ตอนที่ 5
ป้าเตือนบอกว่านายหรั่งจะออกจากบ้านไปทำงานเจ็ดโมงเช้า พุธิตาจึงรีบลุกขึ้นไปเตรียมกาแฟ ขนมปังไส้กรอกไข่ดาวซึ่งมีอยู่ในตู้เย็น ตอนนาฬิกาบอกเวลาหกโมง
เมื่อคืนคงเสียพลังงานกันเยอะ เช้านี้เอาไปเล๊ย... ไข่ดาวคนละสามฟอง แถมเพิ่มเบคอนเป็นพิเศษอีกคนละสองริ้ว ขนมปังปิ้งจากคนละสองแผ่นเป็นสี่ คงจะถูกใจ
ทว่าเมื่อเธอยกถาดอาหารสองที่เตรียมจะไปเสิร์ฟรอที่โต๊ะก็ต้องชะงักกึกกับภาพที่เห็น
ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดแต่งกายรัดรูปสั้นจู๋สุดวาบหวามกำลังเขย่งตัวขึ้นจูบแก้มที่ระคายไปด้วยไรเคราเขียวๆ
ร่างสูงบึกบึนยังอยู่ในชุดเสื้อคลุมนอน
หล่อนเป็นคนไทยนี่?
งั้นก็หมายความว่า เมื่อคืนนี้ อีตาแมวตัวผู้... ทอมแคท... พาผู้หญิงอื่นมานอนด้วยน่ะสิ?
เสียงครวญครางที่ได้ยินก็คงเป็นเสียงของผู้หญิงผมดำหน้าเอเชียไมเนอร์คนนี้แหงๆ ไม่ใช่แหม่มที่เป็นเมียเขาอย่างที่เธอเข้าใจ
แหม...อีตาบ้า!
พอเมียไม่อยู่เข้าหน่อย ก็พาผู้หญิงมาบ้าน ไม่ได้มาเฉยๆ ด้วยนะ ถ้าวัดจากเสียงครางที่ได้ยิน กับการจูบล่ำลา
พุธตายังยืนทำตาพองมองจูบลาของชายหนุ่มกับแม่สาวผิวคล้ำ เมื่อดวงตาสีทองคมกริบเหลือบมองมา เธอเลยได้แต่บอกอุบอิบ
“อาหารเช้าพร้อมแล้วค่ะ”
จากนั้นก็รีบยกถาดอาหารเดินรี่ไปวางที่โต๊ะโต๊ะอาหาร
คนตัวใหญ่เดินตามมานั่งโต๊ะ เลิกคิ้วเข้มอย่างฉงนเมื่อเห็นอาหารตรงหน้า
“สองที่...คุณจะร่วมโต๊ะกับผมด้วยงั้นเหรอ”
“เปล่าค่ะ ก็ที่หนึ่งของคุณ อีกที่ก็ของคุณเอวาไงคะ”
พุธิตาแจกแจง จึงได้เห็นเขาเม้มเรียวปาก ดูก็รู้ว่าเริ่มไม่สบอารมณ์อีกแล้ว
“วันหลังทำแค่ชุดเดียวพอ”
เสียงห้วนๆ จากปากได้รูป บนหน้าตึงๆ มีบัญชามา
พุธิตาทำหน้างง
“เอ้า...แล้ว...”
“เอวาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว”
พุธิตามองคนพูดตาปริบๆ
“ทำไมล่ะคะ?”
คนถูกถามสีหน้าหงุดหงิด ตอบด้วยเสียงห้วนแสนห้วนว่า
“ไม่ทำไม แค่เราหย่ากันแล้ว”
“หย่า!?”
พุธิตาเผลอร้องอุทานเสียงดังจนอีกฝ่ายตวัดสายตามองดุอย่างตำหนิ
“ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ป้าเตือนไม่เห็นบอกเลยว่า...”
“ผมยังไม่ได้บอกป้าเตือน เราแยกทางกันหลังวันที่ป้าเตือนถูกรถชนวันเดียว”
หญิงสาวพยักหน้ารับรู้หงึกหงัก
“ฉันเสียใจด้วยค่ะ”
“ขอบใจ”
เขากล่าวเรียบๆ ยกเหยือกกาแฟขึ้นเทใส่ถ้วย
“งั้นฉันขอเอาชุดนี้เข้าไปเก็บก่อนก็แล้วกันนะคะ”
พุธิตาทำท่าจะยกอาหารที่เกินมาหนึ่งที่กลับเข้าครัว เจ้านายหน้าหงิกพยักหน้าสองหงึก พูดมาขณะที่ใช้มีดแบ่งไข่ดาวไปด้วยว่า
“ปกติตอนเช้าผมรับไข่ดาวแค่ฟองเดียว”
เธอเลยยังจากไปไม่ได้เพราะต้องแจงเหตุผลให้เขารู้ก่อน
“ก็..เอ้อ..ก็ฉันเห็นว่าเมื่อคืนคุณ...”
