3/4
“กว่าข้าวจะออกมาจากรวงได้ ชาวนาต้องทำงานหนักขนาดไหน หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน แต่เราได้กินอยู่อย่างสบาย ไม่ต้องทำนาและสีข้าวเอามากินเอง ทำไมไม่เห็นคุณค่าของข้าวแต่ละเม็ดล่ะคะ”
ชวดลแทบหน้าหงายเมื่อถูกตอกกลับเอาบ้าง เขาหยิบเงินออกมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะลุกขึ้นพรวดและเดินลิ่วๆ นำหน้าไปก่อน ทำให้ร่างบางต้องรีบรุดเดินตามไปติดๆ และเมื่อเดินผ่านร้านขายหนังสือ
“พี่โดมคะ”
“อะไรอีกล่ะ” ชวดลหันไปตีหน้ายักษ์ใส่ร้องถามเสียงห้วน ดวงหน้าสดใสที่ส่งยิ้มพรายบุ้ยใบ้ไปที่ร้านหนังสือ
“ฮันน่าอยากเข้าไปซื้อหนังสือหน่อยค่ะ”
“ตามใจเธอสิ อย่าช้านักล่ะ นี่เราเข้างานสายมากแล้วนะ” ชวดลบ่นกระปอดกระแปดเป็นคนแก่ แต่เธอไม่ถือสา ร่างระหงเดินตัวปลิวเข้าไปในร้านหนังสือ และหาหนังสืออยู่ได้สักพัก
“เธอจะซื้อหนังสืออะไรน่ะ ถ้าหาไม่เจอก็บอกพนักงานขายสิ เค้าจะได้หาให้” ชายหนุ่มแนะนำ เพราะเห็นเธอเลือกหาอยู่ได้สักพักก็ยังไม่เจอ สลับกับการมองนาฬิกาข้อมือเรือนแสนของตน เหมือนจะเป็นการเร่งรัดเธอทางอ้อม
“อ๊ะ...อยู่นี่เอง” โรฮันน่าเดินไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา แต่ก็ถูกแย่งไปจากมือทันควัน
“ไหน...หนังสือที่เธออยากได้นักอยากได้หนา” ดวงตาคมเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นชื่อหนังสือเต็มสองตา “ร้อยแปดท่าลีลามัดใจคนรัก” ชายหนุ่มพึมพาเอ่ยชื่อหนังสือออกมา แล้วสีแดงระเรื่อก็จุดขึ้นจากแก้มสากกระจายลามไปยังลำคอถึงใบหู เมือเงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นดวงตาหลายคู่จ้องมาที่เขา ก่อนใบหน้านั้นจะเปลี่ยนเป็นสีดำและสีเขียวตามลำดับ ชวดลยัดหนังสือคืนใส่มือหญิงสาวอย่างรวดเร็ว และหมุนตัวรีบร้อนเดินออกจากร้านหนังสือ
โรฮันน่ายกมือปิดปาก แถมยังกะพริบตาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้คนที่มองมาที่เธอ
“แฟนฉันเป็นคนขี้อายน่ะค่ะ เขาอยากได้ แต่ไม่กล้าซื้อ ฉันก็เลยต้องมาซื้อแทน”
เมื่อได้มาอยู่ด้วยกันในห้องทำงานอีกครั้ง ชวดลกลับเป็นฝ่ายที่ไม่มีสมาธิทำงานเอาเสียเลย ดวงตาคู่คมขยันเหลือบมองร่างบางที่นั่งก้มหน้าก้มตาทำงานที่ได้รับมอบหายให้เหมือนทองไม่รู้ร้อน แต่เขากลับแทบเต้นเป็นเจ้าเข้า สาเหตุมาจากอะไรนั้นเขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้
“โรฮันน่า” เมื่อทนไม่ได้ก็ต้องร้องเรียก
“ขา...พี่โดมเรียกฮันน่าทำไมเหรอคะ” สาวน้อยขานแต่ไม่ละสายตาจากงานที่ทำ ดูขยันขันแข็งเสียจนขัดตาจริงๆ
“ตกลง...เธอซื้อหนังสือเล่มนั้นมารึเปล่า”
“ซื้อสิคะ ก็ฮันน่าตั้งใจจะซื้อ แล้วทำไมจะต้องไม่ซื้อด้วยล่ะ” แม้ตอนตอบ เธอก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมามองเขา คำตอบของเธอทำให้เขาแทบสำลักน้ำลายตัวเอง แต่เมื่อเห็นโรฮันน่าทำเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา เขาก็ต้องปั้นหน้าให้นิ่งดุจเดิม ตีหน้าเคร่งขรึมให้ดูดีเข้าไว้
“เอามาให้ฉันดูหน่อยสิ”
หญิงสาวหยิบหนังสือเดินมาส่งให้ชวดลที่โต๊ะ และเดินกลับไปนั่งเหมือนกับเธอกำลังส่งงานให้เจ้านายยังไงยังงั้น ไม่ยิ้ม ไม่เขินอายหรือสะทกสะท้านอะไรเลยด้วยซ้ำ ผิดกับเขาซึ่งเป็นฝ่ายทำหน้าปั้นยากเสียเอง
หนังสือเล่มนั้นวาดปกเป็นรูปตัวการ์ตูนผู้ชายกับผู้หญิงจูงมือกัน ทั้งคู่หันหลังให้คนอ่านฉากหลังเป็นชายหาดมีคลื่นสาดซัดเป็นระลอกเล็กๆ มีรูปหัวใจล้อมรอบให้ความหมายว่ารักกันเหลือพรรณนา ไม่มีอะไรน่าสะกิดใจนอกจากชื่อหนังสือและ...
