อดีตอันเลวร้ายของเจ้าชายน้อยไคน์ 2
มือหนานั้นกำแน่น ดวงตาสีเขียวทั้งคู่กำลังค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงช่างดูน่ากลัวยิ่งนัก ความโมโหนั้นทำให้แวมไพร์หนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงตรงปรี่ไปที่ห้องนอนที่มีคนตัวเล็กนอนหลับใหลอยู่ทันที
---ปึ้ง!!!---
“ลุกมานี่ ลุกมา!!!”
คนตัวเล็กที่หลับใหลไม่ได้สตินั้นโยกโยนเคลื่อนไหวไปตามแรงกระชาก ร่างกายที่อ่อนล้านั้นยังคงหลับใหลไม่ได้สติเช่นเดิมแต่กลับไม่ใช่บนเตียงเหมือนเดิม เพราะร่างกายเธอถูกโยนลงไปที่พื้นด้วยแรงอันมหาศาลของแวมไพร์หนุ่ม
“ชิ!!!...น่าสมเพชสิ้นดี”
ไคน์สบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะก้มลงไปอุ้มคนตัวเล็กให้ขึ้นมานอนบนเตียงกว้างดั่งเดิม เขาล้มตัวลงนอนข้างๆและหลับใหลไปพร้อมคนตัวเล็กในอ้อมกอด
วันที่สามของการหลับใหล ไอรีนยังไม่ฟื้นคืนสติ เธอได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากคำสั่งของไคน์ รอบกายนั้นล้อมไปด้วยสาวใช้ประจำคฤหาสน์เคลล็อกก์ที่คอยปรนนิบัติอยู่ไม่ห่าง
“เธอฟื้นหรือยัง?”
คนที่เพิ่งมาใหม่ถามขึ้นอย่างใจเย็นเมื่อเดินมาถึงประตูหน้าห้อง
“ยังค่ะเจ้าชาย”
“อืม...จะไปไหนก็ไป ถ้าฉันไม่เรียกไม่ต้องเข้ามา”
“รับทราบค่ะเจ้าชาย”
แวมไพร์หนุ่มเดินเข้าไปภายในห้องพร้อมกับปิดประตูลงกลอนเพราะกลัวว่าจะมีใครเข้ามาระหว่างที่เขายังอยู่ในห้องกับคนตัวเล็ก
“เหตุใดถึงยังไม่ฟื้น ทั้งที่ฉันรักษาบาดแผลให้เธอทุกวัน”
ไคน์บ่นพรึมพรำหลังจากที่พยุงคนตัวเล็กขึ้นมาให้เธอเอนอิงที่อกแกร่งของเขา สองแขนแกร่งโอบกอดเธอไว้จากทางด้านหลัง สายตาพลางสำรวจรอบเรือนกายที่กำลังหลับใหลไม่ได้สติอยู่ในอ้อมแขน
“บาดแผลก็ไม่มีแล้วนี่ ทำไมกัน”
“อื้อ...”
พูดยังไม่ทันขาดคำ คนที่หลับใหลในอ้อมแขนก็ค่อยๆขยับตัว ดวงตาสีน้ำตาคู่สวยลืมขึ้นมาอย่างเชื่องช้า เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อเริ่มรู้สึกว่ามีใครบางคนกอดอยู่ด้านหลัง ร่างบางค่อยๆหันกลับไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครเธอกลับกรีดร้องออกมาพร้อมกลับผลักไสเขาราวกลับเป็นสิ่งของที่น่ารังเกียจ
“กรี๊ดดดดด!!!!!! เอามือสกปรกของนายออกไปนะ”
เรี่ยวแรงของมนุษย์มีหรือจะสู้แรงอันมหาศาลของแวมไพร์ได้ ยิ่งเป็นมนุษย์ที่เพิ่งจะฟื้นตัวจากบาดแผลที่แสนสาหัสแล้วด้วย ยิ่งแทบจะไม่มีแรงผลักเลย
“หึ!! สลบไปตั้ง 3 วัน ตื่นมาเธอก็ยังปากดีเหมือนเดิม”
ไคน์เอ่ยขึ้นพร้อมกับค่อยๆคืบคลานเข้าไปหาคนตัวเล็กช้าๆ ราวกับว่าเธอคืออาหารแสนอร่อยที่ตั้งรอไว้ให้เขาเข้าไปลิ้มลองรสชาติ
“อย่าเข้ามานะ!!”
