3/2
“โรฮันน่า!” ชวดลคำรามลั่นใส่หน้ายิ้มๆ นั้น เป็นผลให้ร่างบางวิ่งกลับไปที่โต๊ะทำงานของตนแทบไม่ทัน แต่ไม่วายหันกลับมาส่งจูบยั่วเย้าคนที่นั่งหน้าเครียดแต่แดงก่ำอีกครั้ง
“ตกลงเราจะไปกินข้าวกลางวันกันที่ไหนคะ”
ชวดลพาโรฮันน่ามาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งมีผู้คนไม่พลุกพล่านนัก ดวงตาคมกริบมองคนที่กำลังทานอย่างเอร็ดอร่อย และดูเหมือนว่าโรฮันน่าจะหมดความสนใจเขาไปชั่วขณะ ชายหนุ่มควรจะดีใจแต่กลับรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านจนบอกไม่ถูก
“นี่...ไปอดอยากปากแห้งมาจากไหน ถึงได้กินเอาๆ แบบนี้ ระวังเถอะจะอ้วนเป็นหมูไม่มีผู้ชายมองให้เคืองสายตา...เหมือนเดิม”
ถ้าประโยคนั้นจะไม่มีคำว่า ‘เหมือนเดิม’ หญิงสาวก็ไม่รู้สึกปรี๊ดได้เท่านี้
“ไม่มีอีกแล้วค่ะ โรฮันน่าคนนั้นได้ตายไปแล้ว ต่อจากนี้ไป ผู้ชายคนไหนที่ไม่เคยแม้แต่ชายตามองฮันน่า จะต้องมองจ้องตาเป็นมัน เพราะตกตะลึงในเสน่ห์ของฮันน่า ชัวร์” โรฮันน่าเงยหน้าจากจานข้าวขึ้นมาตอบ เสียงราบเรียบเหมือนจะไม่ขุ่นเคือง แต่ตวัดปลายเสียงสูงคล้ายจะยั่วยุให้ชายหนุ่มโมโห
“งั้นรึ” ชายหนุ่มวางช้อนส้อมยกแขนขึ้นกอดอกหมับ “ทุกคนเลยรึ”
“ทุกคน ไม่มีข้อยกเว้น” เธอตอบ แล้วยกแก้วน้ำขึ้นจิบ “พี่โดมไม่น่าถามนะคะ ก็เพิ่งลองของไปแหม็บๆ”
“โรฮันน่า!!!” เขาทำเสียงแข็ง “จำใส่หัวสวยๆ ของเธอไว้นะ เรื่องเมื่อกี้ก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นไม่ว่ากับใคร แค่ความต้องการชั่ววูบของผู้ชาย” เขาแบมือเหมือนที่เคยชอบทำเสมอเมื่อในอดีต ไหล่หนาไหวเล็กน้อย ดวงตาคมจ้องมาราวจะหาเรื่องเต็มที “วัยเจริญพันธุ์อย่างฉัน อยู่ใกล้ใครก็มีอารมณ์ทั้งนั้นแหละ ถ้าอยาก”
“อ้อ...งั้นฮันน่าก็ทำสำเร็จไปหนึ่งเรื่อง”
“อะไร” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ทำตาดุจนน่ากลัว แต่เธอไม่กลัว ไม่แล้ว ไม่กลัวเหมือนเดิมแล้ว
“ก็ฮันน่า...ทำให้พี่โดมอยากไงคะ” จบคำเธอก็ตักอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ในขณะที่ชวดลกำลังรู้สึกเหมือนถูกเหยียดหยาม
เขามองผู้หญิงตรงหน้าใหม่ มองอย่างจะหยั่งให้ลึกเข้าไปถึงหัวใจ ก็แค่รูปร่างที่เปลี่ยนไปคงไม่ทำให้จิตใจเธอเปลี่ยนไปด้วย โรฮันน่าคนเดิมอ่อนแอและน่าสงสาร ถึงแม้เขาจะชอบที่ได้แกล้งเธอ แต่เขาก็ยอมรับว่านึกสงสารเวลาที่เห็นเธอทำตาแดงๆ ไม่รู้ว่าร้องไห้หรือเปล่า แต่ขอบตาของเธอแดงก่ำทุกครั้งที่ถูกเขาแกล้ง
ทว่าโรฮันน่าคนนี้เข้มแข็ง และไม่ยอมใคร แม้แต่ตอนที่จวนเจียนจะเสร็จเขาอยู่รอมร่อ เธอก็ยังหาเรื่องทำให้เขาต้องผละห่างเหมือนถูกของร้อน
