3
เนวิตาปิดประตูออกจากห้องนอนบิดา นมมาลีเดินเข้ามาซักถาม
“ท่านเป็นอย่างไรบ้างคะ ทานได้หรือเปล่า”
สาวน้อยก้มมองจานผลไม้ในมือ “นิดเดียวค่ะนม แต่คุยมากกว่าวันอื่นๆ คุณพ่อบอกคืนพรุ่งนี้จะไปที่วัดด้วยค่ะ”
นมมาลีสีหน้ายินดี
“คุณนมคะ คุณพยัคฆ์ท่านให้มาเรียนว่าจะไปที่วัดเลยคะ ”
นมมาลีคิดขึ้นได้ หันมาหาเนวิตา “ดิฉันลืมบอกคุณหนูไป คุณเมฆ กลับมาแล้วนะคะ”
“หรือคะ…! เนยควรจะไปพบคุณเมฆใช่ไหมคะ”เนวิตากำถาดผลไม้แน่น
มันเป็นมารยาทที่ดีของคนอาศัยสินะ หัวใจหญิงสาวยังได้กระซิบออกมาว่าสิ้นสุดการรอคอยแล้ว เนวิตาตื่นเต้นและรู้สึกว่าไม่พร้อมเอาเสียเลย
แอบมองมาเนิ่นนาน เกิดเรื่องราวก็ต้องจากมาโดยไม่ทันได้รู้ว่าเขาจะคิดอย่างไรในค่ำคืนนั้น เมื่อเข้ามาอยู่ที่นี่ก็ได้มองเพียงรูปถ่าย อยากรู้เหลือเกินว่าว่าใบหน้าหล่อเหลาจะเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน
“ฉันไม่ว่างจะคุย เอาไว้วันหลังนะ” พยัคฆ์เดินเข้ามาทันได้ยินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มอ่อนโยน
นมมาลีและเนวิตาหันไปมองพร้อมกัน
“คุณ คุณพยัคฆ์…สวัสดีค่ะ” เนวิตาใจเต้นโครมคราม ก้มหน้านิดหน่อยเพราะมืออีกข้างไม่ว่างที่จะยกมือไหว้
ดวงตาสองคู่สบประสานกันนิ่งเนิ่นนาน
สำหรับเนวิตานั้นพยัคฆ์ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยใบหน้าหล่อเหลา เครื่องหน้ารับกันเหมาะเจาะ เด่นไม่ต่างดวงตาคมเข้มและจมูกโด่งคือริมฝีปากแดงระเรื่อ
“เรียกฉันว่าพี่เมฆก็ได้” พยัคฆ์กล่าวอย่างเป็นกันเอง
น้ำเสียงเป็นมิตรจากดวงตาสีถ่านแม้ยากจะเดาว่ากำลังรู้สึกอย่างไร แต่เนวิตาก็รู้สึกหายจากอาการอึดอัด ความกังวลที่มีมานานวัน
เพราะรู้ว่าอีกไม่นานต้องเผชิญหน้ากับพยัคฆ์ หญิงสาวกังวลกลัวเรื่องราวของแม่เข้าหูเขาจนพาลเกลียดชังเธออีกคน ซึ่งเนวิตาไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น
“จะไปที่วัดพร้อมกันหรือเปล่าล่ะ” พยัคฆ์ซักถามเนวิตาแม้จะขัดความรู้สึกด้านในมากมายก็ตาม
“ไปคะ แต่…” แม้จะดีใจที่พยัคฆ์มีน้ำใจแต่ไปกับเขามันจะดีเหรอ…เธอรู้สึกตื่นเต้นจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้นไปพร้อมกันเลย” พยัคฆ์บอกเป็นงานเป็นการ เนวิตาไม่กล้าปฏิเสธ ได้แต่ขอตัวเสียงเบา
“ถ้าอย่างนั้นเนยขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะคะ”
เนวิตาเดินกลับไปยังห้อง นมมาลีมองใบหน้าหล่อเหลาของเจ้านายน้อยด้วยความไม่เข้าใจ
“เป็นอะไรไปรึนม หน้าผมมีอะไรหรือ หรือผมหล่อขึ้นมากกก…ยังไม่หายคิดถึงจึงจ้องเอา…จ้องเอาไม่กระพริบ ระวังจะตาค้างนะครับ”