ไอรีนถอยหนีแต่กลับถูกอีกฝ่ายจับที่ข้อเท้าไว้แน่นพร้อมกับดึงตัวเธอเข้าหาตัวเขา ริมฝีปากหนาสะแยะยิ้มจนมองเห็นเขี้ยวอันแหลมคมทั้งสองข้าง
“ไม่สำนึกบุญคุณเอาเสียเลย รู้อย่างนี้ฉันไม่ช่วยรักษาแผลให้เธอหรอก ไม่สู้ดูดเลือดเธอแล้วปล่อยให้ค่อยๆตายไปเสียดีกว่า”
“วะ...ว่าไงนะ...นาย...นายช่วยฉัน ช่วยฉันทำไม? ทำไมไม่ฆ่าฉันให้ตายไปซะ ดีกว่าให้ฉันต้องมาอยู่ใกล้พวกแวมไพร์ที่น่าขยะแขยงแบบนาย”
“หึ!! ผู้หญิงปากดีอย่างเธอจะต้องมาคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนฉัน อย่าอวดเก่งให้มันมากนะ ฉันไม่ใช่พวกที่มีความอดทนสูงอย่างที่เธอคิด”
แวมไพร์หนุ่มกำข้อมือเล็กพร้อมบีบแน่นจนไอรีนรู้สึกเจ็บปวด เธอพยายามสะบัดมือเขาออกสุดแรงที่มีแต่ก็ไม่สามารถสะบัดออกไปได้เลย เขายิ่งกำแน่นและบีบแรงขึ้น
“ปล่อยฉัน!!! ฉันจะรีบกลับไปหาน้องชายของฉัน ปล่อย!!!”
“น้องชาย? หึ!! ไม่ต้องห่วง น้องชายของเธอจะปลอดภัย ตราบใดที่เธอยอมทำตามคำสั่งฉัน”
“นะ...นาย..หมายความว่ายังไง
คนตัวเล็กดวงตาเบิกโพรงด้วยความตกใจ น้องชายเป็นเพียงญาติคนเดียวที่เธอเหลืออยู่ในตอนนี้ แต่เกิดอะไรขึ้นกับน้องชายของเธอกัน หรือว่าแวมไพร์พวกนี้จับน้องชายเธอไปทารุณ ความกระวนกระวายใจเกิดขึ้นเมื่อได้ยินเขาเอ่ยถึงน้องชาย แวมไพร์พวกนี้รู้ได้อย่างไรกันว่าเธอกับน้องชายนั้นอาศัยอยู่ที่ไหน
“นะ...นาย..ทำอะไรกับไอเดน ปล่อยเขาไปนะ อย่าทำอะไรไอเดนนะ เขากำลังป่วย ปล่อยเขาไปเถอะ ถ้านายอยากดื่มเลือด มาทำฉันแทนเถอะ ขอร้องล่ะ”
“หึ!! สาวน้อย ฉันบอกแล้วไง น้องชายของเธอจะปลอดภัยตราบใดที่เธอยอมทำตามคำสั่งของฉัน”
เจ้าชายไคน์ผู้เจ้าเล่ห์สะแยะยิ้มอย่างพอใจจนเห็นเขี้ยวอีกครั้ง เมื่อเขาเห็นว่าเด็กสาวกำลังคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนเขาดั่งที่เขาเคยพูดไว้ ท่าทีนั้นสร้างความพึงพอใจให้เจ้าชายได้ไม่น้อย
“เธอจะต้องอยู่ที่นี่ เพราะเธอคือผู้ที่ถูกเลือกจากฉัน เธอต้องอยู่ข้างกายฉันในฐานะ ผู้รับใช้โลหิต!! และต้องรับใช้ให้ฉันแต่เพียงผู้เดียว”
สาวน้อยดวงตาเบิกโพรงอีกครั้ง เธอจะใช้ชีวิตอยู่กับพวกแวมไพร์ที่เธอสุดแสนจะรังเกียจได้อย่างไร เวลานี้มีหนทางไหนให้เธอหลบหนีได้บ้าง ข้อต่อรองที่บังคับให้เธอต้องอดทนนั้นก็คือน้องชายเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ หลังจากนี้ไปเธอจะทำเช่นไร เธอจะทนเป็นเบี้ยล่างรับใช้พวกแวมไพร์ที่น่าขยะแขยงนี้ไปได้นานสักแค่ไหนกัน...
