บทที่ 5
น้ำทิพย์รู้สึกตัวลืมตาตื่นด้วยอาการงัวเงียเหลียวมองไปรอบห้องแล้วต้องสะดุ้ง นี่มันห้องทำงานของจอห์นนี่นา โซฟาตัวนี้ก็เช่นกัน หญิงสาวนึกตำหนิตนเองที่เผลอทำให้พลาดโอกาสในการเจรจากับชายหนุ่ม
แสงไฟจากห้องทำงานยังเปิดอยู่ น้ำทิพย์ค่อยๆ เดินไปดูว่าจอห์นอยู่ข้างในนั้นหรือไม่ เมื่อเห็นเขาขะมักเขม้นอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เธอจึงไม่รบกวนและเพียงยืนมองอยู่ห่างๆ เท่านั้น
สองปีผ่านไปเขายังคงดูดีภูมิฐานและสง่างามไม่เปลี่ยน เรือนผมสีน้ำตาลทองรับกับใบหน้าคมเข้มที่แสนหล่อเหลา รูปร่างสูงโปร่งที่ดูแข็งแรงพร้อมจะปกป้องคนที่อ่อนแอกว่าเสมอ จอห์นมีเสน่ห์และมีแรงดึงดูดจากผู้คนรอบข้างเสมอ โดยเฉพาะเธอ
“แอบมองพอหรือยัง”
เสียงจอห์นทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวขึ้นมาทันที สาวน้อยปรับสีหน้าและท่าทีให้เป็นปกติ แม้ในใจจะรู้สึกขัดเขินที่ถูกเขาจับได้ว่าแอบมองอยู่ก็ตามที
“เธอกินขนมแล้วแอบหลับบนโซฟาของฉัน ปกติหลับง่ายแบบนี้หรือเปล่า ทีหลังอย่าไปทำแบบนี้ที่ไหนอีกเพราะอาจไม่โชคดีได้หลับสบายจนตื่นก็ได้” จอห์นพูดไปโดยที่ไม่ละสายตาจากงานที่ทำอยู่
พนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์รายงานว่าสาวน้อยมาขอพบเมื่อชั่วโมงที่แล้ว แต่เนื่องจากเขาติดรับรองลูกค้าสำคัญจึงไม่สามารถปลีกตัวมาได้ แต่สั่งพนักงานให้มาคอยต้อนรับและบอกให้คอยอยู่ก่อน
ไม่คิดว่าเมื่อกลับมาน้ำทิพย์จะกินขนมและหลับสบายอยู่บนโซฟา เรียกเท่าไรก็ไม่ยอมตื่น ชายหนุ่มจึงมานั่งทำงานรอเวลาให้เธอตื่นเองอีกครั้ง
“ขอโทษค่ะ พอดีว่า..." น้ำทิพย์กำลังจะอ้าปากอธิบาย แต่ถูกจอห์นตัดบทเสียก่อน
“ผมหิวแล้ว หลังข้าวเที่ยงกินแต่กาแฟ ไปกินข้าวเย็นเป็นเพื่อนหน่อยซิ”
น้ำทิพย์ก้มดูนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว มิน่าเล่าเธอจึงรู้สึกหิวเหมือนกัน แต่ก่อนไปจัดการกับความหิวที่กำลังส่งเสียงร้องเรียกอยู่เป็นระยะ ขอจัดการเรื่องสำคัญที่ทำให้ต้องมาที่นี่ก่อน
“ฉันอยากคุยกับคุณเรื่องร้าน” หญิงสาววกมาเรื่องสำคัญ
“ฉันหิวข้าว” จอห์นไม่อยากจะคุยอะไรตอนนี้
เขารอเธอตื่นไม่ใช่เพื่อพูดเรื่องไร้สาระ แต่เพราะอยากจะพาไปกินข้าวด้วยกันต่างหาก
“ฉันจะไม่กินและไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าจะพูดรู้เรื่อง” เธอยืนกรานเสียงแข็ง
“แต่ฉันหิว และคงคุยไม่รู้เรื่องแน่ถ้าไม่ได้กิน หรือว่า...” เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินเข้ามาหาน้ำทิพย์อย่างช้าๆ ใช้สายตาสำรวจไปทั่วร่างเล็กอย่างพินิจพิเคราะห์
“หรือว่าไม่ต้องกินข้าว แต่กินอย่างอื่นแทน”
คนพูดหยุดยืนตรงหน้าของอีกฝ่าย ระยะห่างกันแค่คืบและลมหายใจอุ่นๆ ก็รดมาที่ข้างแก้มสาวฟอดแรก
“อย่ามาลามกกับฉัน” หญิงสาวพูดเสียงเข้มแล้วถอยหลังหนี
“จุ๊ๆ อย่าดุซิ พูดจาไม่น่ารักเลย เมื่อก่อนเธอพูดจาเพราะเสียงอ่อนเสียงหวาน แล้วทำไมตอนนี้พูดจาไม่น่ารักเลย” คนพูดขยับตัวเข้ามาใกล้มากขึ้น
น้ำทิพย์ถอยหลังหนีแต่ไม่มีทางไปเพราะด้านหลังเธอคือตู้บานใหญ่เป็นโอกาสให้จอห์นเข้ามาใกล้ได้ง่ายขึ้น
“ไหนพูดเพราะๆ ซิ คุณจอห์นขา ทิพย์...” ชายหนุ่มทำเสียงเล็กคล้ายจะเลียนแบบคำพูดหวานหูที่เคยได้บินแต่หนหลัง
นอกจากคำพูดที่ไม่หวานหูเหมือนเดิมแล้ว ท่าทีของน้ำทิพย์ก็เปลี่ยนไปด้วย จากที่เคยอ่อนโยนตามใจเขาและมีรอยยิ้มให้เสมอ กลายเป็นเจ้าเล่ห์มีมารยา
และที่สำคัญชอบทำเหมือนไม่อยากให้อยู่ใกล้ทุกครั้ง มันช่างขัดใจยิ่งนัก แบบนี้ต้องหาทางทำให้สิ่งที่ขัดใจหมดไปและกลายเป็นยอมตามใจเพียงอย่างเดียว
“'งานเมื่อวานลูกน้องคุณเป็นคนบอกว่าผ่าน ฉันรู้ว่ามันไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น มีแต่คุณ..." ปลายนิ้วของจอห์นปิดปากเริยวปากสวยของน้ำทิพย์ไว้ไม่ให้พูดต่อ
“ฉันอยากกินข้าวมากกว่าคุยเรื่องงาน แต่ถ้าเธอไม่อยากกินข้าวหรืออยากคุยเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องงาน ฉันยินดี หรือว่าเราจะมาคุยเรื่องเมื่อสองปีที่แล้วกันต่อดี”
"คุณ" น้ำทิพย์อยากจะบีบคอคนเจ้าเล่ห์ให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้
แต่ที่ทำได้คือก็ต้องยอมให้จอห์นโอบเอวพาลงไปกินข้าวตามความต้องการของเขาแต่โดยดี เพราะคำขู่สุดท้ายที่ทำให้เธอต้องหยุดพูดเรื่องร้านนั่นเอง