ผู้ชายอีกคนที่ยืนหลบมุมอยู่ข้างๆ กับผู้หญิงอีกคนที่ยืนเมียงมองคู่รักอีกด้านหนึ่ง
“ทำไม”
คำถามสั้นๆ แสนธรรมดาเรียกให้ดวงหน้าอ่อนเยาว์เงยขึ้นจากงานที่ทำ ดวงตากลมสีมรกตเมียงมองชายหนุ่มอย่างเป็นคำถาม
“ฉันหมายถึง ทำไมต้องมีผู้ชายกับผู้หญิงอีกคู่ ทำท่าทางมีลับลมคมในอยู่บนปกด้วยนะ มันเกี่ยวข้องกับเนื้อหาตรงไหน”
“หนังสือเล่มนี้ คนเขียนไม่ได้มุ่งแต่จะบอกว่า ท่าทางการร่วมเพศมีท่าใด และผู้หญิงควรจะใช้ลีลาไหนมัดใจผู้ชายเท่านั้นนะคะ”
หนังสือในมือชวดลถูกวางลง ตาคมจ้องไปยังร่างระหงสบตาสีมรกตเป็นคำถาม
“พี่โดมอย่าเข้าใจฮันน่าผิดนะคะ ฮันน่ายังอ่านไม่จบ หนังสือเล่มนี้เพื่อนของฮันน่าเคยเอามาให้อ่าน แต่ว่า...ตอนนั้นฮันน่าไม่รู้จะอ่านไปเพื่อประโยชน์อันใด มันก็แค่แนวทางศึกษาแต่ไม่รู้จะนำไปปฏิบัติกับใคร”
“แล้วเธอซื้อมันมาอีกทำไม หรือตอนนี้คิดไว้แล้วว่าจะเอาทฤษฎีในเล่มนี้มาปฏิบัติกับใครดี”
โรฮันน่าวางปากกาในมือลงแล้วลุกขึ้นเยื้องย่างเข้ามานั่งอยู่ไม่ห่าง แค่มีโต๊ะทำงานขวางกั้นเท่านั้นเอง มุมปากเธอกระตุกวูบเป็นรอยยิ้ม ดวงตาสีมรกตเป็นประกายแวววาว มันสุกสกาวเสียจนชวดลต้องขยับตัว
“มีส่วนถูกค่ะ แต่ยังไม่ทั้งหมด ฮันน่าซื้อมาก็เพราะหน้าปกของมันนี่ล่ะค่ะ”
“หืม...”
“ที่คนเขียนเลือกจะทำปกออกมาเป็นแบบนี้ เพราะต้องการจะสื่อให้เห็นว่า ลีลามัดใจหนุ่มไม่เพียงแต่จะทำให้ผู้ชายอยู่บ้านติด ไม่ออกไปสำมะเลเทเมาหรือปาร์ตี้กับเพื่อนๆ เช่นเคย ไม่ออกไปเที่ยวผู้หญิงหาเรื่องใส่ตัวให้ตายก่อนเวลาอันควรเท่านั้น แต่การที่เขาตัดสินใจแล้วว่าจะรักภรรยาของเขา จะกอดและร่วมเพศกับภรรยาของเขาแต่เพียงผู้เดียว มันก็เท่ากับการกีดกันกิ๊ก ชู้รักรายทางของทั้งคู่ไปโดยปริยาย ผู้ชายผู้หญิงที่พี่โดมเห็นว่าแอบมองคนรักกันก็หมายถึงชู้หรือมือที่สามของชีวิตคู่ไงคะ”
