บทที่ 4 ความรู้สึกสีดำ
ไตรทศขยับกายเป็นจังหวะหนักเบาสลับกัน เมื่อเห็นคนใต้ร่างไม่ได้มีอาการเกร็งเหมือนตอนแรก เขายกยิ้มพึงพอใจ ก่อนโถมกายเข้าหา ทำตามความปรารถนาตนเอง เสียงหอบหายใจสองคน เสียงเครื่องปรับอากาศ ผสานเสียงเนื้อเสียดสีกระทบกัน บทเพลงพิศวาสยังคงบรรเลงต่อเนื่อง จนกระทั่งรุ่งสาง ไตรทศหยุดลงเมื่อครบรอบที่สาม แห่งความหฤหรรษ์ หญิงสาวเองดูเหนื่อยอ่อน ครั้งแรก กลับต้องรักศึกหนักจากเขา ที่ไม่อาจทานทนต่อเรือนร่าง และแรงปรารถนาภายในส่วนลึกได้
โน้มใบหน้าดูดเม้มทรวงอก จนเกิดรอยแดง ราวกับเป็นเครื่องตีตราจอง เขาไม่อยากจบแค่ตรงนี้ ยังอยากสานความสัมพันธ์ต่อไป หากได้คบหา หรือศึกษากันและกัน ก็อยากทำเช่นนั้นเหมือนกัน พลิกกายลงนอนเคียงข้าง อีกฝ่ายหลับไปแล้ว เขาเลยผ่อนลมหายใจ ร่างกายยังต้องการอยู่เลย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมถึงได้ปรารถนาต่อหญิงสาวแปลกหน้ามากถึงเพียงนี้ แทบหักห้ามอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลย ไม่เป็นไร ยังมีเวลาอีกมาก หากตื่นขึ้นมา เขาอยากขอเบอร์ติดต่อ แล้วคุยกับเธอ เพราะไม่อยากเสียผู้หญิงคนนี้ให้ใครไป
แสงแดดทำเอาตาลืมไม่ขึ้น ปวดเมื่อยร่างกายไปหมด เจ็บร้าวจนแทบขยับไม่ไหว ทิพย์วารีขยับกาย เสียงครางแผ่วเบา พร้อมเปิดเปลือกตา เมื่อปรับแสงเข้าที่แล้ว หญิงสาวเหม่อมองเพดานห้อง ได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศ หลับตาลงอย่างครุ่นคิด เมื่อคืนตนเองมีสติ และเข้าใจด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่คิดว่ามันจะเลยเถิด จนค้างอยู่ที่นี่ หันหน้าเหลือบมอง เห็นใบหน้าของเขาเด่นชัด
มือยกปิดปาก เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังขยับ ผู้ชายคนนี้หน้าตาหล่อเหลา ท่าทางอายุไม่น้อยกว่ายี่สิบห้าแน่นอน มองดูเสื้อผ้าที่พื้น แบรนด์เสื้อผ้า ก็ราคาไม่ใช่ถูกเลย ตกลงเขาเป็นใครกันแน่ เธอไม่ต้องการอยู่ถาม นอกจากออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เรื่องระหว่างเราควรจบเพียงเท่านั้น ตอนนี้เธอต้องหาทางจัดการเรื่องที่บ้านให้เรียบร้อยเสียก่อน
ค่อย ๆ หย่อนเท้าลง แล้วย่องหยิบเสื้อผ้า ที่กองกับพื้น หอบเข้าห้องน้ำ จัดการแต่งตัวเรียบร้อยในทันที เพราะไม่มีเวลามาร้องไห้ เสียใจ เหมือนนางเอกละคร ต้องรีบหนีให้เร็วที่สุด ก่อนที่เขาจะตื่นขึ้นมา เปิดประตูห้องน้ำออกมา หากระเป๋าสะพาย เธอหยิบแล้วสาวเท้าอย่างเงียบเชียบ ไปยังหน้าประตู เห็นรองเท้าตนเองกระเด็นคนละทิศทาง เก็บมา เปิดประตูออกจากห้อง แล้วสาวเท้าไปยังลิฟท์ เธอสวมรองเท้าในนั้น ยืนพิงผนังสีหน้าเครียด ริมฝีปากบางเม้มสนิท ความรู้สึกเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ยังคงครุกรุ่นภายในอยู่เลย มันสับสนไปหมด เธอทำเรื่องผิดพลาด ไม่น่าเลย เพราะความเมาแท้ ๆ