“พูดเป็นเล่นคะ นมจ้องที่ไหน” นมมาลียิ้ม แม้ใจยังข้องใจกับท่าทีเจ้านายไม่ลืมแต่กลับถามอีกเรื่อง
“ไม่เข้าไปกราบคุณพ่อก่อนหรือคะ”
“ไม่จำเป็น ผมไม่อยากเจอท่านตอนนี้ ยังไม่พร้อม” ใบหน้าขี้เล่นหายไป ความบูดบึ้งมาแทน
“แต่…” ไม่ทันนมมาลีพูดจบ พยัคฆ์ก็พูดแทรกขึ้น
“ถ้านมอยากให้ผมอยู่ที่นี่ อย่ามาบังคับผม นมรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นผมยังยอมรับไม่ได้ เข้าใจนะครับ”
ร่างสูงเดินจากไป นมมาลีถอนหายใจไม่คิดโทษ เพราะรู้สึกสงสารที่เจ้านายไม่ได้เจอคุณหญิงมาหลายปี ไม่มีเวลาดูใจกันแม้เพียงสักนาทีแต่โชคชะตาใครละจะกำหนดมันได้บ้าง คงไม่มี
ภายในรถเนวิตาใส่เสื้อสีดำคอโปโลกระโปรงเข้ารูปแค่เข่า สาวน้อยซึ่งใบหน้าไร้การเสริมแต่งด้วยเครื่องสำอางนั่งบีบสองมือแน่น พยัคฆ์นั่งไขว่ห้างมือทั้งสองเหยียดหลังเบาะนั่งมองท่าทีนั้นด้วยสายตาเหยียด
เชยเป็นบ้า!
รถเริ่มเคลื่อนออกจากรั้วบ้านพยัคฆ์ก็จำใจชวนคนที่ทำตัวเล็กลีบคุย
“เรียนอยู่ปีไหนแล้ว” แม้อยากไล่ลงไปจากรถแต่ก็ทำไม่ได้เพราะหลังจากชวนสาวน้อยมาด้วยกัน ชายหนุ่มก็ต้องสวมบทบาทชายหนุ่มผู้อ่อนโยนต่อไป
“ดิฉันเรียนปีหนึ่งคะ” เนวิตาหันไปมองใบหน้าคนถามแวบเดียวก่อนจะหลุบสายตามองมือตนเองต่อ
“แทนตนเองเหมือนพูดกับนมมาลีสิ ดิฉันมันจะไม่ดูห่างเหินไปเหรอ แล้วเรียนคณะอะไร”
“เรียนบริหารธุรกิจคะ คุณพ่อบอกให้เนยเรียน”
คุณพ่อบอกให้ทำอะไรก็ทำสินะ ช่างรักเชื่อฟังกันซะจริง พ่อแท้ๆ ตัวเองก็ไม่ใช่
“ดีสิ จะได้มาช่วยงานที่บริษัท พี่กลับมาก็จะเข้าไปดูแลเองเลย คุณพ่อท่านคงเบาใจที่เราสองคนช่วยกัน”
“เนยช่วยได้หรือคะ” ดวงตาสุกใสแหงนมองมา พยัคฆ์จ้องมองเนิ่นนานอีกครั้ง รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเจอสาวน้อยมาก่อน
“ได้สิ คงแบ่งเบาพี่ได้มากเลยล่ะ ว่าแต่เราเคยเจอกันมาบ้างหรือเปล่า” พยัคฆ์เลิกคิ้วรอคอยคำตอบ
เหมือนเขาจะจำเธอได้ทำเอาหัวใจเนวิตาอบอุ่น ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
“เนยเคยทำงานที่…” เนวิตาไม่คิดปิดบังเรื่องที่เคยเจอกันมาก่อน อยากให้เขาจำเธอให้ได้ แต่เสียงมือถือของเขาเข้ามาขัดจังหวะ หญิงสาวถอนหายใจ รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้บอกเรื่องที่เขาซักถาม
แต่สามปีที่รอคอย คงจะไม่เป็นไรหากจะต้องรอคอยอีกสักหนึ่งวันหรืออีกหนึ่งเดือน
งานศพคุณหญิงเดือนฉายผ่านไปพยัคฆ์ต้องเก็บความโกรธความแค้นไว้ภายในใจ กับบิดาก็คุยแค่พอจำเป็น โชคดีที่ท่านเองก็ดูเหมือนไม่อยากจะคุยอะไรในเวลานี้ ชายหนุ่มจึงไม่ต้องหลบเลี่ยงอย่างที่คิดในตอนแรก
