ผู้รับใช้โลหิต 2
Irene Part
ฉันคิดว่าจะหนีรอดจากพวกกลุ่มคนใจร้ายเหล่านี้ได้ คิดว่าพวกเขาคงไม่หาเรื่องฉันแล้ว แต่ฉันคิดผิด คนพวกนั้นทำร้ายฉันราวกับว่าฉันไม่ใช่คน ทั้งที่เป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน แต่เหตุใดพวกเขากลับไม่เห็นใจหรือสงสารฉันบ้างเลย พวกเขาเอาแต่เชื่อฟังแวมไพร์พวกนั้น เหตุใดถึงยอมทิ้งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์กันได้ขนาดนี้
ผมของฉัน ผมที่ยาวสลวยที่ฉันไว้ยาวมาตั้งแต่ที่พ่อกับแม่เสีย ตอนนี้กำลังถูกพวกมนุษย์ใจร้ายและพวกแวมไพร์ที่น่ารังเกียจตัดมันออกจนไม่เป็นทรง ไม่รู้ว่าฉันไปทำอะไรให้พวกเขาเจ็บช้ำน้ำใจนักหนา พวกเขาถึงได้กระทำรุนแรงกับฉันเช่นนี้ จะมีไหมใครสักคนที่มองเห็นฉันในตอนนี้และเข้ามาช่วยให้ฉันหลุดพ้นไปจากขุมนรกนี้ที
“หยุดเดี๋ยวนี้!!! ปล่อยเธอซะ!!!”
เสียงนั้นทำให้ทุกการกระทำถูกหยุดลง ทุกคนต่างหันตามไปมองยังต้นตอของเสียง ผู้มาใหม่กำลังย่างกรายเข้ามาและก้มลงไปอุ้มเอาคนตัวเล็กที่นอนฟุบอยู่ที่พื้น
“เจ้าชาย.....”
“หุบปากซะ!!!”
ไคน์ตะโกนใส่แวมไพร์สาวด้วยน้ำเสียงอันทรงพลัง ตอนนี้เจ้าชายอย่างเขาไม่พอใจอย่างยิ่งกับทุกการกระทำที่เกิดขึ้นกับคนตัวเล็ก เขาอุ้มไอรีนออกไปยืนตรงระเบียงใหญ่ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของมหาวิทยาลัยแห่งนี้
“แวมไพร์ทุกตนและมนุษย์ทุกคนในที่นี้จงฟังให้ดี ฉันในนามเจ้าชายไคน์ เคลล็อกก์ ผู้ปกครองมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า ผู้หญิงคนนี้คือผู้รับใช้โลหิตของฉันนับตั้งแต่วันนี้ เธอคือคนของฉัน หากใครกล้าทำร้ายเธออีก นั่นหมายความว่ากำลังท้าทายฉัน”
เสียงประกาศนั้นทำให้แวมไพร์สาวผู้ซึ่งหลงรักและหมายปองเจ้าชายมานานอย่างเฮเลน่า กอนซาเลซ ถึงกับกำมือแน่นด้วยความโกรธแค้น
“ฉันไม่ยอมให้มันเป็นเช่นนั้นแน่ มนุษย์ที่ไร้ค่าอย่างแกไม่เหมาะสมกับเจ้าชายเลยสักนิด...ชิ!!!”
เสียงประกาศกร้าวของไคน์สร้างความฮือฮาได้เป็นอย่างมาก หลายคนต่างอิจฉาไอรีนที่เธอได้รับโอกาสเป็นผู้รับใช้โลหิตข้างกายเจ้าชาย ตอนนี้ไม่มีใครหน้าไหนกล้าที่จะทำร้ายเธออีกแล้ว
ไคน์อุ้มคนตัวเล็กไว้ในอ้อมแขน เขาพาเธอกลับไปยังคฤหาสน์หลังใหญ่ ร่างสูงบรรจงวางเธอลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา เขาเอื้อมมือไปลูบไล้ทั่วใบหน้างามและเส้นผมที่ถูกตัดอย่างไม่เป็นทรง
“บัดซบ!!!”
เขาสบถออกมาด้วยความโกรธ เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนที่ยาวสลวยสวยงาม แบบที่เขาชอบตอนนี้กลับถูกตัดขาดไม่เหลือชิ้นดี
“บาร์รอน นายเข้ามาหาฉันหน่อย”
ไคน์เอ่ยเรียกผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและผู้ติดตามที่เขาไว้วางใจให้เข้ามาหาก่อนจะเอ่ยสั่งให้เขาไปจัดการเรื่องบางอย่างให้
“ชื่อไอเดน เมอร์ตัน อาศัยอยู่บ้านพักโทรมๆ เก่าๆ แถวชานเมือง ฝากจัดการด้วย”
“นายจะไม่บอกเธอหน่อยเหรอเรื่องนี้”
“ไม่จำเป็น นายรีบไปจัดการเถอะ”
“หึ!! การกระทำของนายมันดูย้อนแย้งกับคำพูดนะ รู้ตัวไหม”
บาร์รอนเอ่ยเพียงเท่านั้นก็เดินออกไป ปล่อยให้เจ้าชายอย่างไคน์อยู่ภายในห้องกับคนตัวเล็กเพียงลำพัง ร่างสูงค่อยๆก้มลงพรมจูบไปที่ร่องรอยบาดแผลตามใบหน้าและเนื้อตัวของคนที่กำลังหลับใหลไม่ได้สติอยู่บนเตียง
บาดแผลตามเนื้อตัวและใบหน้างามนั้นค่อยๆจางหายไปพร้อมกับรอยจูบ ดวงตาคู่สีน้ำตาลนั้นค่อยๆลืมขึ้นช้าๆ คนตัวเล็กมองไปบริเวณโดยรอบก็พบว่านี่คือห้องนอนของเธอในคฤหาสน์เคลล็อกก์ สายตาคู่สวยหันไปมองฝั่งซ้ายมือก็เจอร่างสูงที่คุ้นชินกำลังนั่งมองเธออยู่อย่างไม่ละสายตา
“อื้อ....”
“ฟื้นแล้วเหรอ?”
ร่างสูงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย เขาไม่แสดงท่าทีใดออกมานอกจากใบหน้าที่นิ่งเฉยไร้อารมณ์และความรู้สึก
“นะ...นาย ทำอะไรฉัน?”
“อย่างฉันเหรอจะทำอะไรเธอ อย่าสำคัญตัวมากไปหน่อยเลยน่าสาวน้อย หัดสำนึกในบุญคุณของฉันบ้างนะที่ช่วยรักษาบาดแผลให้เธอ”
“บาดแผล?...หายไปแล้ว ไม่มีแล้วนี่”
“หึ!! ต่อไปพวกนั้นจะไม่กล้าทำร้ายเธออีก เพราะเธอคือผู้รับใช้โลหิตของเจ้าชาย จะไม่มีใครกล้าทำร้ายคนของฉัน แล้วก็ ฉันให้แม่บ้านไปตามช่างตัดผมมาให้เธอแล้ว ผมของเธอถูกตัดจนขาดเช่นนี้ช่างไม่ถูกใจฉันเอาเสียเลย รออยู่นี่ห้ามไปไหน ฉันจะให้ช่างตัดผมมาจัดการให้”
“มะ...ไม่!! ผม...ฉัน!!”
“เธอจะใช้ชีวิตโดยที่ผมเป็นแบบนี้หรือไง จะให้ใครต่อใครมาหัวเราะเยาะผู้รับใช้โลหิตของฉันเหรอ”
“แต่.....”
“อย่าพูดมาก! ฉันไม่ชอบผู้หญิงพูดมาก ทำตามคำสั่งของฉันซะ แล้วฉันจะรอดู”
ร่างสูงพูดอย่างเอาแต่ใจก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องนั้น ตอนเด็กมีแต่คนชมว่าผมสีน้ำตาลอ่อนของเธอนั้นช่างงดงาม เมื่อต้องตัดมันออกไป จะไม่ให้เธอเสียใจได้อย่างไรกัน
ไอรีนนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่บนเตียงกว้าง ทั้งที่เธออยากใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร รีบศึกษาเล่าเรียนให้จบเอาความสำเร็จไปฝากน้องชาย แต่เหตุใดกลับกลายเป็นแบบนี้ รวมถึงน้องชายที่เธอรักที่สุดอย่างไอเดน ที่ตอนนี้ไม่รู้ถูกเอาตัวไปไว้ที่ไหน จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร พี่สาวอย่างเธอกลับไม่รู้อะไรเลย
“ขอโทษนะไอเดน พี่เป็นพี่ที่แย่จริงๆ ที่ดูแลน้องชายคนเดียวยังไม่ได้...ฮึก!”
“คุณหนู ช่างตัดผมมาถึงแล้ว”
เสียงสะอื้นไห้นั้นต้องหยุดชะงักลง มือเล็กรีบยกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างเมื่อได้ยินเสียงเรียกของสาวใช้ ก่อนที่พวกเธอจะพาช่างตัดผมที่เป็นมนุษย์เหมือนกับเธอเข้ามาภายในห้อง
“คุณหนู ผมจะทำให้ผมของคุณกลับมาสวยเหมือนเดิม ไม่ต้องกังวลนะครับ”
“ฮึก......”
เสียงสะอื้นดังขึ้นอีกครั้ง ทุกความรู้สึกนึกคิดถาโถมเข้ามายังโสตประสาท น้ำสีใสรินไหลลงอาบแก้มนวลทั้งสองข้างราวกับเขื่อนแตก ผมยาวสลวยที่เธอรักกำลังจะถูกตัดออกไป ผมสีน้ำตาลอ่อนที่มีเพียงผู้เป็นแม่เท่านั้นที่เคยตัดให้ตอนนี้กำลังจะถูกใครคนอื่นตัดมัน
---ฉับ! ฉับ! ฉับ!---
เสียงของกรรไกรที่ตัดลงไปยังเส้นผมที่อ่อนนุ่มนั้นช่างทำให้เธอเจ็บปวด คนตัวเล็กไม่สามารถกลั้นสายน้ำจากดวงตาทั้งสองข้างได้เลย เธอปล่อยโฮออกมาจนกระทั่งการตัดผมเสร็จสิ้นลง ร่างสูงที่ยืนมองอยู่ด้านหลังนั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงพอใจกับผลงานที่เห็น
“ก็ไม่เลวนี่ ดูดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ”
คนตัวเล็กหันไปมองตามเสียงนั้นพร้อมกับน้ำตาที่ยังไหลออกมาจากดวงตาคู่งามไม่หยุด คราบน้ำตาที่ไหลเปรอะเปื้อนแก้มนวลทั้งสองข้าง ทำเอาแวมไพร์หนุ่มที่เห็นเช่นนั้นรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย
“เธอร้องไห้ทำไม หยุดซะ! ฉันไม่ชอบเห็นน้ำตาของใคร”
ยิ่งพูดก็เหมือนเอาไม้ไปแหย่รังแตน เขื่อนน้ำตาที่แตกอยู่แล้วตอนนี้มันกลับระเบิดตู้ม น้ำสีใสไหลพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสายโดยที่ไม่มีคำพูดใดเอื้อนเอ่ยออกมาจากคนตัวเล็กนอกจากเสียงสะอื้นและเสียงร่ำไห้
“หยุดร้องนะ!! ฉันบอกให้หยุดไง”
คนที่สุดแสนจะรังเกียจแวมไพร์แบบเธอต้องมาร้องไห้ฟูมฟามต่อหน้าพวกแวมไพร์เช่นนี้ ช่างน่าอับอายเสียจริง
“คุณหนู หยุดร้องเถอะค่ะ ที่เจ้าชายทำไปทุกอย่างก็เพราะต้องการช่วยคุณหนูนะคะ”
เสียงสาวใช้ผู้หนึ่งพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ยอมหยุดร้องไห้สักที แต่คำพูดนั้นกลับได้ผล คนตัวเล็กหยุดร้องทันที เธอถามกลับไปด้วยความสงสัย
“ช่วย?....เหตุใด? เพราะอะไรนายถึงช่วยฉัน”
“หึ!! ผู้รับใช้โลหิตของฉัน ย่อมได้รับการปกป้องจากฉัน หยุดร้องไห้ได้แล้ว ทรงผมใหม่ของเธอก็ดูไม่เลว รีบพักผ่อนเถอะ เธอต้องเตรียมพร้อมร่างกายให้ดี เพราะต่อจากนี้ไปเธอจะต้องรับใช้ฉันในฐานะผู้รับใช้โลหิตของฉันแต่เพียงผู้เดียว”
