บท
ตั้งค่า

บทที่2 บุปผาในกาล RE-WRITE

ปัจจุบัน - มหานครมุมไบ

ท่ามกลางย่านโคลาบาที่เต็มไปด้วยศิลปะและสถาปัตยกรรมเก่าแก่ มีร้านดอกไม้เล็กๆแห่งหนึ่งตั้งอยู่อย่างสงบเสงี่ยม ป้ายไม้ที่แกะสลักอย่างสวยงามถูกแขวนไว้อยู่เหนือประตู...

Flowers in time

ภายในร้านอบอวนไปด้วยกลิ่นหอมสดชื่นของดอกไม้นานาพันธุ์ที่จัดวางอย่างมีศิลปะ แม้ไม่ได้จัดวางอย่างหรูหราอลังการเหมือนร้านอื่นๆ แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นและสบายใจเหมือนอยู่บ้าน

ในอีกมุมหนึ่งของร้าน ร่างเพรียวบางของ อัมพิกา เชาฮาน ในชุดกูรตีผ้าฝ้ายสีขาวเรียบง่าย กำลังบรรจงจัดช่อดอกทิวลิปสีขาวลงแจกันด้วยอย่าง นุ่มนวล เธอในวันนี้... ช่างแตกต่างจากเมื่อสองปีก่อนนัก

ดวงตาสีน้ำผึ้งอ่อนคู่สวยที่เคยสดใสราวกับดวงดาว บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความสุขุมและมีความคิดมากขึ้น ถึงแม้ดวงตากลมโตคู่นั้นยังคงงดงาม แต่กลับสายแววความครุ่นคิดบางอย่างอยู่เสมอ

กริ๊ง...

เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นพร้อมกับร่างของลูกค้าประจำ หญิงวัยกลางคนชาวอังกฤษที่ย้ายมาอยู่มุมไบกับสามีหลังเกษียณ ใบหน้าที่มีเค้าโครงความสวยงามในอดีต รอยยิ้มที่เป็นมิตร ทำให้อัมพิการู้สึกเหมือนเธอเป็นญาติผู้ใหญ่อีกคนหนึ่ง

“อรุณสวัสดิ์จ้ะอามิ วันนี้พอจะมีดอกลิลลี่สวยๆให้ป้าบ้างไหมจ๊ะ”

“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณนายโรส ดอกลิลลี่มีแน่นอนค่ะ เพิ่งลงเมื่อเช้าเลย” หญิงสาวคลี่ยิ้มตอบรับอย่างเป็นมิตร ตั้งแต่เธอย้ายมาอยู่ที่มุมไบเมื่อปีก่อน เพื่อเก็บประสบการณ์ชีวิตและเริ่มต้นชีวิตใหม่ การเปิดร้านดอกไม้เล็กๆก็เป็นอีกหนึ่งในความฝันของเธอ มันคือพื้นที่ปลอดภัยที่เธอได้อยู่ในสิ่งที่เธอรัก นอกเหนือจากงานในฝัน อีกอย่างหนึ่งก็คือ... การได้เป็นครูสอนหนังสือให้เด็กๆที่ชนบท เธอเรียนจบครูมา เพื่อทำหน้าที่นี้ แต่... บิดาของเธอ ปราโมทย์ เชาฮาน ท่านไม่อนุญาต

ดังนั้นร้านดอกไม้แห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้พ่อของเธอนั้นอนุญาตให้เธอทำ

อัมพิกาเดินไปดอกลิลลี่สีขาวอย่างนุ่มนวล ก่อนจะนำมันไปห่อกระดาษด้วยความทะนุถนอม

“หนู... ดูรักดอกไม้พวกนี้มากเลยนะ ป้าเห็นทีไร ก็ชื่นใจทุกที”

“ เพราะว่าดอกไม้ก็คือสิ่งที่ฉันรักค่ะ ได้เห็นดอกไม้ก็เหมือนได้เห็นครอบครัว เพราะว่าคุณแม่ของฉันท่านก็ชอบดอกไม้มาก ท่านชอบปลูกดอกไม้โดยเฉพาะดอกกุหลาบค่ะ ” เธอพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม พลางส่งห่อกระดาษให้ลูกค้าประจำของเธออย่างแผ่วเบา