หลายวันที่สวดอภิธรรมศพพยัคฆ์ต้องทนรับรู้เรื่องของมารดาจากปากหอยปากปูทั้งหลาย หลายครั้งหัวใจพยัคฆ์เจ็บปวดจนอยากลากสาวน้อยเนวิตาออกไปจากศาลาวัด ตะโกนไล่ให้ไปพ้นหน้า แต่เมื่อคิดว่าแค่ไล่ไปยังน้อยกับที่มารดาได้รับก็พยายามสะกดกลั้นอารมณ์แค้น และดูเหมือนแผนการที่คิดหวังในตอนแรกจะได้ผลเมื่อสาวน้อยที่บิดายกย่องดูแลให้กลายเป็นนางหงส์ท่าทางจะใจแตกอย่างที่คิดไว้ หลายวันที่ใกล้ชิดกันเพราะความต้องการของเขา สาวน้อยก็เผยความรู้สึกให้จับได้
พูดนิดหน่อยเธอก็ขยันหน้าแดง หลบสายตาเวลาตนจ้องมองพยัคฆ์จึงมั่นใจคงไม่ยากเย็นจะทำให้เนวิตาพึงพอใจตน
การลอยอังคารมารดาผ่านพ้นไปร่วมเดือนบิดายังดูเศร้าสร้อย พยัคฆ์ไม่สนใจจะปลอบใจ เพียงออกความคิดให้นมมาลีพาบิดาไปพักผ่อนยังบ้านพักตากอากาศ
“ก็ดีเหมือนกันนะคะ ท่านอยู่แต่ในห้องอุดอู้จะแย่ ” นมมาลีเห็นด้วย “ถ้าอย่างนั้นไปวันศุกร์ดีกว่าคะ คุณเนยจะได้ตามไปด้วย”
“อีกตั้งสี่วันนมไปกันก่อนดีกว่า ให้เด็กไปเรียนเถอะ หากอยากไปค่อยให้คนขับรถพาตามไป”
นมมาลีสีหน้ากังวล พยัคฆ์จับความรู้สึกได้ แกล้งพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นตามใจนม ตามใจเขาละกัน ยังไงฝากเด็กที่ไว้ใจได้ดูแลบ้านให้ดีนะ พอดีผมต้องไปดูงานที่ปากช่องด่วนเหมือนกัน โอเคตามนี้นะนม”
โชคดีที่โครงการบ้านจัดสรรที่ปากช่องรอให้พยัคฆ์ไปตรวจความเรียบร้อย ชายหนุ่มจึงใช้มาเป็นข้ออ้างได้
พยัคฆ์ไม่รอฟังการตัดสินใจของนมมาลีอีก เดินมุ่งตรงไปห้องทำงาน นมมาลีมองตามหลังตัดสินใจว่าจะเอายังไงดี
เมื่อตัดสินใจไม่ได้นมมาลีจึงเดินไปยังห้องเนวิตา เพื่อถามความสมัครใจ
“พอดีเนยมีสอบคะช่วงนี้ ถ้ายังไงเดี๋ยวเนยตามไปนะคะ ดีเหมือนกันสอบแล้วได้อยู่ยาวดูแลคุณพ่อ ที่โน่นอากาศคงดี คุณพ่อจะได้สดชื่น”
“เอาอย่างนั้นก็ได้คะ ถ้าอย่างนั้นดิฉันล่วงหน้าไปก่อนนะคะ” นมมาลีบอกกล่าว หลังจากนั้นเดินไปหาเด็กเพื่อช่วยกันเก็บของใช้ที่จำเป็น
ในห้องนอนของนายพล ร่างใหญ่ลุกขึ้นนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ หันมามองเมื่อลูกสาวที่เข้ามาหา
“ไม่อ่านหนังสือล่ะ เห็นว่าใกล้สอบแล้วไม่ใช่หรือ ไม่ต้องมาดูแลพ่อหรอกแผลแค่นิดหน่อย ตัดเผือกออกก็หายแล้ว”
“เนยจะมาถามว่าเป็นยังไงบ้างวันนี้ เหมือนคุณพ่อจะรู้ทัน ”
นายพลยิ้มออกมาได้บ้าง “พ่อสบายดี เพราะหนูนั่นแหละ ขอบใจมาก”
“เพียงแค่นี้น้อยนิดเทียบไม่ได้กับที่คุณพ่อช่วยเหลือหนูกับแม่”
