บทที่ 6
น้ำทิพย์หาจังหวะหลังจากที่ของหวานหมดไปเรียบร้อยแล้ว ถือโอกาสนี้พูดกับจอห์นเรื่องของร้านฟาวเวอร์ออฟเลิฟอีกครั้ง ตลอดระยะเวลาที่กินอาหาร เขาเอาแต่เล่าเรื่องราวตลอดสองปีที่ผ่านมาของตัวเองให้ฟัง โดยที่เธอได้แต่ยิ้มรับและซักถามบ้างเป็นครั้งคราวพอประมาณ
“คือฉันอยากให้คุณบอกลูกน้องเรื่องร้านดอกไม้” หญิงสาวเกริ่นนำ
“ผมนึกได้ว่ายังทำงานต่อไม่เสร็จ ขอตัวไปทำงานก่อน ไว้มีโอกาสมากินข้าวกันอีกนะ” จู่ๆ เขาก็ตัดบทแล้วลุกขึ้นทันที
น้ำทิพย์รีบลุกขึ้นเดินตามเพราะอยากจะเจรจาเรื่องสำคัญให้จบ ป่านนี้รานีและบุญชอบคงรอฟังคำตอบว่าปัญหาจะจบที่ตรงไหน และในที่สุดเธอก็ต้องกลับขึ้นไปที่ห้องทำงานของเขาอีกครั้ง
โดยระหว่างที่อยู่ในลิฟต์หญิงสาวไม่กล้าพูดอะไรสักคำ เพราะไม่แน่ใจในท่าทีของอีกฝ่ายว่าจะพร้อมรับฟังการเจรจาของตนหรือไม่
“มีอะไรรีบพูดมา ผมมีงานต้องทำ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเป็นคำแรกเมื่อกลับมาที่ห้องทำงานแล้ว
เขาแสร้งทำทีว่าไม่สนใจใดๆ ต่อความเดือดร้อนทุกข์ใจของหญิงสาว เพราะอยากดึงเวลาให้อยู่ด้วยให้นานที่สุด เพื่อให้มีโอกาสมีเวลาที่จะคิดหาทางสานสัมพันธ์ในสิ่งที่รอคอยมาถึงสองปีเต็ม
“ฝีมือคุณใช่ไหม ที่จะเรียกค่าเสียหายจากร้านฉัน”
“ร้านฉันไม่ได้ทำอะไรผิด เราทำทุกอย่างตามที่ตกลง เมื่อกี้คุณก็เห็นว่าสวนที่จัดให้สวยแค่ไหน แล้วทำไม...”
“ผมไม่ชอบ” เขาตอบสั้นๆ น้ำเสียงราบเรียบเยือกเย็นผิดปกติ
“ไม่ชอบ แต่ตามสัญญาคุณสั่งให้เราทำแบบนี้ ถ้าไม่ชอบทำไมไม่บอกตั้งแต่เมื่อวานฉันจะแก้ไขให้ แต่นี่ คุณไม่พูดอะไรแล้วยังจะมาเรียกค่าเสียหายอีก แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน”
ท่าทีเรียบเฉยของจอห์นตอนนี้ ผิดกับเมื่อครู่ที่อยู่บนโต๊ะอาหารอย่างสิ้นเชิง ยามกินข้าวเขาน่ารักเอาอกเอาใจช่างพูดช่างคุยจนทำให้น้ำทิพย์ยอมพูดคุยด้วย
แต่แล้วตอนนี้ท่าทางเหมือนกับว่าไม่พอใจหรือโกรธอะไรสักอย่าง สายตาที่เฉยชาเหมือนไม่ยินดียินร้ายในสิ่งที่เธอกำลังร้องขอ มันทำให้น้ำทิพย์ไม่เข้าใจและสับสนเหลือเกินว่า ตัวตนไหนคือตัวจริงของผู้ชายที่ชื่อจอห์นคนนี้แน่
“ผมไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ไม่มีคำอธิบาย เงินที่จ่ายให้หลักแสนควรได้อะไรที่คุ้มค่ามากกว่าดอกไม้ไม่กี่สิบดอกมาประดับในสวนที่ผมใช้จัดงานยิ่งใหญ่ คิดดูว่าแขกที่มาร่วมงานเมื่อคืนจะคิดยังไงถ้าเห็นเราจัดสวนแบบไม่มีคลาส”
“ดอกไม้ไม่กี่ดอกเหรอ คุณรู้ไหมเมื่อคืนเราใช้ดอกไม้เท่าไร ไหนจะแรงงานที่ทำอีก คุณบอกว่าไม่มีคลาสงั้นเหรอ งั้นคนที่ให้แบบเรามาก็ไม่มีคลาสด้วย คุณก็ควรไปจัดการกับลูกน้องตัวเองไม่ใช่มาพาลหาเรื่องคนอื่นแบบนี้” น้ำทิพย์พูดด้วยความโมโห
งานนี้ทุกคนในร้านสามแรงแข็งขันอดตาหลับขับตานอนกันสามวันเต็มๆ เพื่อให้ได้งานที่ออกมาตามแบบของลูกค้า แต่เขากลับพูดว่าไม่มีคลาสและทำให้ไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายมา
“ผมจัดการทุกคนที่เกี่ยวข้องหมดรวมถึงร้านคุณด้วย” ชายหนุ่มยักไหล่ไม่ไยดีแถมยังเดินเข้าไปนั่งทำงานหน้าตาเฉยอีก
“อ้อ นี่ ค่าปรับที่คุณต้องจ่าย” จอห์นยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆ ส่งให้
น้ำทิพย์ตาลุกวาวด้วยความโกรธ ค่าปรับจากความไม่พอใจของคนเอาแต่ใจในกระดาษ ระบุถึงจำนวนตัวเลขที่ไม่มีทางหาเงินมาจ่ายได้แน่ๆ ห้าแสนบาท
คุณพระช่วย
ทำแบบนี้ เท่ากับจะทำให้ร้านดอกไม้เธอถึงกาลต้องปิดร้านใช้หนี้แน่ๆ
“ห้าแสน คุณทำบ้าอะไรเนี่ย” หญิงสาวขย้ำกระดาษที่ถือในมือแล้วเขวี้ยงใส่หน้าชายหนุ่มทันที
“ฉันไม่จ่าย ยังไงก็ไม่จ่ายและไม่มีวันจ่ายด้วย”
“ดูสัญญาที่ผมให้คนเอาไปเซ็นก่อนรับงานดีไหม หรือว่าไม่ได้อ่าน เอ้า ดูซะ”
งานนี้เป็นงานที่ประหลาดที่สุดเท่าที่ร้านฟาวเวอร์ออฟเลิฟเคยรับมา เพราะด้วยค่าจ้างที่สูงลิบลิ่วในราคาหลักแสน ทำให้เจ้าของงานขอทำสัญญากับทางร้าน เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดในหลายกรณีเช่นงานเสร็จไม่ทันกำหนด แต่ถึงกระนั้นรานีก็ใจดียอมเซ็นตามที่ลูกค้าร้องขอ เพราะไม่คิดว่างานจะมีปัญหาอะไร
ข้อสัญญาบรรทัดสุดท้ายเขียนตัวเล็กๆ ที่แทบจะมองไม่เห็นหากไม่สังเกตว่า หากผู้รับจ้างทำผิดสัญญาที่ตกลงกันไว้จะต้องชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินตามที่ผู้จ้างเรียกร้อง ถ้าไม่สามารถจ่ายค่าเสียหายได้ผู้รับจ้างยินดีทำงานชดใช้หนี้ให้กับผู้จ้างจนครบจำนวน
“สัญญาบ้าอะไร มีแต่คุณได้เปรียบ” เธอแผดเสียงใส่ด้วยความโมโห
“ต้องไปถามคนเซ็นว่า ทำไมไม่อ่านให้ดีหรือเห็นแก่เงินแสนที่จะได้ จนลืมเรื่องสำคัญแบบนี้” จอห์นวางปากกาในมือลงแล้วลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้ ท่าทางเขาเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย
อีกนิดเดียว ... อีกนิดเดียวเท่านั้น ...