พอลิฟท์เปิด เร่งฝีเท้าไปยังด้านหน้าคอนโดในทันที เกรงสายตาคนอื่นมองมา เพราะสภาพตนเองดูยุ่งเหยิงไม่ดีเท่าใดนัก โบกแท็กซี่นั่งเบาะหลัง ระบายลมหายใจสีหน้าเครียด ตอนนี้ตัดสินใจอะไรไม่ได้เลย เธอต้องการกลับไปที่บ้าน เพื่อจัดการปัญหาให้จบ อยากออกจากบ้านหลังนั้น แล้วมาใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ถึงอย่างไรสามีก็คงไม่มีวันสร้างครอบครัวกับเธอได้แน่นอน
รถแท็กซี่ จอดตรงบ้านหลังใหญ่ ทิพย์วารีเปิดประตูลงหลังจากจ่ายเงิน ลุงสมานคนสวนเดินมาเปิดให้ สาวเท้าเข้าสู่ตัวบ้านอย่างเชื่องช้า เพียงแค่ก้าวเข้ามา ภาพระหว่างสามี กับคู่ขาทำเอาหัวใจสั่นไหว มันทรมานมากเหลือเกิน เธอมัวทำอะไรอยู่ตรงนี้ ถ้ารู้... คงครองตัวเป็นโสดยังดีเสียกว่า มายังห้องนั่งเล่น สายตาเห็นสองร่างกำลังพูดคุยกัน ท่าทางเคร่งเครียด มือสองคู่กุมกันราวกับรักกันหนักหนา พอได้ยินเสียงฝีเท้าเลยหันมามอง
ธนานพรีบปล่อยมือคู่รัก แล้วตรงมาหาภรรยา ดึงมือบางมากุม สีหน้าหม่นเศร้า ริมฝีปากบางเม้มสนิท นี่คงเป็นละครอีกฉาก ที่เขาอยากเพิ่มคะแนนสงสาร เข้าใจดีว่าทำไม สามีถึงไม่อยากเสียเธอไป เพราะบิดาของเขาไม่เหมือนคนอื่นที่สำคัญ ท่านต้องการหลานตัวน้อย แต่ลูกชายกลับทำให้ไม่ได้
“คุณหายไปไหนมาทิพย์ ผมเป็นห่วงคุณมากนะรู้ไหม!” เขาบอกเสียงสั่น น้ำตาเอ่อ
คนถูกถามกระตุกยิ้มมุมปาก “ไม่ดีหรือไงคะ ทิพย์ไม่อยู่ คุณจะได้พลอดรักกับคนของคุณได้เต็มที่ โดยไม่ต้องเสียเงินเช่าโรงแรม!”
ปวรุตม์ชะงัก ขบกรามแน่น พยายามข่มอารมณ์ตนเอง เพราะคนรักขอร้องเอาไว้ ไม่เช่นนั้นคงตอกกลับให้ได้รู้เสียบ้าง ว่าใครกัน เป็นคนที่มาก่อน
“ทำไมพูดแบบนี้ทิพย์ ผมเป็นห่วงคุณมากจริง ๆ นะ ยังไงคุณก็คือภรรยาของผม!”
“ไม่กระดากปากบ้างหรือไง พูดแบบนี้ออกมา!” ทิพย์วารีตวาดลั่น
เขาชะงัก เธอชักมือกลับจากการเกาะกุม แล้วยิ้มเยาะ
“ฉันจะกลับไปบ้านแม่!”
ร่างบางสาวเท้าขึ้นชั้นสองในทันที สีหน้าคนฟังตื่นตระหนก รีบติดตามไปในทันที ให้ภรรยากลับไปไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้น พ่อต้องจัดการเขาแน่ ยิ่งตอนนี้พ่อยิ่งสงสัยเรื่องของเขาอยู่
ประตูห้องนอนเปิดออก กระเป๋าใบใหญ่ถูกนำมาวางไว้บนเตียง ทิพย์วารีเปิดตู้เสื้อผ้า รวบชุดตนเองมาใส่ไว้ในกระเป๋า รวมถึงเครื่องสำอาง ของใครส่วนตัว ธนานพตรงเข้ามายื้อแย่งออกจากมือ เธอไม่อาจสู้แรงเซถอยหลังจนล้มกองกับพื้น
“โอ้ย!” หญิงสาวร้องออกมา นิ่วหน้า
“ทิพย์ผมขอโทษ!” เขารีบตรงเข้าประคอง แต่เธอปัดมือออก แล้วช้อนสายตามอง
“ฉันต้องการหย่า ทำไมคุณต้องรั้งฉันไว้ที่นี่ ในเมื่อเราสองคน ไม่มีทางเป็นอะไรได้มากกว่าคนรู้จักกัน ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้ ฉันต้องการอิสระ!” เธอถาม แววตาหม่น น้ำตาคลอ
“ผมทำแบบนั้นไม่ได้ คุณก็รู้ว่าทำไม”
