อดีตอันเลวร้ายของเจ้าชายน้อยไคน์ 1
Kine Part
ฉันเกลียดมนุษย์ คนพวกนี้ขี้ขลาดสิ้นดี พวกมนุษย์นั้นทั้งโกหกและหลอกลวง หลอกให้รักและไว้ใจ สุดท้ายก็หักหลังแวมไพร์อย่างฉันไปอย่างไม่มีเยื่อใย พวกมนุษย์เป็นพวกที่เชื่อถือไม่ได้ สมแล้วที่ต้องตกของเล่นให้กับเหล่าแวมไพร์อย่างพวกเรา
ฉันเคยหลงรักมนุษย์ ผู้หญิงคนนั้นคือผู้รับใช้โลหิตคนเก่าของฉัน เธอดีกับฉัน คอยโอบกอดฉันไว้ไม่ว่าจะเวลาใด ผู้หญิงคนนั้น ผู้รับใช้โลหิตที่แสนภักดีของฉันดวงตาสีน้ำตาลคู่นั่นและผมสีน้ำตาลอ่อนที่ยาวสลวยน่าสัมผัส ฉันจำได้ฝังใจไม่เคยลืมเลือน...
เจ้าชายน้อยไคน์เมื่อครั้นอายุ 13 ปี ตกหลุมรักหญิงสาวผู้หนึ่ง เธอเป็นคนที่อ่อนหวาน ใบหน้านั้นสวยราวกับสวรรค์สร้าง ไม่ว่ามนุษย์หรือแวมไพร์ที่ได้พบเห็นล้วนต้องตกหลุมรักเธออย่างปฏิเสธไม่ได้
“พี่...พี่ครับ...บาร์รอน...มีใครอยู่ไหม?”
“เจ้าชาย กำลังตามหาใครอยู่หรือ?”
เด็กชายบาร์รอนเดินเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงเรียกหาพร้อมเอ่ยถามเจ้าชายน้อยไคน์ผู้เป็นเพื่อนสนิทของตัวเอง ไม่ต่างจากเจ้าชายคิงส์ เคลล็อกก์ ที่เดินตามมาติดๆ
“นายเรียกพี่ทำไมเจ้าชายน้อยของพี่”
“คาร่า พี่เห็นคาร่าหรือไม่ ตั้งแต่ตื่นมาฉันยังไม่เห็นเธอเลย”
“เธอไม่อยู่กับนายแล้วไคน์ เธอไปแล้ว”
“ไป?...คาร่าไปไหนครับ”
เจ้าชายไคน์น้อยเอ่ยถามพี่ชายด้วยความไร้เดียงสา เขาไม่รู้เลยว่าคนที่ตามหานั้นอยู่ที่แห่งใด คนที่เคยสัญญากับเขาเอาไว้ “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะไม่ทอดทิ้งคุณ เจ้าชายน้อยที่รักของฉัน” เหตุใดเขาถึงไม่ทำตามคำมั่นสัญญา
“คนโกหก...ฮึก!”
“คนหลองลวง...ฮึก!”
ผู้เป็นพี่ชายดึงเอาเจ้าชายตัวน้อยเข้ามากอดปลอบโยนด้วยความรัก
“อย่าเศร้าไปเลย นายต้องเรียนรู้และเข้าใจ ไม่มีมนุษย์คนไหนทนอยู่กับแวมไพร์อย่างพวกเราไปได้ตลอดหรอก สักวันหนึ่งนายก็จะต้องอยู่ตัวคนเดียวดั่งเช่นตอนนี้”
“เพราะอะไรกัน? หากทำไม่ได้ตามที่สัญญาก็ไม่ควรรับปากฉันสิ ทำไมต้องสัญญาลมๆแล้งๆเช่นนี้ด้วยล่ะ...ฮึก! ฉันรังเกียจ พวกมนุษย์ไม่รักษาสัจจะ พวกมนุษย์หลอกลวง”
ภาพจำในอดีตนั้นผุดขึ้นในหัวเมื่อฉันมองภาพเหตุการณ์ที่อยู่เบื้องหน้าตรงสนามหญ้าของมหาวิทยาลัย ดวงตาคู่นั้น ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสลวยแบบนั้น ช่างเหมือนเหลือเกิน เหมือนกับผู้หญิงคนนั้น คนที่หักหลังและทอดทิ้งฉันไปอย่างไม่ใยดีเมื่อ 11 ปีที่แล้ว
“เหตุใดกัน ทำไมยิ่งมองเด็กคนนั้นก็ยิ่งนึกถึง”
