บทที่ 3
“ค่ะ...บุ๋มจะไปพบเขา ก็แค่ไปคุยเรื่องสัญญาเงินกู้เท่านั้นใช่ไหม”
เมื่อน้องสาวรับคำภาสกรก็ยิ้มออก
“ใช่...ก็แค่ไปรับรู้เกี่ยวกับเรื่องสัญญาแล้วก็รายละเอียดของการให้กู้เงิน นอกเหนือจากนี้แล้วมันก็ไม่มีอะไรหรอก ถ้าการเจรจาทำความตกลงกันสำเร็จพี่จะให้รางวัลบุ๋มด้วยการเปิดแกลอรี่ที่บุ๋มอยากจะได้ห้องแสดงงานศิลปะของตัวเองยังไงล่ะ”
ภาสกรกล่าวด้วยรอยยิ้มในขณะที่บาลิกาเริ่มรู้สึกอึดอัด เธอไม่รู้เลยว่านักธุรกิจคนนั้นที่ยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือพี่ชายของเธอเป็นใคร แต่ถึงยังไงเธอก็คิดว่ามันก็เป็นแค่เรื่องของการกู้เงินไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
วันต่อมาบาลิกาก็ตั้งใจไปพบกับนักธุรกิจนิรนามซึ่งไม่ได้เปิดเผยตัวตนให้พี่ชายของเธอได้รับรู้ แต่ดูท่าทางภาสกรจะมั่นใจว่าเขาจะพ้นวิกฤตการเงินในครั้งนี้จากการกู้ยืมเงินซึ่งก็มีโอกาสเป็นไปได้น้อยมากที่จะได้รับความช่วยเหลือจากธนาคารหรือภาครัฐหรือเพื่อนนักธุรกิจ บาลิกาไม่ค่อยแน่ใจเลยว่าพี่ชายของเขาจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้เสร็จสิ้นลงตามความต้องการได้หรือไม่เพราะจำนวนเงินที่จะไปขอกู้ยืมมันมากมายจนเธอก็คิดไม่ตกและมีความกังวลอยู่ลึก ๆ ว่าเรื่องทุกอย่างอาจไม่ง่ายอย่างที่ภาสกรคิดก็เป็นได้
กระทั่งถึงเวลานัดหมาย ภาสกรบอกกับเธอว่าจะมีคนมารับที่บ้านและก็มีรถเก๋งสีดำแล่นเข้ามาจอดที่หน้าประตูรั้ว ชายคนหนึ่งก้าวลงจากรถ รูปร่างใหญ่โตและสวมชุดสูทสีดำสนิทเดินเข้ามาหาหญิงสาว เธอนั่งอยู่ที่เก้าอี้สนามภายในสวนข้างบ้านมองเขาด้วยความประหลาดใจกระทั่งชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า
“สวัสดีครับผมมารับคุณภาสกรตามคำสั่งของคุณรามิลครับ”
“พี่ภาสไม่อยู่หรอกค่ะแต่ว่าดิฉันจะไปพบกับเจ้านายของคุณแทนพี่ภาสเองค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอเชิญที่รถครับเดี๋ยวเราจะพาคุณไปพบกับคุณรามิลครับ”
ชื่อรามิลอย่างนั้นหรือ? บาลิกาไม่คุ้นชื่อนี้ในแวดวงนักธุรกิจสักเท่าไหร่แต่เธอก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะคิดว่านี่ก็เป็นแค่การไปเจรจาทำความตกลงเรื่องการกู้เงินก็เท่านั้น เธอขึ้นรถไปกับชายผู้นั้น เขาก้าวขึ้นไปนั่งข้างคนขับส่วนเธอนั่งที่เบาะหลัง บาลิกาแอบเก็บความไม่สบายใจไว้ ดูเหมือนนักธุรกิจที่จะให้ความช่วยเหลือพี่ชายเธอน่าจะเป็นคนที่ไม่ธรรมดาเลย
คนที่มารับเธอไปในวันนี้น่าจะเป็นบอดี้การ์ดของเขา บาลิกาไม่พูดอะไรหลังจากนั้นหากแต่เธอก็ใจจดจ่อว่าสถานที่นัดหมายจะเป็นที่ไหนกระทั่งคนขับรถพาเธอไปจนถึงโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ย่านใจกลางเมือง มันเป็นโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวและเมื่อเธอก้าวลงจากรถบาลิกาก็หันไปถามหนึ่งในชายทั้งสองคนว่า
“คุณรามิลเจ้านายของคุณอยู่ที่นี่เหรอคะ?”
“คุณรามิลเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของโรงแรมเดอะเพรสซิเดนท์ซึ่งก็คือที่นี่ครับคุณบาลิกา ขอเชิญคุณบาลิกาขึ้นไปชั้นที่ 45 ครับ คุณรามิลรอคุณอยู่ที่นั่น”
บาลิกาไม่พูดว่าอะไรเธอเดินตามชายทั้งสองไปยังลิฟท์ความเร็วสูงเพื่อมุ่งขึ้นไปยังชั้นที่ 45 ของโรงแรมหรูซึ่งเป็นตึกสูงและเมื่อไปถึงชั้นดังกล่าวแล้วชายคนหนึ่งก็นำเธอไปยังสถานที่นัดพบซึ่งเมื่อไปถึงหน้าห้องเขาก็เปิดประตูให้และแสดงความนอบน้อม หญิงสาวก้าวเข้าไปในห้องนั้นมันเป็นห้องที่หรูหราและทำให้เธอรู้สึกว่าทุกอย่างถูกจัดเอาไว้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนไม่ว่าจะเป็นการนำเธอมาที่นี่ของคนสนิทนักธุรกิจใหญ่ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นนักธุรกิจที่อยู่ในระดับไหนแต่ถ้าหากมีเงินให้พี่ชายของเธอกู้ยืมได้ถึง 150 ล้านบาทแล้วละก็เขาก็คงไม่ธรรมดา
“สวัสดีครับ”
เสียงกังวานดังขึ้นทำให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย ที่เธอตกใจก็เป็นเพราะว่าเธอทั้งประหม่าและตื่นเต้น มันเป็นยิ่งกว่าการเจรจาทางธุรกิจเพราะเธอเองไม่เคยมีประสบการณ์ที่ต้องพูดคุยเรื่องการเงินกับนักธุรกิจในแวดวงที่พี่ชายของเธอทำงานเลยสักครั้ง หญิงสาวหันไปยังด้านหนึ่งของห้องนั้นแต่แล้วบาลิกาก็ถึงกับผงะงัน เธอตื่นตะลึงกับภาพที่ได้เห็น นั่นก็คือบุรุษร่างสูงใหญ่ความสูงของเขาเท่า ๆ กันกับคนที่เธอเคยรู้จักและไม่ใช่แต่เพียงความสุงเท่านั้นที่ไล่เลี่ยกันหากแต่หน้าตาช่างเหมือนกับใครคนนั้นที่เธอไม่เคยเลือนลืมไปจากหัวใจ ใบหน้าที่เหมือนกันแทบไม่มีผิดเพี้ยน
“ราเมศ...”