“ขอบใจจ้า” คุณนายโรสรับช่อดอกลิลลี่มาไว้ในมือ ก่อนจะเดินออกจากร้านไปด้วยความอารมณ์ดี

หลังจากที่คุณนายโรสออกไปจากร้านแล้ว อัมพิกาก็หันมาจัดการร้านต่ออีกเล็กน้อย เพราะใกล้ถึงเวลาปิดการของเธอแล้ว แต่พนักงานส่งของก็แวะนำนิตยสารนักธุรกิจและไลฟ์สไตล์ล็อตใหม่มาส่งตามเวลาปกติ

หญิงสาวจึงจัดการมุมนิตยสารก่อนปิดร้านอย่างเช่นทุกครั้ง มือบางรับกองนิตยสารทำมาไว้บนเคาน์เตอร์ เตรียมนำไปจัดไปยังไว้สำหรับลูกค้า แต่แล้ว... สายตาของเธอก็ชะงักงัน กับภาพบางอย่างบนหน้าปกนิตยสาร

มันคือภาพของคนที่เธอรู้จักดีทั้งสองคน

ราฟี เชค และ อัมมาวดี เชาฮาน : คู่รักทรงอิทธิพลแห่งปี

ในภาพนั้นพี่สาวของเธอดูสง่างามในชุดส่าหรีจากแบรนด์ของตังเอง ยืนเคียงข้างราฟี เชค ที่ตอนนี้กลายเป็นนักการเมืองดาวรุ่งที่น่าจับตามอง ทั้งคู่ส่งยิ้มให้กล้องอย่างมีความสุขและเปี่ยมอำนาจ รอยยิ้มของทั้งคู่นั้น ดึงสติของเธอให้จมอยู่ในห้วงอดีตเมื่อสองปีก่อน วันที่หัวใจของเธอแตกสลายไม่ต่างจากอดีตคนรักของพี่สาว

“ พี่อามู พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง... พี่บอกเลิกพี่ศิวะเพื่อไปคบกับผู้ชายที่เพิ่งเจอเนี่ยนะ?” เสียงของเธอในวันนั้นเต็มไปด้วยความผิดหวังในตัวพี่สาวอย่างรุนแรง

“อามิ ฟังพี่ก่อน พี่ไม่ได้รักศิวะแล้ว”

“ไม่ได้รัก... พี่รักกับพี่ศิวะมาสามปี แต่พอผู้ชายคนนั้นเข้ามาในชีวิตพี่ พี่กลับมาบอกหนูว่าพี่ไม่ได้รักพี่ศิวะแล้วอย่างนั้นหรอ?” หญิงสาวตะคอกใส่พี่สาวอย่างเหลืออด

“พี่ยอมทิ้งผู้ชายที่ทำทุกอย่างเพื่อพี่... เขาทุ่มเททุกอย่างเพื่อพี่มาตั้งหลายปี พี่จะไม่คิดถึงหัวใจเขาหน่อยหรอ?”

“พี่คิดถึง... แต่คนเราจะฝืนหัวใจตัวเองไปนานแค่ไหนล่ะ? การอยู่กับคนที่เราไม่ได้รักมันไม่มีความสุขหรอกนะ อีกอย่างมันก็เหมือนเป็นการหลอกตัวเองไปด้วย”

คำพูดของพี่สาวยังคงดังก้องอยู่ในหัว เธอยังจำแววตาคู่นั้นได้แม่น... แววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความหลงใหลเมื่อพูดถึงผู้ชายคนนั้น

ราฟี เชค... ผู้ชายที่เปลี่ยนหัวใจของพี่สาวไปตลอดกาล

“พี่รักเขาอามิ เขาไม่เหมือนความรักที่ผ่านมาของพี่ เธอ... เชื่อพี่สักครั้งเถอะนะ ” น้ำเสียงอ้อนวอนของอัมมาวดี แววตาที่เว้าวอนคู่นั้น เธอจ้องมันด้วยหัวใจที่ปวดร้าว

แต่สุดท้ายเธอก็พยักหน้ายอมรับ

“ ค่ะ หนูจะเชื่อพี่อีกครั้งหนึ่ง” เธอบอกอีกฝ่ายไปแบบนั้น แต่ลึกๆแล้วเธอก็ไม่เคยเชื่อว่า ราฟี เชค จะเป็นผู้ชายที่ดี... แล้วเธอก็รู้ว่าการตัดสินใจของพี่สาวในวันนั้น ได้ทิ้งบาดแผลขนาดใหญ่ไว้ในใจของผู้ชายที่ดีที่สุดอย่างศิวะ เป็นบาดแผลที่ไม่มีวันลบเลือน

ในขณะที่หญิงสาวกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด เสียงแจ้งเตือนอีเมลใหม่บนคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปก็ดังขึ้น

ติ๊ง!

อัมพิกาสะดุ้งเล็กน้อย นิตยสารในมือร่วงลงบนพื้นด้วยความตกใจ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะก้มลงไปเก็บนิตยสารเล่มนั้นไปวางคว่ำหน้าไว้ใต้เคาน์เตอร์มือบางยกขึ้นเสยผมไปด้านหลังเบาๆ แล้วหันไปสนใจอีเมลฉบับใหม่บนหน้าจอ

“หัวข้อข้อเสนอโครงการและคำสั่งซื้อดอกไม้ งาน The Phoenix Gala” ร่างบางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เธอเลื่อนเมาส์ไปกดเปิดอ่าน ก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจปนไม่เชื่ออยู่ลึกๆ

อีเมลที่ส่งมาเป็นของบริษัท Elysian Events. เป็นบริษัทออแกไนซ์ระดับประเทศ แต่... บริษัทระดับนี้จะส่งอีเมลมาหาเธอที่เป็นแค่เจ้าของร้านดอกไม้เล็กๆ เพื่อเสนอโปรเจคสำคัญอย่างการจัดดอกไม้สำหรับงานกาลาการกุศลที่มีแค่หนึ่งครั้งต่อปี และที่สำคัญ ยังระบุว่าประธานของบริษัทผู้จัดงานยังเป็นคนเสนอชื่อร้าน Flowers in time ของเธอด้วยตัวเองอีก

งบประมาณที่ให้มานั้นสูงจนน่าตกใจ มันเป็นโอกาสที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ที่เธอเปิดร้านมา

ทว่า... มันเป็นโอกาสที่ดูยิ่งใหญ่ สมบูรณ์แบบเกินจริงไปหน่อย ใครกันที่จะมาเสนอชื่อร้านเล็กๆของเธอให้กับงานใหญ่ระดับนี้

ความสงสัยเล็กๆผุดขึ้นมาในหัวใจของเธอ เธอเลื่อนสายตาลงมาอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม จนถึงส่วนท้ายของอีเมล

โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนและดูแลโดย Phoenix Ventures Group.

“ ฟีนิกซ์ เวนเจอร์ส กรุ๊ป. งั้นหรอ?” หญิงสาวพึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัย ชื่อบริษัทนี้เธอไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่ไม่รู้ทำไม... เธอกลับรู้สึกสังหรณ์ใจอยู่ลึกๆ ราวกับมีเงาของใครบางคนทาบทับอยู่เบื้องหลังโอกาสครั้งใหญ่นี้

อัมพิกานั่งนิ่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์อยู่นาน จนแสงสุดท้ายของวันสาดส่องเข้ามาในร้านอย่างช้าๆ แสงสีส้มส่องสว่างอยู่ภายในร้านราวกับเพิ่มบรรยากาศที่แสนอบอุ่น ในขณะที่เจ้าของร้านอย่างเธอ... กำลังจมอยู่ในภวังค์ความคิด

นี่คือโอกาสที่สวรรค์ส่งมาให้...

หรือมันจะเป็นกับดักของใครบางคน... ที่วางเอาไว้รอเธอเข้าไปโดยสมัครใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel