บทที่ 2
โรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพมหานคร
บุญชอบและน้ำทิพย์ช่วยกันประคองดอกไม้ลงจากรถเพื่อนำเข้าไปที่ด้านหลังของโรงแรม อันเป็นสถานที่ที่ลูกค้าใช้เป็นที่จัดงาน โชคดีที่สวนของโรงแรมมีต้นไม้ที่กำลังออกดอกบานสะพรั่ง ทำให้หญิงสาวสามารถจัดวางให้ทุกอย่างลงตัวกันได้ไม่ยาก ที่สำคัญตรงตามความต้องการของลูกค้าในคำว่า ‘สวรรค์บนดิน’ จริงๆ
“เหลือซุ้มหน้างาน เดี๋ยวพี่ไปยกซุ้มให้ ทิพย์ขนดอกไม้ลงเลย” บุญชอบเร่งมือให้ทันเวลา
ไม่นานสวรรค์บนดินที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธ์ก็เสร็จสมบูรณ์อย่างรวดเร็วราวกับถูกเนรมิตร งานเสร็จก่อนกำหนดครึ่งชั่วโมงน้ำทิพย์ยืนมองผลงานด้วยความชื่นใจ
“เสร็จแล้วเชิญไปรับค่าดอกไม้ได้เลยนะคะ” พนักงานของโรงแรมเดินมาบอกหญิงสาว
“ขึ้นไปชั้นสิบห้าออกจากลิฟต์เลี้ยวซ้ายจะเจอแผนกบัญชี บอกว่ามารับค่าดอกไม้เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้แล้วค่ะ” พนักงานคนเดิมอธิบายทางอย่างละเอียด
บุญชอบเตรียมเก็บของกลับร้าน จึงเป็นหน้าที่ของน้ำทิพย์ที่ต้องขึ้นไปรับค่าดอกไม้แทน หญิงสาวจำได้ว่าให้ขึ้นไปชั้นสิบห้าและเดินออกจากลิฟต์เลี้ยวซ้ายจะเจอแผนกบัญชี แต่เมื่อขึ้นไปกลับไม่พบแผนกบัญชีตามที่ต้องการ
“หรือผิดชั้น” น้ำทิพย์รีบกดลิฟต์กลับไปที่ชั้นล่าง เพื่อจะถามเจ้าหน้าที่ใหม่อีกครั้งว่าแผนกบัญชีอยู่ที่ไหนกันแน่
เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าแผนกบัญชีอยู่ชั้นสิบห้า คราวนี้น้ำทิพย์มั่นใจว่าไม่พลาดแน่ หญิงสาวก้าวขาออกจากลิฟต์และตรงไปตามทางที่ได้รับการบอก
“มารับค่าดอกไม้ค่ะ” หญิงสาวส่งยิ้มหวานนำทางไปก่อนแล้วชะโงกหน้าเข้าไปในห้องที่เข้าใจว่านี่คือแผนกบัญชี
ไม่มีคนอยู่ได้ยินแต่เสียงกุกกักด้านใน น้ำทิพย์จึงค่อยๆ เดินเข้าไปด้านใน มีประตูห้องอีกอันด้านในเหมือนมีคนอยู่ คงจะเป็นหัวหน้าแผนกบัญชีที่จะจ่ายค่าดอกไม้แน่
“ดิฉันมารับค่าดอกไม้ค่ะ” น้ำทิพย์เปิดประตูส่งยิ้มหวานอีกครั้ง
เหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ เมื่อคนที่เงยหน้ามาเป็นคนที่ทำให้ชีวิตของน้ำทิพย์เปลี่ยนไปนับตั้งแต่วันนั้น ยังไม่ทันจะพูดจาใดๆ หญิงสาวก็รีบหมุนตัวกลับทันที
“เดี๋ยว” ชายคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งตามออกมา
น้ำทิพย์ไม่รับฟังใดๆ ทั้งสิ้น รู้แค่ว่าต้องพาตัวเองออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ ยิ่งรีบก็เหมือนยิ่งช้าเพราะมือเท้ามันไม่ทำงานสัมพันธ์กันกับความต้องการของตัวเอง ยิ่งรีบยิ่งอ่อนแรงยิ่งพยายามยิ่งไม่ได้ดั่งใจ
“เดี๋ยว จะไปไหน” เขาคว้าข้อมือไว้ได้ทันก่อนที่หญิงสาวจะพ้นประตูไป
“ปล่อยนะ ปล่อย”
น้ำทิพย์ดิ้นรนสุดชีวิต ดวงตามีแววตระหนกตกใจสุดขีด ยิ่งถูกสัมผัสร่างกายแม้แค่การจับมือ แต่มันเหมือนมีเปลวไฟมาเผาไปทั่วร่างให้เป็นจุณ
“หยุด อย่าร้อง”
อีกฝ่ายวิงวอนขอแต่น้ำทิพย์กลับไม่ยอมทำตาม ทั้งดิ้นทั้งข่วนจนเขาต้องดันตัวเธอไปชิดติดผนัง แล้วจัดการใช้ร่างกายล็อกไม่ให้ดิ้นหลุดไปไหน
“ปะ ปล่อย”
“ผมปล่อย ถ้าเราจะคุยกันดีๆ” ฝ่ามือหนาถือวิวาสะจับคางสวยให้หันหน้ามามองสบตากันอีกครั้ง
ไม่ผิดแน่ เป็นเขาจริงๆ ด้วย
โอ้ คุณพระคุณเจ้า
ทำไมชีวิตต้องมาเจอผู้ชายคนนี้อีก
น้ำทิพย์อยากจะร้องไห้ให้กับโชคชะตาของตนเองเสียเหลือเกิน ภาพในหัวฟื้นความหลังใจอดีตขึ้นมาเด่นชัดราวกับเพิ่งเกินเมื่อวานนี้
จอห์น แมกเทียร์ ผู้ชายที่อยู่ในห้วงความคำนึงทั้งยามหลับและยามตื่น ผู้ชายที่ชั่วชีวิตนี้น้ำทิพย์ไม่มีวันลืมเขาลง ดวงตาคู่นั้นเผยความยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งอย่างเห็นได้ชัด
“เธอจริงๆ ด้วย”
จอห์นพิศมองคนในอ้อมกอดด้วยความดีใจ เธอดูสดใสมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าสองปีที่แล้ว และดูจะเปล่งปลั่งเป็นสาวแรกรุ่นที่งดงามตามวัยได้อย่างน่ามอง
เขาไม่เคยลืมเลยว่าเรือนร่างในอ้อมแขนนี้ เคยสร้างความทรงจำใดๆ ไว้กับตนบ้าง ความทรงจำที่ไม่เคยจางหายตลอดสองปีที่ผ่านมา
จอห์นไม่คิดเลยว่าการเดินทางมาตรวจโรงแรมสาขาใหม่ในประเทศไทยที่เพิ่งซื้อกิจการเมื่อเดือนก่อน จะทำให้ได้พบกับสาวน้อยคนนี้อีกครั้ง
สองปีก่อนที่เหยียบแผ่นดินไทยครั้งแรก น้ำทิพย์คือเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่ทำให้คิดถึงประเทศไทยตลอดเวลา
เมื่อได้โอกาสกลับมาอีกครั้ง แม้จุดประสงค์หลักจะเป็นเรื่องงานก็ตามแต่ ในใจของจอห์นก็มักคิดเสมอว่า เมื่อไรถึงจะมีโอกาสได้พบสาวน้อยหน้าหวานที่ไม่เคยห่างหายไปจากใจเขาแม้แต่น้อย
จอห์นวนเวียนกลับไปสถานที่ที่เคยพบน้ำทิพย์ ที่นั่นเปลี่ยนเจ้าของจนไม่เหลือใครคนใดให้ถามข่าวได้อีก เขาหมดหวังและทำใจแล้วว่าอาจจะไม่มีโอกาสได้พบเธออีกต่อไป
หรือถ้าได้พบ เจ้าหล่อนอาจไม่เหมือนเดิม อาจมีคนรักมีครอบครัวหรือมีความสุขจนลืมตนไปแล้วก็ได้
ทว่าพระเจ้าก็ยังเมตตา เชื่อมเราสองคนให้ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง โชคดีที่คืนนี้เขาไม่มีนัดกับใครและนั่งทำงานอยู่ในห้องนี้ จนกระทั่งเธอก้าวเข้ามาส่งรอยยิ้มแสนหวานมาทบทวนความทรงจำ
เมื่อมองชัดๆ จอห์นก็มั่นใจว่า นี่ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นโชค เป็นของขวัญที่สวรรค์ส่งมาให้ได้พบกันอีกครั้ง
“ปะ ปล่อยค่ะ” น้ำทิพย์แทบจะไม่มีเสียงเอ่ยคำใดออกมา
เธอตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเห็นหน้าเขาอีกครั้ง รู้สึกเหมือนฟ้าผ่าลงมาที่กลางกระหม่อมจะขยับตัวไปทางไหน ร่างกายก็ไม่สัมพันธ์กับความต้องการของหัวใจเลยแม้แต่น้อย รู้เพียงแค่ว่า
"ไม่ปล่อย ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปไหนอีกแล้ว น้ำทิพย์" จอห์นพูดพลางกระชับร่างเล็กให้เข้าหาตัวแนบชิดมากขึ้น เจอกันอีกครั้งเขาจะทำให้ทุกอย่างที่ค้างคาเป็นจริงและจะไม่ยอมปล่อยเธอไปไหนทั้งนั้น
"คะ คุณจำคนผิดแล้ว ระ เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน" สาวน้อยปากสั่น สองมือพยายามดันตัวเองออกห่างจากอ้อมแขนที่รัดตัวเธอแน่นขึ้น
“ทำไมเราจะไม่เคยรู้จักกัน”
ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายเจิดจ้าขึ้นมาเมื่อได้ฟังคำปฏิเสธ จอห์นแทบอยากจะรัดร่างในอ้อมกอดให้กลืนหายรวมกันเป็นร่างเดียวเสียตอนนี้
“เราสองคนยิ่งกว่ารู้จักอีกไม่ใช่เหรอ” เขายื่นหน้าเข้ามากระซิบใกล้ๆ ให้ได้ยินกันเพียงสองคนเท่านั้น
แก้มสาวร้อนผ่าวเมื่อลมหายใจของใครบางคนจงใจเฉียดผ่านอย่างชัดเจน เนื้อตัวของน้ำทิพย์ร้อนวูบวายไปทั่วร่างราวกับจะเป็นไข้
"หรือว่าต้องทบทวนสักนิด เธอถึงจะจำได้"
จอห์นไม่เคยลืมเลยว่าความสัมพันธ์ในระยะสั้นๆ ที่มาพักผ่อนในประเทศไทย ได้สร้างความทรงจำที่แสนคิดถึงและทรมานมากแค่ไหน
ผู้หญิง ที่มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะตราตรึงในหัวใจ
ผู้หญิง ที่ไม่ได้ปรารถนาแค่ความสัมพันธ์ทางกายแลกกับเงินก้อนโต
ผู้หญิง ที่ทำให้เขาคิดถึงมาจนทุกวันนี้ คิดถึงมาก มากเสียจนไม่อาจปล่อยให้หลุดมือไปได้อีกแล้ว
"ปะ ปล่อย ฉะ ฉัน ถะ เถอะ คะ ค่ะ" สาวน้อย
น้ำทิพย์กำลังจะทนไม่ไหว เมื่อความรู้สึกที่เก็บกลั้นไว้มันกำลังจะเผยออกมาให้เรับรู้ว่า เธอเองก็ไม่เคยลืมเลือนเขาไปจากใจเช่นเดียวกัน
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน และเมื่อได้กลับมาพบกันแม้จะตกใจเพราเกินความคาดฝัน แต่น้ำทิพย์ก็อยากให้ฝันนี้คงอยู่กับตนไปตราบนานเท่านานยิ่งดี
ทว่า …
เธอไม่อาจทำเช่นนั้นได้ ไม่อาจทำตามความปรารถนาของหัวใจ ไม่อาจตามใจเสียงเรียกร้อง ไม่อาจยิ้มทักทายอย่างมีความสุข ไม่อาจมอบไมตรีที่บริสุทธิ์ดั่งเดิมให้เขาได้อีกต่อไป
เพราะความทุกข์ทรมานเสียใจต่อการกระทำของเขา ความคิดถึงที่มากมายจนกลายเป็นความน้อยใจ ทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นเพราะผู้ชายคนนี้ มีเพียงน้ำตาเป็นคำตอบเพื่อปลอบประโลมหัวใจที่คิดถึงให้หายเศร้า
แม้ดีใจที่ได้พบหน้ากันอีก แต่ความเสียใจที่ไม่จางหายก็ทำให้น้ำทิพย์ปฏิเสธที่จะเปิดรับจอห์นเข้ามาอีกครั้ง
เขาทำให้เธอเจ็บ ไร้ค่าและไม่มีความหมาย
ปล่อยให้ทรมานกับความคิดถึง ความโหยหาที่ไม่มีใครมาดับให้