ไคน์บ่นกับตัวเองอยู่ภายในห้องโถงที่ไม่มีใครเลยนอกจากเขา ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่เขาไม่อยากนึกถึง แต่กลับต้องนึกถึงทุกครั้งที่มองไปยังคนตัวเล็ก
“เจ้าชาย พวกเราอาบน้ำทำความสะอาดและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอเสร็จแล้วค่ะ”
“อืม...วางเธอไว้บนเตียงในห้องนอนของฉัน อีกเดี๋ยวฉันจะตามไป”
“รับทราบค่ะเจ้าชาย”
ร่างสูงเดินตรงไปยังห้องนอน บนเตียงขนาดใหญ่นั้นปรากฎให้เห็นร่างบางของหญิงสาวที่นอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่บนนั้น ใบหน้าเรียวและผิวที่ขาวเนียน รวมไปถึงกลิ่นกายที่หอมหวนชวนหลงใหลแตกต่างจากมนุษย์สาวคนอื่นๆที่เขาเคยพบ
เขาโน้มใบหน้าลงไปจ้องคนตัวเล็กจนใบหน้าของพวกเขานั้นห่างกันเพียงคืบ ทันใดนั้นภาพความทรงจำเก่าๆ ก็วนกลับเข้ามาในหัวของเจ้าชายอีกครั้ง
“ปวดหัว!! ไม่ไหว!! ภาพนั้น เธอคนนั้น!! มาอีกแล้ว!!”
ไคน์กุมขมับด้วยความทรมาน อาการปวดหัวที่รุนแรงมักจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่เขานึกถึงหญิงสาวผู้ทรยศคนนั้น
“พวกคนทรยศ ฉันเกลียด เกลียดคนทรยศ...โอ๊ย!!”
เจ้าชายแวมไพร์หนุ่มรีบลุกขึ้น เขาวิ่งออกจากห้องไปด้วยความรวดเร็ว มือแกร่งเอื้อมไปปิดล็อกประตูห้องเอาไว้แน่น และไม่ลืมที่จะสั่งสาวใช้ประจำคฤหาสน์ 2 คนยืนเฝ้าหน้าประตูเอาไว้ทั้งคืน
“เธอกล้าดียังไงมาทำให้ฉันนึกถึงผู้หญิงคนนั้น ทั้งที่ฉันควรจะลืมไปแล้ว”
ไคน์สบถกับตัวเองเมื่อเขาพาตัวเองวิ่งมาจนถึงห้องทำงานส่วนตัว คืนนี้เขาคงไม่สามารถไปนอนที่ห้องนอนได้ เพราะเมื่อเขาเห็นหน้าคนตัวเล็กทีไรก็จะพลันนึกถึงโฉมหน้าหญิงสาวที่ทรยศหักหลังเขาเมื่อ 11 ปีก่อนทันที
“สักวันฉันจะทำให้เธอต้องมาคุกเข่าอ้อนวอนฉันให้ได้”
แวมไพร์หนุ่มล้มตัวลงนอนบนโซฟาตัวใหญ่ ดวงตาสีเขียวนั้นค่อยๆปิดลงและเขาก็เข้าสู้ห้วงนิทราไป ในห้วงของความฝัน โสตประสาทที่รับรู้นั้นได้ยินเพียงเสียงหวานที่เคยเอ่ยเอื้อนถ้อยคำสัญญาต่างๆนานา
“เจ้าชายที่รักของฉัน คาร่าคนนี้จะอยู่เคียงข้างคุณ”
“เจ้าชายที่รักของฉัน คาร่าคนนี้จะเป็นผู้รับใช้โลหิตที่จงรักภักดีกับคุณตลอดไป”
“เจ้าชายที่รักของฉัน คาร่าคนนี้จะไม่มีวันทอดทิ้งคุณไปโดยเด็ดขาด”
ถึงแม้สติจะหลับใหลไปแล้ว แต่นี้ห้วงความฝันนั้นเป็นเหมือนดั่งกับการจุดระเบิด ไคน์สะดุ้งตื่นมาพร้อมกับเหงื่อที่เปียกโชกทั่วทั้งร่างกาย
“คนโกหก!!”
เขาตะโกนขึ้นมาอย่างลืมตัว สายตาที่มองสำรวจไปบริเวณโดยรอบห้องนั้นกลับไม่มีใครเลยนอกจากเขาเพียงผู้เดียว
“คนทรยศเช่นเธอ ไม่ควรค่าที่ฉันต้องนึกถึง”
“หึ!! ผู้หญิงแพศยา ฉันเกลียด เกลียด”
