2
สองอาทิตย์ที่แล้วบ้านสืบขจรเกียรติ
เสียงโวยวายในห้องรับแขก เนวิตาเดินอยู่บริเวณนั้นจึงรีบวิ่งไปดู
“อะไรนะ คุณบอกว่าจะพาลูกมาอยู่คนเดียวในตอนแรก ทำไมตอนนี้บอกว่าจะพาเมียน้อยคุณมาอยู่ด้วย คนไม่รักษาสัญญา อย่าไปนะยังไงฉันก็ไม่ยอม ฉันไม่ยอม!”
เป็นเสียงคุณหญิง ภรรยาพ่อบุญธรรมที่ไม่เคยพูดจากันสักคำตั้งแต่เนวิตาเข้ามาอยู่ หากความเป็นผู้ดีของคุณหญิง เนวิตาก็ไม่เคยโดนพูดจากระทบเสียดสีเช่นกัน แต่วันนี้เธอตกใจน้ำเสียงที่ได้ยิน และตกใจคำว่า ‘เมียน้อย’
แม่ไม่ได้เป็นแบบนั้น เนวิตาแน่ใจคุณหญิงกำลังเข้าใจผิด
“พูดอะไรเลอะเทอะคุณหญิง ใครมาได้ยินเข้าหรอก สงสารเขาเถอะ ผมเพียงสงสาร อย่าคิดมากสิ คุณไม่ใช่คนใจแคบ ผมอธิบายคุณไปแล้วนี่น่า” นายพลเนวิน พยายามหว่านล้อมภรรยา
“สงสารคนอื่น เห็นใจคนอื่น ฉันต้องอกตรมหมองไหม้ขนาดไหนคุณรู้ไหม แค่ลูกยังพอไหวแต่ให้แม่มาอยู่ด้วย อยากจะเชิดชูที่ไหนฉันไม่ว่าแต่ถ้าเป็นที่นี่ ฉันจะไม่ทน ไม่ทนอีกต่อไป”
“คุณ…” นายพลเนวินอึดอัด หาทางออกไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นแค่ชั่วคราวจนกว่าเขาจะ…” นายพลต่อรองยังไม่เสร็จเสียงคุณหญิงเดือนฉายก็ขัดขึ้น
“ฉันให้คุณได้แค่ที่บอก หากคุณต้องการอะไรมากกว่านี้ ฉันจะไปอยู่ที่อื่นเอง ”
ความเด็ดขาดของคุณหญิงทำให้นายพลซึ่งไม่เคยเห็น ไม่เคยโดนขัดใจ รีบตะบึงรถออกจากบ้านไม่เรียกคนขับรถ พ่อบุญธรรมจากไปคุณหญิงร้องไห้เงียบๆ ก่อนจะทรุดลงกับพื้น
“คุณหญิง คุณหญิงเป็นอะไรไปคะ!” เนวิตามือสั่น ตกใจเห็นคุณหญิงหายใจติดขัด
เด็กรับใช้ต่างวิ่งเข้ามาเพื่อดูแล “ยาค่ะ ยา” นมมาลีรีบนำยามาให้ หากวินาทีนั้นคุณหญิงได้แน่นิ่งไปเสียแล้ว เสียงร้องเรียกของคนเก่าแก่ที่รับใช้มานาน ทำให้เนวิตาตกใจ น้ำตาไหลด้วยความกลัว เพราะเธอรู้คุณหญิงมีโรคประจำตัวอยู่ นั่นคือโรคหัวใจ
“นมคะ ให้เด็กเอารถออกเร็วคะ ไปโรงพยาบาล” เนวิตาบอกนมมาลีเสียงสั่น
ขณะที่กำลังตกอกตกใจ เนวิตาก็ถูกผลักจนเซ พวงพกาเข้ามาตวาดให้ออกไปไกลคุณหญิง เนวิตาจึงได้แต่ชะเง้อมองคุณหญิงด้วยความเป็นห่วง
ครู่ใหญ่ๆ คุณหญิงก็อยู่ในมือหมอ แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะสายเกินไป หมอออกมาจากห้องไอซียูด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“เราเสียใจด้วยครับ คุณหญิงท่านเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน”
นมมาลีร้องไห้เงียบๆ น้องสาวคุณหญิงใบหน้าซีดเซียวเศร้าหมอง ร้องไห้เสียงดัง มีสายตาหลายคู่มองเนวิตาอย่างรังเกียจเดียดฉันท์ เนวิตาต้องเดินไปทรุดนั่งให้ไกลจากหน้าห้องไอซียู ปิดปากร้องไห้เงียบๆ