ทอมหรี่ตามองอย่างสงสัยกับท่าทีขัดเขินและใบหน้าเป็นสีเรื่อของอีกฝ่าย
“เมื่อคืนคุณเห็นอะไร?”
“ปละ..เปล่าค่ะ” พุธิตาโบกไม้โบกมือปฏิเสธพัลวัน หน้ายิ่งจับเลือดฝาดเข้มขึ้นกว่าเดิมเมื่ออธิบายว่า“ฉันไม่ได้เห็นอะไรหรอกแต่...ฉันได้ยินเสียง”
“เสียงอะไร?”
เขาวางมีดและส้อมลง ซักเสียงเข้มงวดขึ้นมา
พุธิตายืนดึงขอบผ้ากันเปื้อนที่คาดเป็นเอี๊ยมทับชุดเสื้อยืดกางเกงยีนที่สวมใส่ไปมา
“ก็เสียง...” เธอสูดลมหายใจลึกก่อนจะโพล่งออกมารัวเร็วว่า “เสียงครางหงิงๆ ของผู้หญิงคนนั้นน่ะสิ!”
ตอบเสียงกระแทกกระทั้นไปแล้ว ก็รีบคว้าถาดใส่อาหารขึ้นมา จากนั้นก็ซอยเท้าพรวดๆ ออกจากตรงนั้นมาโดยเร็วแทบหายใจหายคอไม่ทัน
ตาบ้าเอ๊ย! ทำไมต้องมาซักกันด้วยนะ ตัวทำอะไรเมื่อคืนนี้ก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ หน้าไม่อาย!
ทอมให้เงินจำนวนหนึ่งสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายซื้อของเข้าบ้านก่อนที่จะไปทำงานในเช้านั้น
พุธิตาลงไปตามช่างประจำคอนโดฯขึ้นมาเปลี่ยนลูกบิดประตูห้องน้ำเป็นอันดับแรก ก่อนจะลงมือทำงานบ้าน และออกไปจับจ่ายซื้อของที่จำเป็น รวมไปถึงอาหารสดมาเก็บใส่ตู้เย็นที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆคอนโดฯในตอนบ่าย
อยู่กันแค่สองคนผัวเมียน่าจะจ้างคนทำความสะอาดแบบไปกลับก็พอ ไม่น่าถึงกับต้องมีแม่บ้านประจำเลย งานบ้านก็ไม่ได้มากมายอะไร
ยิ่งตอนนี้เมียเขาไม่อยู่มีแค่เขาคนเดียว ยิ่งง่ายใหญ่ ไม่ต้องมีคนช่วยยังได้เลย ก็เขายังอยู่มาได้ตั้งสองอาทิตย์อย่างไม่เดือดร้อนนี่นะ
อยู่คนเดียว…
จริงสินะ พุธิตาเพิ่งได้ตระหนักขึ้นมา
ตอนนี้เขาอยู่คนเดียว งั้นก็หมายความว่าเธอต้องอยู่กับเขาสองต่อสอง ตามลำพังบนห้องพักคอนโดฯแห่งนี่นะสิ!
นึกแล้วก็อดใจคอหายแว๊บขึ้นมาไม่ได้
ที่เธอกล้าเข้ามาทำงานที่นี่กับชาวต่างชาติแปลกหน้าก็เพราะอุ่นใจว่าเขาอยู่กันเป็นครอบครัวผัวเมีย และป้าเตือนตาก็ยังโฆษณาความดีเด่นของนายจ้างให้ฟังเสียดิบดีจนเธอคลายจากความปริวิตกทั้งปวง
แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว
เธอต้องอยู่ตามลำพังกับผู้ชายฝรั่งที่เพิ่งหย่ากับเมีย จะมั่นใจความปลอดภัยได้สักแค่ไหนกันนี่
พุธิตาคิดด้วยความวิตกจริต และอดจะนึกเสียววูบขึ้นมาไม่ได้เมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ในห้องน้ำของเขาเมื่อวานนี้
ถ้าเขาเกิดเข้ามาทำอะไรเธอในตอนนั้น ป่านนี้เธอไม่...ว้าไม่อยากคิดเลย
