบ่นว่าเหนื่อยหรือมีอาการย่ำแย่แบบนี้มาก่อน
“เมื่อคืนผมนอนไม่หลับน่ะครับ” บุคคลที่กำลังเป็นจุดสนใจของทุกคนบนโต๊ะอาหารตอบเสียงเรียบ ด้วยท่าทางที่ดูเป็นปกติของเขาก็คือเรียบเรื่อย
“นั่นสิ แม่ก็ว่าโดมคงไม่ได้นอน หน้าตาหมองคล้ำขนาดนี้ เมื่อคืนกลับดึกแค่ไหนล่ะลูก” ดลลดาถาม
“เมื่อคืนพี่โดมกลับบ้านเร็วค่ะ กลับตั้งแต่เย็น” โรฮันน่าตอบแทนเสียงใส แต่พอสบตาคมที่คล้ายจะบอกว่า ‘ระวังตัวให้ดีเถอะ ยัยตัวแสบ’ เธอก็ก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มแล้วตักอาหารเข้าปาก
“อ้าวเรอะ งั้นก็ไม่น่าจะนอนดึก หรือว่าหอบงานกลับมาทำเสียจนดึกดื่นล่ะลูก” ผู้สูงวัยที่สุดในคฤหาสน์อัครเดชไพศาลตั้งข้อสังเกต
“ผมคงไม่เคยนอนเร็วน่ะครับ พอผิดเวลาก็เลยพาลจะทำให้นอนไม่หลับ กว่าจะหลับได้ก็เกือบสว่าง”
“เรื่องเที่ยวกลางคืน ก็เพลาๆ ลงบ้างนะโดม ย่ารู้ว่ามันเป็นความรักของโดม และก็ไม่เคยทำให้เสียการเสียงาน แต่หลังจากแต่งงานแล้ว โดมควรจะเลิกเที่ยว เลิกแข่งรถได้แล้ว”
“...” ชวดลไม่ตอบ ได้แต่รวบช้อนส้อมเข้าด้วยกัน
“ตลอดเวลา พวกเราทุกคนก็ได้แต่เป็นห่วง กลัวว่าสักวันจะได้ยินข่าวร้ายจากโรงพยาบาลที่ไหนสักแห่ง แต่ทุกคนก็รู้ว่าโดมดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี พอแต่งงานไปแล้ว โดมควรต้องเปลี่ยนความคิดเพราะไม่เพียงแค่ย่า พ่อ แม่ หรือแม้แต่อาๆ จะเป็นห่วง แต่ยังมีครอบครัวของโดมรออยู่ข้างหลังนะลูก”
“ครับคุณย่า” เขาบอกราวรับคำ แต่โรฮันน่าไม่คิดเช่นนั้น เธอรู้ว่าชวดลทุ่มเทความรักให้การแข่งรถมาตลอด จะให้เขาเลิกทำในสิ่งที่ใจรักเป็นเรื่องยากมาก สำหรับตัวเธอเองแม้จะเป็นห่วงหากเขาต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงตาย แต่เธอก็ไม่หวังจะให้เขาเลิกแข่งรถและหันมาเอาใจใส่เธอแทน แม้ในอนาคตเธอจะเป็นคนในครอบครัวร่วมกับเขา แต่เธอควรจะยืนให้กำลังใจให้เขาประสบความสำเร็จในสิ่งที่รักดีกว่า
โรฮันน่าเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ และเข้าใจถึงความเป็นผู้ชายจากเพื่อนๆ ที่เป็นผู้ชายดี หากเธอใช้ความเป็นภรรยาบอกให้เขาเลิกทำในสิ่งที่ตนรัก บอกตรงๆ ว่าเธอไม่สมควรจะเป็นภรรยาของเขาเลยสักนิด
“พี่โดมขา”
ชวดลเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มเอกสาร สบตากับดวงตาสีเขียวของว่าที่ภรรยาคนสวยเหมือนเป็นคำถาม
“พี่ศักดาเป็นใครหรือคะ”
ชายหนุ่มชะงัก ก่อนจะเอนตัวพิงพนักหมุนปากกาในมือเล่น
“ถามทำไม”
“ฮันน่าอยากรู้ เอ่อ...ฮันน่าคิดว่าคงเป็นคนที่มีความสำคัญสำหรับพี่โดมไม่น้อย จริงหรือเปล่าคะ แล้วถ้าเป็นจริง ฮันน่าก็ควรจะทำความรู้จักบ้าง ถ้ามีโอกาส”
ชวดลเพ่งมองคนที่พูดอ้ำๆ อึ้งๆ เหมือนไม่แน่ใจนิ่ง เขายังนึกฉุนไม่หายที่เมื่อคืนจำต้องกลับไปนอนที่ห้องตัวเอง ก็แม่เจ้าประคุณดันมีแขกไม่ได้รับเชิญเอาตอนดึก แทนที่จะบอกไปว่านอนแล้วหรือง่วงก็ได้ แต่ยัยฮันน่ากลับลุกขึ้นไปเปิดประตูหน้าตาเฉย ทำเอาเขาต้องคว้าเสื้อผ้าเผ่นพรวดกลับห้องแทบไม่ทัน
เสียเชิงชายชะมัด!
มาวันนี้เธอกำลังเกิดความคิดจะทำอะไรขึ้นมาอีก
“ฮันน่าจะไม่มีวันได้รู้จักพี่ศักดา”
ร่างบางถลาเข้ามาเกาะโต๊ะ ชะโงกหน้าลงมาใกล้ ดวงตาของเธอเบิกโตขึ้นกว่าปกติ หัวคิ้วเรียวสวยย่นเข้าหากัน ริมฝีปากของเธอเป็นสิ่งที่เขาหลุบตาลงมองในท้ายสุด แล้วหยุดชะงักแค่การจับจ้องเพ่งพิศ
“ทำไมคะ พี่โดมอย่าบอกนะคะว่างอนฮันน่าเรื่องเมื่อคืน”
“เธอเอาอะไรมาพูด พี่นี่นะจะงอนเธอ เมินซะเถอะ”
หญิงสาวอมยิ้ม เห็นความกระดากอายของเขาอย่างชัดเจน
เมื่อคืนนี้มารดาของเธอมาเคาะประตูเรียกก็เพื่อจะถามเรื่องงานแต่งงาน เธอนัดกับท่านเอาไว้จึงปฏิเสธไม่ได้ ยังนึกดีใจไม่หายที่ข้างเตียงมีชุดคลุมวางอยู่ เธอลุกพรวดคว้าเสื้อคลุมวิ่งไปเปิดประตู ทันได้เห็นเขาเปิดประตูเชื่อมแล้วพาตัวเองออกไป
“แน่หรือคะ เมื่อคืนนี้สาเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับไม่ใช่เพราะ...อารมณ์ค้างเหรอคะ”