ห้านาทีต่อจากนั้นเสียงเงียบของเนวิตาเปลี่ยนเป็นร้องไห้โฮ มีข่าวน่าตกใจว่าบิดาประสบอุบัติเหตุรถคว่ำเพราะรีบร้อนกลับมาหาคุณหญิง
โชคดีที่พ่อบุญธรรมไม่เป็นอะไรมาก ท่านแค่ต้องอยู่กับความเสียใจหลังจากเหตุการณ์วันนั้น คงโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองเรื่องของตนเองกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“คุณเนยกลับมาแล้วเหรอคะ” นมมาลีซักถามเมื่อเดินมาจากห้องของนายพลเจอเนวิตาซึ่งเดินหน้าห้องนอนพอดี
เนวิตาหันไปหาคุยกับนมมาลี “ค่ะ เดี๋ยวหนูอาบน้ำแปบเดียวจะไปดูแลคุณพ่อเองนะคะ ”
“ค่ะคุณ” นมมาลีเดินจากไป เพราะความรีบร้อนไปจัดการเรื่องงานศพคุณหญิงจึงลืมบอกเรื่องพยัคฆ์ให้คุณหนูที่เอ็นดูรับรู้
กริ๊ก
เนวิตาปิดประตูห้อง นำกระเป๋าสะพายแฟชั่นใบเล็กไปวางบนโต๊ะอ่านหนังสือ ก่อนจะเดินมายืนหน้ากระจกเพื่อถอดเสื้อนักศึกษา
เสื้อร่วงลงในตะกร้าซัก เนวิตารู้สึกว่าเหมือนมีอะไรที่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจ ปะกับว่ามีสายตาหนึ่งคอยมองดูอยู่ หญิงสาวสอดส่ายสายตาก็ไม่เห็นความผิดปกติจึงลงมือถอดกระโปรงต่อ ก่อนที่สองชิ้นสุดท้ายจะออกไปจากร่างกาย เนวิตาก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูมาพันรอบตัว
ตั้งแต่เห็นลูกสาวของเมียน้อยเดินลงจากรถพยัคฆ์ใช้กุญแจสำรองไขเข้ามาในห้องนอนหญิงสาว
สายตาคมเข้มออกไปยืนอยู่ริมระเบียงห้องนอน จึงได้สำรวจสายตาเชยชมร่างนวลเนียนสีน้ำผึ้ง แม้จะดูผ่ายผอมไปหน่อยแต่สองเต้าขาวนวลของสาวแรกแย้มก็ซ่อนความอวบอิ่มจากสายตาคมไว้ไม่ได้ ด้านล่างของหน้าขาก็โหนกนูนช่างน่าโลมลูบสัมผัสไม่ต่างกัน
ร่างบอบบางที่ซ่อนความเป็นผู้หญิงไว้ให้ผู้ชายละลานตาหายเข้าไปในห้องน้ำแล้ว พยัคฆ์จึงกลับไปยังห้องนอนตนเองด้วยการปีนระเบียงที่เชื่อมต่อกันทันที
“มันทำตัวยังกับเป็นลูกของคุณพี่แนะตาเมฆ นี่พี่เดือนคงไม่อยากให้หลานไม่สบายใจเลยไม่บอก แต่น้าทนไม่ได้จริงๆ พี่เดือนนับวันจะยิ่งผอมลงๆ ในสังคมสี่จีข่าวเน่าๆ แปบเดียวก็กระจายเป็นวงกว้าง หลานก็รู้”
ตั้งแต่เด็กสาวคนนี้เข้ามาอยู่ในบ้านน้าพวงพกาก็โทรไปรายงาน พยัคฆ์จึงรู้ถึงความหวานอมขมกลืนที่มารดาต้องเจอ อยากกลับมาก่อนหน้านี้แต่ยังทำใจไม่ได้ที่จะกลับเมืองไทย
ผมขอโทษครับที่เอาเรื่องส่วนตัวมาขัดขวางความคิดถึงของคุณแม่ พยัคฆ์ขมขื่นในใจ ขณะเดียวกันหัวใจที่เจ็บปวดก็ไม่ลืมวาดแผนการสนุกๆ และรอคอยแทบไม่ไหวที่จะลงมือทำสิ่งที่เตรียมไว้