เหยื่อก็จะติดเบ็ดที่เขาวางล่อไว้ เพราะไม่คาดคิดว่าเมื่อคืนเจ้าหล่อนจะกล้าขัดคำสั่ง ทำให้จอห์นต้องคิดแผนการณ์ที่แยบยลนี้ขึ้นมา ซึ่งมันได้ผลดีเกินคาดและรับรองว่าน้ำทิพย์จะดิ้นไม่หลุดแน่
“ทุเรศที่สุด ฉันจะไปแจ้งความว่าคุณหลอกลวง” หญิงสาวทำท่าจะเดินออกไป
“ก็เอาซิ คิดว่าตำรวจจะเชื่อใคร ระหว่างร้านดอกไม้กระจอกๆ กับเจ้าของโรงแรมหรูที่มีสาขาทั่วโลกอย่างผม”
น้ำทิพย์ชะงักหันขวับมาจ้องหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ความหวังว่าจอห์นคนเดิมที่แสนใจดีและมีน้ำใจพังทลายลง ผู้ชายตรงหน้ากลายเป็นคนใจดำที่ชอบทำร้ายคนไม่มีทางสู้
หญิงสาวฉุกใจคิดขึ้นมาได้ว่า ที่เขาทำแบบนี้ก็เพราะ
“คุณโกรธที่ฉันไม่ทำตามที่คุณสั่งต่างหาก คุณก็เลยหาเรื่อง”
ถ้าเป็นไปได้ น้ำทิพย์อยากจะขย้ำคอคนที่นั่งลอยหน้าอยู่ตอนนี้ให้แหลกคามือด้วยซ้ำ
“แล้วแต่จะคิด” ชายหนุ่มยักไหล่เล็กน้อยทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างสบายอารมณ์
“ห้าแสน พรุ่งนี้จัดการให้เรียบร้อย ไม่งั้นผมจะให้ทนายดำเนินคดีตามกฎหมาย ร้านคุณได้ปิดเร็วๆ นี้แน่” คนใจดำลอยหน้าลอยตายั่วโทสะได้อย่างน่าโมโห
น้ำทิพย์นับหนึ่งถึงร้อย แต่ยังไม่ทันจะถึงสิบหญิงสาวก็โพล่งคำพูดที่เขารอฟังคำนี้มานานแสนนาน
“ต้องให้ทำยังไง คุณถึงจะไม่ปรับเงินร้านฉัน”
แม้น้ำเสียงเธอยังไม่อ่อนลงและท่าทียังไม่ยอมลงให้เขาตามที่ต้องการ แต่จอห์นก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำให้หญิงสาวยอมอยู่ใต้อาณัติตน
อีกไม่ช้า ... รับรองว่าน้ำทิพย์จะต้องเป็นน้ำหวานให้ชื่นใจสมการรอคอยแน่
“ว่าไง ทำยังไงคุณถึงจะยอม” หญิงสาวเร่งขอคำตอบ
จอห์นอยากจะตอบกลับไปทันทีว่า น้ำทิพย์จงยอมสานสัมพันธ์ที่ค้างเติ่งเมื่อสองปีก่อนกับตนก็สิ้นเรื่อง ทุกอย่างจบไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่
แต่ทำแบบนั้นในตอนนี้เห็นทีจะไม่ใช่ เพราะกาลเวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยนทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด วันนี้เวลานี้เขาไม่ได้อยากได้แค่ความสุขชั่วครั้งชั่วคราวจากผู้หญิงคนนี้ หากแต่เจ้าหล่อนต้องเป็นของตนคนเดียวตลอดไป
ท่าทีนิ่งเงียบไม่ยอมตอบคำถามทำให้หญิงสาวร้อนใจมาก เธอยอมอยู่ที่นี่จนดึกดื่น ยอมตามใจทุกอย่างไม่ว่าจะไปกินข้าวเป็นเพื่อน หรือแม้แต่วิ่งตามมาเจรจาเรื่องสำคัญ
แต่จอห์นกลับนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้านทำราวกับปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ
