ตอนที่ 4
“คุณต้องการให้ฉันทำอะไรบ้างในวันหนึ่งๆ ก็สั่งการมาได้เลยค่ะ”
พุธิตาข่มอารมณ์ขุ่นมัว พยายามทำใจไม่รับรู้การตอบสนองของสีหน้าท่าทางไม่เป็นมิตร ถามอย่างใจเย็น
“ป้าเตือนไม่ได้บอกคุณหรอกหรือ”
เสียงย้อนถามห้วน ราวรำคาญใจ
“บอกค่ะ ที่ฉันถามก็เผื่อคุณอยากจะมีอะไรเพิ่มเติม”
“ไม่มี ทำไปตามเดิมนั่นแหละ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณจะรับอาหารเย็นเลยมั้ยคะ ฉันจะไปเตรียมมาให้”
ตาสีทองคมๆ เหลือบมองอีก ดูอย่างกับว่าอวัยวะที่เคลื่อนไหวและใช้การได้ในร่างกายของเขามีเพียงสองอย่างเท่านั้น คือตากับปาก และใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่สอดคล้องไปในทางเดียวกันเสียด้วยคือ พูดด้วยปากถากด้วยตา
“คุณทำอาหารเป็นด้วยหรือ”
นั๊น...คำถามประเภทสบประมาท-ปรามาส-ดูถูก มาอีกแล้ว
“ก็พอได้ค่ะ อย่างน้อยฉันก็ทำแซนด์วิชเป็น”
“แซนด์วิช?”นอกจากทวนเสียงสูงยังทำหน้าพิกล “นี่คุณกะจะให้ผมกินแซนด์วิชไปทุกมื้อเลยหรือไง”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันพอทำอาหารไทยได้หลายอย่าง ป้าเตือนบอกว่าคุณทอมชอบอาหารไทย แต่คุณเอวาชอบอาหารฝรั่งมากกว่า ฉันซื้อตำราอาหารไทยกับฝรั่งติดมือมาด้วยหลายเล่มค่ะ คิดว่าคงจะพอไปได้”
“ผมก็เลยต้องกลายเป็นหนูทดลองให้แม่ครัวหัดใหม่อย่างคุณสินะ”
เออ! ถ้านายเป็นหนูทดลองจริงๆ ฉันจะแกล้งเอาให้หูตาเหลือกเลย... หญิงสาวนึกตอบโต้อยู่ในใจ
เวลานี้ทั้งความหล่อเหลา และหุ่น...ชวนคิดอกุศลด้วย หลีกทางให้ความโมโหที่พยายามสะกดเอาไว้ เรียบร้อย
“ก็หรือคุณจะไม่เอาล่ะ”เธอชักเบื่อจะฟังเขาพูดด้วยสำเนียงเยาะเย้ยถากถาง รีบตัดบทว่า”ว่าไงคะ จะทานอะไร ฉันจะได้ไปทำให้”
“ผมไม่เคยดินเนอร์เวลานี้”
“เอ้า? แล้วคุณจะทานตอนไหนล่ะคะ”
“เจ็ดโมง”
“ทุ่มหนึ่งหรือคะ? ฉันคงอยู่ทำให้คุณตอนนั้นไม่ได้หรอก ต้องไปเรียน”
“เรียน?” เขาเลิกคิ้วเข้มข้างหนึ่ง “เรียนอะไร?”
“เรียนหนังสือสิคะ ฉันเรียนภาคสมทบ เอาอย่างนี้ได้มั้ยคะ ฉันทำไว้ก่อน พอคุณจะทานค่อยเอาเข้าไมโครเวฟ”
เขาสั่นหน้าทันที
“ไม่ล่ะ ช่างเถอะ วันนี้ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะออกไปฟังเพลงข้างนอก”
แหม! มันน่าหาอะไรฟาดหัวสักที จะออกไปข้างนอกก็ไม่บอกเสียแต่แรก ปล่อยให้ถามยืดยาวอยู่ได้ เสียเวลาล่ำเวลา
“แล้วคุณเอวาล่ะคะ” ถามถึงภรรยาของเขา
ใบหน้าเฉยชานั้นดูจะตึงเครียดขึ้นมาทันควัน แถมมองเธอเหมือนอยากจะด่าว่าแรงๆที่บังอาจพูดจาไม่ถูกหูอย่างไรอย่างนั้น
แต่ท้ายสุดก็ทำเพียงร่างสูงใหญ่ยืนตรง แล้วสาวเท้าผ่านหน้าเธอเข้าข้างในไปโดยไม่พูดไม่จา
ประสาท! เราไม่ได้พูดอะไรกวนโทสะสักหน่อย แค่ถามถึงเมีย ทำเป็นมาชักสีหน้า
สงสัยจะทะเลาะกับกัน
ไปดีกว่าเดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน อยากได้อะไรก็ว่ากันไปเองก่อนก็แล้วกัน ช่วยตัวเองมาได้ตั้งสองอาทิตย์ ไม่หนักหนาสาหัสอะไรหรอกน่า
พุธิตากลับจากเรียนถึงบ้านใกล้สามทุ่ม พบว่านายฝรั่งของป้าเตือนยังไม่กลับเข้าบ้าน ภรรยาของเขาก็ยังไม่ปรากฏวี่แววให้เห็น
หรือว่าจะออกไปด้วยกัน?
เธอตัดสินใจที่จะไม่อาบน้ำเพราะไม่อยากเข้าไปใช้ห้องน้ำเจ้ากรรมที่ทำให้เธอต้องจดจำความอับอายขายหน้าไปชั่วชีวิตนั่น เปลี่ยนเสื้อผ้ามาเป็นชุดนอนเสร็จก็เข้านอนทันที เขาจะกลับมาตอนไหนก็ช่าง เธอทั้งง่วงและเพลียจะตายอยู่แล้ว
พุธิตาไม่รู้ว่าตนหลับไปนานแค่ไหน เมื่อสะดุ้งตื่นเพราะความหูไวของเจ้าตัว ที่ได้ยินเสียงอะไรนิดๆหน่อยๆก็รู้สึกตัว
นายทอมคงกลับมาแล้ว เธอหลับตาลงตามเดิมอย่างไม่นำพาต่อไป
แต่แล้วประสาทของเธอก็ต้องลุกโพลงในเวลาต่อมา เมื่อได้ยินเสียงบางอย่างจากห้องพักแขกที่อยู่ติดกัน
เสียงผู้หญิง…
อ๊าซ์! อ๊าซ...! ยัวร์ บิ๊ก!
อู้ว! โซ บิ๊ก! ควิก! ควิก!
เยส! เยส! อิท มูฟ อิท! อี๊!
……
อู๊ยสสส โอ๊ว์! โซ สตรอง! ...ซี้ดดดดด โซ บิ๊ก!
……..
มีแต่เสียงผู้หญิง ขณะเสียงผู้ชายเงียบกริบ
เสียงชื่นชมความใหญ่และยัง...แข็งแรง รวมถึงเสียงสูดปาก เสียงบอกให้เร็วๆ เสียงซี๊ดซ๊าดราวกินพริกเข้าไปทั้งกำ ให้ตายเถอะ! เสียงเดียวกับเสียงร้องครางของผู้หญิงในหนังฝรั่งที่เธอเคยดูเปี๊ยบ ถึงจะไม่ใช่หนังเอ็กซ์ แต่ถึงฉากเลิฟซีนทีไร แม่นักแสดงหญิงในเรื่องเป็นต้องร้องเสียงคล้ายๆ อย่างนี้ทุกที
ตายละหว่า!
พุธิตากัดมุมผ้าห่มตัวแข็งเครียดไปหมด
นายทอมตัวโตกับเมียเขาคงกำลัง...ทำอย่างว่ากันในห้องข้างๆ นี้แหงๆ
ห้องตัวเองก็มีทำไมต้องมาใช้ห้องพักแขก หรือจะเปลี่ยนบรรยากาศ
แล้วไอ้ผนังกั้นห้องนี่ ก็ช่างบางจนกั้นเสียงไม่ได้เอาจริงๆ แย่ชะมัด!
เสียงผู้หญิงที่ได้ยินครางถี่ขึ้นเป็นจังหวะขาดเป็นห้วงๆ บางทีก็ฟังดูโหยหวน พุธิตารีบเอาหัวซุกเข้าไปใต้หมอนด้วยใจที่เต้นระรัว
ขนาดมีหมอนกั้นอีกชั้นหนึ่งแล้วก็ยังไม่วายได้ยินแว่วๆอยู่ดี
โอย! นี่ป้าเตือนมิใจแตกไปหลายเสี่ยงแล้วรึ มานอนฟังเสียงสยิวกิ้วแบบนี้ ก็ป้าแกยังเป็นสาวบริสุทธิ์ทั้งกายใจนี่นะ
ไม่นานเสียงชวนให้นึกหนาวๆร้อนๆ นั้นก็เงียบหายไป พุธิตาพ่นลมออกจากปากอย่างโล่งอก เฮ้อ! สิ้นเคราะห์ จบเวรไปเสียที
แต่ก็กรรมเหลือเกิน เพราะตั้งแต่ตอนนั้นตาของเธอก็แข็งค้างหลับไม่ลงอีกเลย