“ไม่กลัวอ้วนรึไง” หลังจากที่นั่งมองหญิงสาวทานเอาๆ อยู่พักใหญ่ เขาก็ถามขึ้น
“ไม่กลัวค่ะ เพราะตอนนี้กินเท่าไหร่ก็ไม่ลงพุงสักที มีแต่จะออกบนออกล่าง”
“อะไรออกบนออกล่าง”
“ก็นี่ไงคะ บน” เธอยกมือกุมทรวงอกตัวเอง เล่นเอาเขาต้องหลุบสายตามองตามปลายนิ้ว หนำซ้ำไม่รู้ว่าตาฝาดหรือเปล่าที่เห็นเธอคลึงมันเบาๆ "ส่วนนี่ก็ล่าง” ล่างที่ว่าก็คือสะโพกดินระเบิดของเธอนั่นเอง
จริงสินะ ในขณะที่เอวเธอคอดกิ่ว แต่ทรวงอกของนั้นมีขนาดใหญ่คัพ D ส่วนสะโพกนั่นก็กลมกลึงหนั่นแน่นจนน่าบีบ สัดส่วนของเธอมันสร้างความประหลาดใจให้เขามากมายทีเดียว
“รู้นะคะว่าคิดอะไรอยู่”
“สู่รู้!” เขาบอกพร้อมกับถอนฉุน
ชวดลจัดการกับอาหารของตนบ้าง เขาไม่รู้สึกหิวข้าวเพราะมัวแต่สนใจกับอาหารตาที่นั่งอยู่ตรงหน้ามากกว่า แต่ก็จำต้องกินสลับกับมองคนตรงข้ามอย่างพิจารณา ไม่ใช่แค่รูปร่างสวยอย่างเดียว แต่โรฮันน่ายังมีหน้าตาสะสวยสะดุดตาแก่ผู้ที่พบเห็นมากๆ สายตาคมมองไปรอบๆ สังเกตเห็นผู้ชายหลายคนเมียงมองหญิงสาวตลอดเวลา เขารู้ว่าเธอสะดุดตามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่เมื่อ 9 ปีก่อน ตอนนั้นถึงแม้จะอ้วนจำล้อกันสนุกปาก แต่ใจก็ร่ำๆ บอกว่าเธอน่ารักน่าชัง ผิวขาวอมชมพูดูโดดเด่นตัดกับตาสีเขียวมรกต เธอเหมือนตุ๊กตาเด็กเล่นที่พอจับยืนก็ลืมตา พอจับนอนกับหลับตา ตาใสๆ ผิวแดงๆ กลบรูปร่างอ้วนตุ๊ต๊ะได้สนิทใจ
ทว่า...เวลานั้นเขาก็อยากแต่จะแกล้ง จะหยอกล้ออย่างนึกสนุกเท่านั้น หาใช่เพราะความรังเกียจเดียดฉันท์อย่างที่เจ้าหล่อนคิด เขารู้มาตลอดว่าการกลั่นแกล้งจะทำให้เธอเสียใจ แต่ด้วยความเป็นคนปากหนักจึงไม่คิดจะอธิบายหรือแก้ตัวแต่อย่างใด จนถึงทุกวันนี้
“โดมคะ” เสียงหวานที่ทักดังมาแต่ไกล ทำให้ทั้งชวดลและโรฮันน่าต้องมองไปยังที่มาของเสียง
เมลานี หรือเมนี่ ลูกสาวของท่าน ส.ส.เมธีเดินย่างกรายเข้ามาหาชวดล และพอมาถึงเธอก็ก้มลงจูบแก้มสากเป็นการทักทายหนุ่มหล่อ ทำให้หญิงสาวอีกคนต้องกำด้ามช้อนในมือแน่น
“เมนี่ไปหาโดมที่บริษัท แต่เลขาบอกว่าโดมออกมาทานข้าวกลางวันแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าเราจะใจตรงกัน ได้มากินข้าวร้านเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย” เมลานีจีบปากจีบคอพูด เธอไม่ได้สนใจหญิงสาวอีกคนที่นั่งหน้าตึงอยู่ไม่ไกล จนสาวน้อยต้องกระแอมกระไอเรียกความสนใจ
“อ้าว...ใครกันคะโดม เมนี่ไม่ยักจะเห็น นึกว่าโดมมาคนเดียวซะอีก”
โรฮันน่าแทบลมออกหู เพราะไม่เคยมีใครพูดจาเหน็บแนมเธอแบบนี้ทั้งที่ไม่รู้จักกันสักนิด ยัยคนนี้สงสัยอยากเจอของดีเข้าให้แล้ว ถ้างั้นโรฮันน่าคงจะอยู่เฉยๆ ไม่ได้แล้วล่ะ