นายพลเนวินหน้าหมองเศร้า “พูดอย่างนี้อีกแล้ว แต่สำหรับพ่อยังทำได้ไม่เต็มที่…ช่วงนี้แม่เป็นยังไงบ้างล่ะ”
“แม่อาการดีขึ้นมากเมื่อได้อยู่ใกล้หมอ ต้องขอบคุณคุณพ่อ อีกอย่างหนูขอร้องอย่าพูดอย่างนั้นเลยคะ หากไม่ได้คุณพ่อป่านนี้หนูคงไม่ได้เรียนหนังสือ แม่คงเป็นผู้ป่วยยากไร้ที่ไม่มีเงินรักษา คุณพ่อชุบชีวิตพวกเราใหม่ คุณพ่อมีพระคุณที่สุด”
น้ำตาเนวิตาปริ่มขอบตาเมื่อยังมีความทรงจำเรื่องความข้นแค้นในชีวิตตั้งแต่เด็ก เธอไม่คิดว่าตนเองจะได้เรียนต่อ แต่หลังจากจบมอต้นมาอย่างทุลักทุเลโชคดีที่แม่ได้เข้าทำงานที่บ้านของเศรษฐีที่ดิน เธอได้เรียนต่อจนจบมอปลายจากการศึกษานอกโรงเรียน แต่กว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ก็ต้องทำใจให้เข้มแข้ง เพราะช่วงนั้นแม่ก็ถูกเลิกจ้างเพราะครอบครัวเจ้านายย้ายไปอยู่ทางภาคใต้กะทันหัน
ออกจากบ้านเศรษฐีแม่ก็เริ่มป่วยเข้าออกโรงพยาบาลอยู่เป็นปี เงินที่พอมีบ้างก็หมดลง โชคดีแม่พบผู้มีพระคุณเก่าแก่ เธอมีโอกาสได้มีพ่อบุญธรรม จำได้ว่าตกใจเป็นที่สุดเมื่อได้รู้ว่าลูกชายเพียงคนเดียวของคนที่มาอาศัยใบบุญก็คือผู้ชายที่อยู่ในความทรงจำมาตลอดระยะเวลาหนึ่งปี…
“พ่ออยากไปเดินเล่น พาไปหน่อยสิ”
บิดาเอ่ยทำลายความคิด เนวิตารีบเข้าไปประคองนายพลขึ้นนั่งบนรถเข็ญ
“พรุ่งนี้จะได้ไปพักผ่อนข้างนอกบ้าง คุณพ่อจะได้ไม่เบื่อ เนยดีใจจริงๆ ค่ะ” เมื่อเริ่มเข็ญรถเนวิตาชวนคุย
นายพลยิ้มพยักหน้า “รีบตามไปนะ ตอนแรกพ่อคิดว่าจะไปรับแม่หนูไปด้วยกันแต่เขาคงไม่ไปหากหนูไม่ได้ไปด้วย”
“คราวหน้านะคะ” เนวิตาบอกนายพล รู้สึกสุขใจอย่างเหลือล้นเมื่อคิดว่าจะได้ไปเที่ยวทะเลกับแม่คราวหน้า
นายพลพยักหน้ายิ้ม
ระหว่างที่เนวิตาเข็นรถให้นายพลเนวินชมรอบๆ สวนสวย พยัคฆ์มองดูจากหน้าต่างห้องนอนด้วยสายตาไม่พอใจ
พยัคฆ์ไม่คิดว่าสาวน้อยจะทำดีกับบิดาด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่อย่างนั้นจะยอมทิ้งแม่ให้อยู่ลำพัง ถ้าไม่ต้องการสิ่งใดกับการมาในครั้งนี้
พยัคฆ์ยังคิดตามที่พวงพกาพูด
“ป่านนี้นังเมียน้อยคงสมหวังที่พี่เดือนเสียแล้ว เมฆต้องระวังนะ บางทีนังลูกอาจกำลังหว่านล้อมให้พ่อของเราพาแม่มันมาอยู่ด้วยกันเลยก็ได้”
พยัคฆ์กำขอบหน้าต่างแน่น “คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมไม่มีทางให้สองแม่ลูกได้เสวยสุขในที่ของคุณแม่ และอีกไม่นานลูกสาวก็ต้องออกไปจากที่นี่ก่อนจะได้พาแม่ของหล่อนเข้ามาด้วยซ้ำ”
เกลียดจริงๆ ผู้หญิงที่ทำทุกอย่างเพื่อจะได้รวยทางลัด พยัคฆ์แววตาเคืองแค้น เย็นชา
